ตอนที่ 7

1049 Words
อรุณแห่งวันใหม่เข้ามาเยือนนิลลนายกมือกุมศีรษะเพราะอาการปวดตุบบริเวณขมับ เปลือกตาค่อยๆ เปิดออกรับแสง ภาพทุกอย่างเริ่มชัดเจน ร่างบางลุกนั่งดวงตาเบิกกว้างสีหน้าตื่นตระหนก กวาดตามองโดยรอบด้วยความสับสน ที่นี่ที่ไหน มาอยู่ได้ยังไง แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ ห้องกว้างเตียงสีเสา พื้นถูกปูด้วยกำมะหยี่ปักลวดลายงดงาม เครื่องเรือนเป็นทองคำแทบทั้งหมด ผ้าม่านสีไข่ไก่ เธอลุกยืนสะบัดศีรษะไล่ความมึนงง ก้าวยาวมาถึงหน้าต่างรูดม่านออก มองเห็นเบื้องหน้าเป็นโอเอซิสขนาดใหญ่เห็นสาวๆ ทั้งผิวขาว ผิวน้ำผึ้ง กำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน บางคนสวมชุดราวกับนักเต้นระบำในดินแดนภารตะ รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นน่ามอง มือบางยกทาบอกนี่ตนเองกำลังฝันอยู่หรือเปล่า แอด... เสียงประตูห้องเปิดออกนิลลนาหันมอง เห็นชายรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้านี่เคยเห็นมาก่อน นัยน์ตาสีอำพันยังคงมีมนต์ขลังอย่างน่าประหลาดเช่นเคย วันนี้เขาสวมชุดคล้ายชุดประจำชาติชาวอินเดียเรียกว่ากรุต้า ยิ่งทำให้ชวนมองมากขึ้น  แต่ทว่าเธอไม่เคยคิดสนใจเลยสักนิดว่าชายคนนี้จะหล่อเหลาหรือเป็นใครมาจากไหน เพราะเหตุการณ์ที่เผชิญคือการถูกกักขังอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ "คุณจับฉันมาใช่ไหม ที่นี่ที่ไหน ทำไมต้องจับฉันมาด้วย ปล่อยฉันออกไปนะ!” หญิงสาวพ่นถ้อยคำออกมาด้วยความเดือดดาล ทรงยกพระหัตถ์เพื่อห้ามปราม เห็นนางหอบโยนเมื่อยิงคำถามชุดใหญ่ ผิวแก้มเริ่มแดงปลั่งเพราะความโกรธ กษัตริย์มาซาฮาฟทรงแย้มพระโอษฐ์ “ไม่ต้องยิงคำถามกับเราขนาดนั้นก็ได้ เรายินดีตอบทุกคำถามอยู่แล้ว” นิลลนากรอกตาเล็กน้อย จ้องมองชายแปลกหน้าอย่างจับผิด เธอเคยตบหน้าเขา หรือนี่คิอการแก้แค้น ทำยังไงดีจะโดนฆ่าหมกทรายอยู่ที่ซากวัยอย่างนั้นเหรอ ไม่ได้แล้วเธอต้องอ่อนเข้าไว้ “ฉันอยากรู้ว่าคุณเป็นใคร แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” “อยากรู้ว่าเราเป็นใครนะเหรอ” พระองค์ทรงย้อนถามแล้วเลิ่กพระขนง “ก็ใช่นะสิ” กษัตริย์มาซาฮาฟทรงยกพระกรกอดพระอุระ ดูท่าสาวน้อยคนนี้จะดื้อดึงกว่าที่คิด “เราเป็นคนพาตัวเจ้ามาที่นี่เอง ที่นี่คือพระราชวังแวนเดอเลีย” “อะไรนะ!” นิลลนาร้องลั่นด้วยความตกใจ นี่เธออยู่ในวังแวนเดอเลียเหรอ สถานที่ที่ไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนสามารถมาเยือน เพราะไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้า “ตกใจอะไรรึ ปกติเจ้าชอบไม่ใช่หรือสถานที่ต้องห้าม” “ฉันไม่เข้าใจเลย...” คนตัวเล็กส่ายหน้าสับสน “คุณพาตัวฉันมาที่นี่ทำไม แล้วตกลงคุณเป็นใครกันแน่” กษัตริย์มาซาฮาฟนิ่งครู่หนึ่งแล้วทอดพระเนตรหญิงสาว ยิ่งพิศยิ่งแปลกใจ คราแรกพระองค์ต้องการสั่งสอน