สองเดือนผ่านไป
“อันนา นาอัน อันอัน”
เสียงเรียกจากเพื่อนสนิทดังเหมือนแมลงหวี่แมลงวันตรงข้างหู แต่แล้วก็พยายามฝืนปากตอบไปไม่ไหว นิ่งอยู่อย่างเดิม เสียงเรียกเธอจึงดังขึ้นอีกครั้ง
“อันนา!”
อันนาขยับเปลือกตาเปิดขึ้นได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น เธอพยายามฝืนสังขารมองคนเรียกแต่ก็ลำบากเอามาก ๆ จึงส่งเสียงครางในลำคอว่า “หืม มีอะไรวะเก๋”
กุ๊กเก๋ทำหน้าเอือม ๆ ไม่ยอมปล่อยให้เธอนอนต่อ “ทำไมเดี๋ยวนี้แกขี้เซาจังเลยวะ ลุกมาคุยกันก่อนเร็ว” ว่าจบลากเอาเธอที่ขืนตัวให้ตั้งฉากกับพื้นโลกให้จงได้
เธอก็พยายามแล้วแต่ความง่วงและอาการอยากนอนมีมากเหลือเกิน ร่างกายก็หนักอย่างกับก้อนหินยักษ์ ในคอเหมือนจะแห้ง ๆ อย่างไรชอบกล ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบายอีกต่างหาก แล้วขยับปากที่หนักราวกับหินบอกเพื่อนไปว่า “มีไรก็พูดมาดิ หูฉันไม่ได้หลับด้วยสักหน่อย ยังได้ยินแกเรียกอยู่เลยเนี่ย”
“สภาพแกอย่างกับผี แล้วคืนนี้จะไหวหรือวะอันอัน”
“คืนนี้มีอะไร ทำไมต้องไหวหรือไม่ไหวด้วย”
“ปาร์ตี้วันเกิดพี่ต้นปัณน่ะสิ” เพื่อนตัวดียื่นหน้าลงมาบอก พร้อมกับทำหน้าทำตาเจ้าเล่ห์ใส่เธออีกด้วย แต่แล้วกลับได้รับเสียงถามยานคางของเธอเป็นของรางวัลตอบแทนกลับไป
“พี่ต้นปัณ พี่ต้นปัณไหนวะ”
ทวนชื่องึม ๆ งำ ๆ สองสามรอบแล้วก็เบิกตากว้างขึ้น เมื่อได้ยินชื่อชายที่ตนแอบชอบ งานนี้ไม่ไหวก็ต้องไหวแล้วล่ะ
“คืนนี้หรือวะ ฉันลืมวันเกิดพี่ต้นปัณได้ไงวะเนี่ยเก๋”
อันนาดูหลุกหลิกร้อนรนเมื่อได้รับการแจ้งเตือนจากเพื่อนว่าวันนี้แล้วที่เป็นวันเกิดของรุ่นพี่ที่เธอแอบชอบ
“ก็เออน่ะสิ ปกติแกคลั่งพี่ต้นปัณออกจะตาย นี่ฉันงงเลยนะที่แกทำเฉย ๆ ไม่กระตือรือร้นอะไรเลย ยังนึกว่าแกได้เป้าหมายใหม่แล้วซะอีก”
“ฉันไม่ได้มีเป้าหมายใหม่อะไรทั้งนั้นแหละ งือ พี่ต้นปัณ หนูขอโทษ ฉันลืมวันเกิดพี่เขาไปได้ยังไงวะเนี่ย”
“ตลอดเวลาสิบสามปีที่แกแอบชอบพี่ต้นปัณมา แกไม่เคยลืมเลยนะเว้ย ไม่ว่าจะวันเกิด วันจบ วันเกิดพ่อเขาแม่เขาแกก็ไม่เคยลืม”
“ใช่ไง” บอกเสริมด้วยความรู้สึกผิดอย่างที่สุด
กุ๊กเก๋มองเธอแล้วก็ถามกลับมา “แกทำอะไร ๆ ให้เขาไปตั้งขนาดนี้ พี่เขาจะไม่ระแคะระคายบ้างเลยหรือไงวะว่าแกแอบชอบเขาน่ะ”
“ไม่รู้เลยแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะเก๋”
กุ๊กเก๋แอบไม่เห็นด้วย ที่ชายหนุ่มรุ่นพี่จะไม่รับรู้ความรู้สึกนึกคิดของเพื่อนตนเอง ลองเสนอไปว่า
“ฉันว่าปีนี้แกจัดงานแบบเซอร์ไพรส์ให้พี่เขาดีไหมวะ”
“งานเซอร์ไพรส์อะไรวะเก๋”
“ก็งานเซอร์ไพรส์สารภาพรักปาร์ตี้ไปเลยไง”
ชื่ออะไรของมันวะ ยาวชะมัดเลย
“ไม่เอา” ร้องบอกเพื่อนออกไปคำหนึ่งพร้อมกับวาดภาพงานปาร์ตี้ที่ว่านั่นในใจ จู่ ๆ ก็พ้องกับคำแนะนำของเพื่อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่แล้วก็ใจฝ่อ เกิดอาการไม่กล้าขึ้นมาแทนที่อีกรอบหนึ่ง
“ป๊อดนี่หว่า”
“ก็...เออ ใช่แหละ ฉันกลัวว่าเขาจะไม่ได้คิดอะไรด้วยไง แล้วเดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติดเว้ย ไปนะ ห้าชั่วโมงฉันว่าน่าจะหาของขวัญทันว่ะ”
แล้วก็รีบพาตัวเองออกจากโต๊ะหินอ่อนภายในแกลเลอรีแสดงผลงานของตนเอง ตรงไปยังรถที่จอดทิ้งไว้อยู่ด้านหน้า ขับออกจากบริเวณลานจอดรถ วุ่นวายหาของขวัญให้รุ่นพี่ที่แอบมีใจให้ แล้วในเวลากระชั้นชิดนั่น อันนาก็ได้ของขวัญหนึ่งชิ้นในที่สุด
ที่งานเลี้ยงวันเกิดของปัณณวัฒน์ จัดในร้านของชายหนุ่มเอง เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ มารวมตัวกันไม่น้อย แม้ปัณณวัฒน์จะเป็นคนคุยไม่เก่ง แต่เขากว้างขวาง ครอบครัวเป็นกลุ่มคนมีอิทธิพลแต่ดั้งเดิม เท่าที่เห็น เขาไม่เคยเบ่งท่าวางก้ามกับใครเลย ออกจะสุภาพ อบอุ่น แล้วก็ดูใจดีไม่น้อย
นอกจากจะมีกิจการเป็นร้านอาหารนั่งดื่มที่ขยายสาขาออกไปเกือบทั่วทุกมุมเมืองแล้วนั้น ปัณณวัฒน์ยังเป็นนักเขียนนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนอีกด้วย
นี่ไงเล่าเธอถึงได้ชอบเขา
ก็ได้แค่แอบชอบ ไม่กล้าบอกเขาออกไปหรอก
กลัวความสนิทสนมที่เขามีให้จะจางหายไปเสียก่อน
อันนาคิดพร้อมกับยกแก้วเครื่องดื่มที่เป็นเหล้าอย่างที่ตนชอบ จิบไปพลาง ก่อนจะหน้ามุ่ยเมื่อเห็นหญิงสาวร่างผอมบางอวดหน้าท้องแบนราบเข้าไปมอบช่อดอกไม้และของขวัญให้แบบประชิดตัวชายหนุ่มรุ่นพี่ที่เธอแอบมอง แอบหลงใหล
จากนั้นค่อยก้มมองตัวเองที่ใส่ชุดอะไรมาไม่รู้ คืนนี้สารรูปของเธอดูไม่ค่อยดีเอาเสียเลย ปกติเธอก็เป็นคนแต่งตัวแรง แต่งตัวจัดชนิดที่เพื่อนเรียกว่า แปลกจัด ๆ หาตัวจับยากคนหนึ่งเลยนะ
แต่วันนี้บอกตามตรงว่าหมดแรงแต่งตัว คงเพราะร่างกายที่ดูหนาอวบมากขึ้น อย่างหน้าอกของเธอนี่อย่างไรเล่า มันดูบวมขึ้นเล็กน้อย ใส่ชุดที่เคยใส่ได้ก็ปลิ้นปริออกมาหมด ท้องก็ด้วย จากที่เคยแบน ๆ มาวันนี้ดูนูนหน่อย ๆ แล้ว
คงเพราะช่วงนี้เธอกินบ่อย กินจุบจิบ แล้วก็เอาแต่นอนทั้งวันนี่เอง พรุ่งนี้ต้องกลับไปเข้าฟิตเนสแล้วล่ะ ขืนขี้เกียจ เอาแต่กินกับนอนได้กลิ้งแทนวิ่งแน่ ๆ
ยกมือตบพุงตัวเองป้าบ ๆ สองทีพร้อมกับแขม่วให้มันแบนราบอย่างที่เคยเป็น แต่แล้วก็เจ็บจี๊ดเพราะตะคริวขึ้นที่ท้องน้อย
“โอ๊ย”
อันนาส่งเสียงร้องดังลั่นโต๊ะ เพราะมันเจ็บเอามาก ๆ เจ็บจนจุกเลยนาทีนี้ ก่อนจะทรุดลงเอนตัวไปยังที่ว่างของม้านั่งตัวยาวที่เธอนั่งจับจองอยู่เพียงคนเดียว กุมท้อง บดนิ้วนวดเบา ๆ เพื่อให้อาการทรมานแปลกประหลาดเหล่านี้ทุเลาเบาบางลงเสียที
“อัน”
เสียงทุ้มที่เรียกด้วยความอาทรดังมาจากอีกทิศทางของเก้าอี้ ถ้าหูไม่ฝาด นั่นมันเสียงของรุ่นพี่ที่เธอแอบรักอยู่นี่นา พยายามจะลุกขึ้นนั่งอย่างเดิม แต่แล้วก็ทำได้ยากเหลือเกิน พอตั้งสติได้ ไม่แขม่วท้องอีกแล้วก็ค่อยคลายอาการเจ็บลงเรื่อย ๆ