เพราะนางบังอาจตบพระพักตร์ แต่ตอนนี้กลับคิดอีกอย่าง ริมฝีปากบางแต่ช่างพูดหากจุมพิตจะหวานหรือไม่  ผิวแก้มแดงปลั่งจนน่าสูดกลิ่นหอม ปกติพระองค์ไม่เคยพาตัวสตรีนางใดมา โดยไม่ได้รับความยินยอมพร้อมใจ แต่สำหรับนางเป็นกรณิพิเศษ นางคงดีใจหากรู้ว่าพระองค์คือผู้ใด “เราต้องการตัวเจ้าเป็นนางสนม ที่นี่เจ้าจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ ทั้งทรัพย์สมบัติ และตัวข้า แค่เพียงเจ้าเอ่ยปากออกมาเท่านั้น เราจะให้” นะ...นางสนม บ้าบอคอแตกอะไร ตกลงผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ “คุณพูดอะไรออกมา นางสนมอะไรฉันไม่เข้าใจ!” นิลลนาถามเสียงสั่น “เจ้ายังไม่รู้อีกรึว่าเราเป็นใคร เราคือกษัตริย์แห่งประเทศซากวัย มาซาฮาฟ จาเมียร์” ไม่จริงใช่ไหม มือบางยกขึ้นปิดปากหากฝันขอให้ตื่นขึ้นเถิด เพราะตอนนี้หัวใจมันสั่น ใช่จากใบหน้าหล่อเหลาของชายแปลกหน้า แต่มาจากความกลัวต่างหาก เธอจ้องมองดวงตาเบิกกว้าง ส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อคำพูดนั้น “ไม่จริงหรอกคุณโกหก!” ก่อนพระองค์ได้ตรัส เสียงฝีเท้าดังแว่วพร้อมด้วยราชองครักษ์อัสลันหยุดยืน เขาก้มศีรษะทำความเคารพสายตาชำเลืองมองสาวชาวไทยเล็กน้อย แล้วให้ความสนใจต่อองค์กษัตริย์ “ฝ่าบาทวันนี้ตอนบ่ายสามโมง ท่านรัฐมนตรีอาริกมันขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ” “อืม เรารู้แล้ว” “เกล้ากระหม่อมขอทูลลาพะยะค่ะ” อัสลันเดินเลี่ยงออกมา ใจอดเป็นห่วงหญิงชาวไทยไม่น้อย ทรงหันมาสนพระทัยต่อนางอีกครั้ง ร่างบางสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่น บุรุษผู้นี้คือกษัตริย์แห่งซากวัยจริงๆ ไม่อยากเชื่อ เหมือนฝันนี่เธอกำลังเผชิญหน้ากับพระองค์อยู่ “เราคุยกันมาหลายประโยคแล้ว ข้าอยากรู้ว่าเจ้าชื่ออะไร” พระสุรเสียงทุ้มแต่ทรงอำนาจ ทำเอาคนถูกถามจำต้องมองสบตา “เอ่อ... หม่อมฉันชื่อนิลลนาเพคะ” เธอตอบตะกุกตะกักเพราะไม่เชี่ยวชาญคำราชาศัพท์มากนัก “อืม” ทรงสาวพระบาทเข้าหา ร่างบางผงะถอยหลังตามสัญชาตญาณ ทรงหยุดแล้วทอดพระเนตร “คำตอบของเจ้าล่ะคืออะไร” “พระองค์หมายถึงเรื่องอะไรเพคะ” “เรื่องที่เราต้องการให้เจ้าเป็นสนมน่ะสิ” สนมงั้นเหรอ เธอรู้สึกเหมือนตนเองถูกตบหน้า ต่อให้หล่อปานเทพบุตรมาจุติจากสวรรค์ หากต้องเป็นนางเล็กนางน้อยเพื่อสนองตัณหาผู้ชายแล้วได้ทรัพย์ ยอมกัดก้อนเกลือหรือโสดจนตาย อีกอย่างเธอไม่ใช่หมูในอวยเห็นเงินทองหรือคนหล่อแล้วกระโจนเข้าหา ต่อให้เป็นกษัตริย์ใหญ่สักแค่ไหนก็ไม่สนหรอก ไม่ได้รักใคร่ชอบพอกันมาก่อน แถมยังลักพาตัวตามอำเภอใจใครจะยอม ศักดิ์ศรีถึงมันกินไม่ได้แต่ไม่ยอมเสียเด็ดขาด “หม่อมฉันขอทูลตามตรงนะเพคะ หม่อมฉันไม่ต้องการเป็นสนมของพระองค์” เธอยืนยันหนักแน่น สบพระเนตรอย่างไม่เกรงกลัว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD