- ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว -
ภายในงานมอเตอร์โชว์ประจำปีผู้คนมากมายต่างก็พากันมาดูรถยนต์แต่ละค่าย ที่พากันออกรถตัวใหม่ออกมาแข่งขันกัน รถแต่ละคันก็มีสเปคที่ค่อนข้างแตกต่างกันไปแต่ก็ไม่ได้มาก ส่วนใหญ่คงต้องวัดกันที่รูปทรงที่ทำออกมาให้ตอบโจทย์ความพึ่งพอใจของลูกค้าให้มากที่สุด
และอีกส่วนนึงที่ทำให้คนมาดูงานมอเตอร์โชว์ก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะบอกว่าเป็นเพราะพริตตี้มอเตอร์โชว์ด้วยส่วนนึง...
ฉันส่งยิ้มให้กับกล้องตรงหน้าจากลูกค้าพร้อมกับโพสท่าคู่กับรถ ซึ่งสำหรับแรกๆ ที่ทำมันก็เขิน และก็รู้สึกอายมากๆ แต่ตอนนี้ฉันชินกับมัน และก็เริ่มรักอาชีพนี้เพราะมันค่อนข้างให้เงินกับฉันมากพอสมควร
พอเสร็จจากงาน ฉันก็รีบกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะไปหาลูกค้าที่ฉันรับงานกินข้าวไว้
“ เอมเดี๋ยวเค้าไปก่อนนะ...” ฉันหันไปบอกเพื่อนที่ทำงานพริตตี้ด้วยกัน ก่อนจะรีบสะพายกระเป๋าขึ้นมา
“ จะไปแล้วหรอรัณ ไม่ไปกินข้าวด้วยกันก่อนหรอ...”
“ พอดีเรารับงานกินข้าวไว้อะเอม...”
“ อ้าวหรอ โอเคๆ งั้นไม่เป็นไร....” ฉันยิ้มให้เพื่อนก่อนจะรีบเดินออกมาพร้อมกับโบกแท็กซี่ไปห้างฯ แห่งนึงที่ฉันรับงานกินข้าวไว้
พอฉันขึ้นแท็กซี่ได้ก็เอนตัวลงพิงกับพนักเบาะหลังทันที ฉันเอนหัวลงไปซบกับกระจกด้านข้างก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง
ฉันรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อย เหนื่อยมากๆ เลยละ ตอนนี้ฉันแทบจะเป็นเสาหลักของบ้านเลย ฉันพึ่งอายุ 20 เองนะ แต่ทำไมฉันต้องแบกอะไรมากมายก็ไม่รู้ ฉันรู้ว่าอาจจะมีคนมากมายที่ลำบากกว่าฉัน แต่สำหรับฉันตอนนี้มันหนักมากๆ ฉันต้องทำงานทุกวัน ต้องเสี่ยงตัวเข้าไปหาคนที่อันตรายเพื่อที่จะได้รับเงินพวกนั่นมาช่วยที่บ้าน...
สิ่งที่เดียวที่ฉันยังไม่ทำคือการเป็นเด็กไซด์ไลน์ เรื่องนั้นไม่ใช่ฉันไม่เคยคิด ฉันเคยคิดนะ แต่นั่นมันทางออกสุดท้ายของฉัน
ตอนนี้ฉันยังพอมีทางไปอยู่ หลายคนคงสงสัยว่าทำไมฉันไม่ไปทำงานอย่างอื่นที่ไม่ต้องเสี่ยงหรือเปลืองตัวแบบนี้
งานอื่นมันเห็นเงินฉันไม่ได้เท่านี้ ที่บ้านฉันเป็นหนี้อยู่ 6 ล้าน หนี้ที่พ่อสร้างไว้ บวกกับหนี้ของพี่ชายฉันอีก แม่ฉันรับภาระอยู่คนเดียว จนฉันเองทนไม่ได้ และรู้สึกว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้าง จนมีเพื่อนมาชวนไปทำงานพริตตี้ฉันถึงไป
และฉันก็รับรู้ว่าอาชีพนี้มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่ใครคิดเลย มันอาจจะดูแย่ในสายตาใคร แต่สำหรับฉันถ้ามันคือการทำงาน ฉันก็คิดว่าเงินที่ได้มามันก็บริสุทธิ์เหมือนกัน เพราะชีวิตคนเราอยู่ได้ก็เพราะเงิน
แต่เอาจริงๆ ฉันจะไม่ทำอาชีพนี้นานหรอก เอาแค่หนี้มันเบาลงบ้างก็พอ เพราะอีกไม่นานฉันก็จะเรียนจบแล้ว ถ้าฉันเรียนจบได้ทำงานที่ตัวเองรักจริงๆ
ตอนนี้ฉันแค่พยายามทำทุกอย่างให้แม่ฉันมีภาระน้อยที่สุด พยายามทำให้น้องสาวฉันเรียนหมอได้อย่างไม่ต้องกังวลอะไรอีกชีวิตของฉัน ฉันมีแค่แม่กับน้อง....ฉันเหลือแค่พวกเขา ฉันถึงอยากทำทุกอย่างที่ทำได้ในตอนนี้เพื่อพวกเขา
ฉันนั่งคิดอะไรมากเรื่อยๆ จนมาถึงจุดหมายฉันจ่ายตังค์แท็กซี่ก่อนจะลงจากรถไป ฉันเดินไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับจัดระเบียบร่างการและเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เช็คหน้าพร้อมกับเติมปาก
“ เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจตัวเองออกมาก่อนจะส่งยิ้มให้กับตัวเองในกระจก สู้ๆ นะ อีกนิดนึงนะรัณ...
ฉันสูดลมหายใจเข้าอีกครั้ง และก็รีบเดินไปที่ร้านอาหารที่ลูกค้านัดไว้ เพราะอีก 10 นาทีจะถึงเวลานัดแล้ว...พอไปถึงร้านฉันก็เดินไปบอกพนักงานถึงชื่อคนที่จองโต๊ะไว้ และพอไปถึงก็เห็นว่าคนที่นั่งรอฉันอยู่นั้นคือ มาแทน เพื่อนในกลุ่มของ วาโย
ซึ่งทุกครั้งฉันเลี่ยงมากที่จะรับงานทานข้าวกับเพื่อนร่วมมหาลัย หรือเพื่อนร่วมคณะ แต่ครั้งนี้ฉันไม่ได้รับงานเอง พี่อีกคนรับงานให้
แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ยังไงอยู่มหาลัยพวกเราก็ไม่ได้รู้จักกันอยู่แล้ว ที่ฉันรู้จักเขา เพราะกลุ่มพวกเขาเป็นลูกคนใหญ่คนโตทั้งนั้น และที่เขาดังในหมู่สาวๆ เพราะเขาหน้าตาดีกันทั้งกลุ่มนั่นแหละ....
“ สวัสดีค่ะ...” ฉันเดินเข้าไปทักทายเขาพร้อมกับส่งยิ้มให้ มาแทนเงยหน้าขึ้นมามองฉันก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ พร้อมกับผายมือให้ฉันนั่งลงที่เก้าตัวตรงข้าม...
“ หวัดดีครับ ”
“ ค่ะ...” ฉันตอบก่อนจะวางกระเป๋าลงที่โต๊ะเบาๆ
“ ขอเมนูหน่อย... ”มาแทนหันไปขอเมนูกับพนักงาน ก่อนที่เขาจะรับเมนูมาพร้อมกับยื่นมาให้ฉัน ฉันรับมาดูก่อนจะสั่งอาหารกับพนักงาน
“ แล้วนี่ชื่อดารัณใช่ไหม ? ”
“ ใช่ค่ะ ”
“ เราชื่อ มาแทน นะ...หรือจะเรียกแทนเฉยๆ ก็ได้...” เขาพูดก่อนจะยิ้มให้ฉันบ้างๆ
“ ค่ะ...”
“ พูดเป็นแต่ ใช่ค่ะ ค่ะ แค่นี้อะหรอ ? ” มาแทนถามฉันด้วยสายตากวนๆ ฉันหลุดยิ้มออกมาก่อนจะมองหน้าเขาพร้อมกับพูด
“ ก็มันยังไม่คุ้นไง ”
“ แล้วทำยังไงถึงจะคุ้นกันเร็วๆ”
“ ขอเวลานั่งพักแปป เดินมาไกลมันเหนื่อยอะ...”
“ มันเกี่ยวกันหรอวะ” มาแทนขมวดคิ้วถามฉันก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ
“ ไม่เกี่ยวก็ได้... ”
“ พูดถึงเรื่องคุ้น เรารู้สึกว่าเราคุ้นหน้าเธออะ...เธอเรียนมหาลัยเดียวกับเราปะ...” ฉันนิ่งเงียบอย่างใช่ความคิด ยังไงก็ต้องเจอกันที่คณะอยู่แล้วอะ
“ ใช่ เอาจริงๆ เราเรียนคณะเดียวกัน แต่คนละสาขาอะ....” กลุ่มวาโยเรียนสาขา สื่อสารการแสดง ส่วนพวกฉันเรียนสาขา การประชาสัมพันธ์
“ ว่าละ ตอนเห็นหน้าเธอครั้งแรก คือแม่งโคตรคุ้นอะ แต่นึกไม่ออกว่าเจอที่ไหน... ” ฉันได้ยิ้มบางๆ ให้เขา ที่เขาจะรู้สึกคุ้นฉันก้ไม่แปลก เพราะตอนอยู่มหาลัยฉันไม่ได้แต่งหน้าหรือแต่งวตัวสไตล์นี้ อยู่มหาลัยฉันคือแทบไม่แต่งหน้าเลย และยังใส่แว่นอีกต่างหาก
“ แล้วนี่สาวๆ ไปไหนหมดถึงหาเพื่อนมากินข้าวด้วยแบบนี้...”
“ เบื่อคู่เดิมๆ ก็เลยแบบหาคนใหม่ๆ บ้างอะ...” เขาตอบพร้อมกับไหวไหล่ตัวเองเล็กน้อย
“ ไม่คิดอยากจะคบใครจริงๆ จังบ้างไง ? ” เป็นฉันเองที่เริ่มถามเขาบ้าง
“ ยังอะ ยังไม่เจอคนที่คิดว่าจะทำให้เราหยุดได้ว่ะ...หรือรัณสนใจจะมาเป็นคนนั้นไหมอะ”
“ ไม่เอา ไม่เสี่ยง ไม่อยากเจ็บตัว ”
“ โห่นี่ก็ตอบไม่คิดเลยนะ...”
“ คิดแล้ว คิดแล้วถึงตอบไปแบบนั้นอะ ”
“ แล้วนี่ไม่ได้รับงานอื่นหรอ” มาแทนถามฉันพร้อมกับสบตาฉันโดยที่ฉันเองก็รับรู้ได้ว่าคำถามของเขามันหมายถึงรับงานอย่างอื่นที่ว่าคืองานอะไร
“ ไม่รับ รับแค่งานกินข้าวแค่นั้น...”
“ เด็ดขาดดี...แล้วนึกไงมารับงานอะไรแบบนี้ ”
“นี่รัณมากินข้าวเป็นเพื่อนนะ ไม่ได้มาให้แทนซักรัณแบบนี้ ” ฉันพูดพร้อมกับหน้าเขาพร้อมกับทำหน้ายียวนใส่
“ ก็สนใจอะ...” เขาพูดพร้อมกับสบตาฉันโดยที่เขาไม่ยอมละสายตาไหนเลย และยิ่งฉันโดนเขามองด้วยสายตาแบบนี้ ฉันนิ่งรู้สึกร้อนๆ หน้าขึ้นมายังไงไม่รู้
ทั้งๆ ที่ปกติฉันไม่เคยเป็นเลยนะ
“ อาหารมาพอดีเลย...” ฉันรีบทำเฉไฉ ก่อนจะรีบทานอาหารตรงหน้า แต่มาแทนก็เอาแต่มองฉันละก็ยิ้มที่มุมปากตัวเอง แล้วก็เอาแต่มองหน้าฉัน
ให้ตาย ฉันไม่เคยรู้สึกเสียการควบคุมต่อหน้าลูกค้าแบบนี้มาก่อนเลยนะ จำได้ว่าที่เป็นแบบนี้ก็คือรับงานครั้งแรกอะ
“ นี่ ทำไมเอาแต่มองหน้ารัณแบบนี้อะ...” ฉันทนเขาไม่ไหวก่อนจะถามเขาออกไป เพราะเขาเอาแต่มองหน้าฉัน อาหารมาก็ไม่กิน...
“ น่ารักดีว่ะ...”
“ นี่...”
“ ก็จริงๆ มาเป็นผู้หญิงของเราไหม...” แทนพูดพร้อมกับสบตาฉันอีกครั้ง แต่ฉันก็ยังยืนยันคำตอบเดิม
“ ไม่ค่ะ....กินข้าวได้แล้ววว..” พอฉันพูดไปแบบนั้นมาแทนก็หัวเราะชอบใจใหญ่
บทสนทนาบนโต๊ะอาหารส่วนใหญ่จะเป็นเขาเล่า และฉันก็เสริม บางทีเขาก็เป็นฝ่ายถามเรื่องฉันบ้าง ฉันก็ตอบบ้างเลี่ยงไม่ตอบบ้าง แล้วแต่คำถาม ฉันไม่ได้อยากให้เขารู้จักอะไรฉันมาก เขาควรรู้เท่าที่ฉันอยากให้รู้ก็พอแล้ว
“ สวัสดีครับกี่ทีครับ...”
“ สอง ” ฉันละสายตาจากมาแทนไปมองที่หน้าประตูร้านอาหาร ก่อนจะมองร่างสูงที่กำลังเดินเข้าร้านมาด้วยความตกใจนิดๆ
“ มองอะไร ? ” มาแทนถามฉัน ฉันรีบส่ายหน้าก่อนจะยิ้มให้เขา แต่นั่นก็ทำให้มาแทนหันไปมอง
“ อ้าวไอ้โย...” และเขาก็เอ่ยทักทายเพื่อนเขาทันที
ผู้ชายที่เดินเข้าร้านมาเมื่อกี๊คือวาโย เพื่อนในกลุ่มของมาแทนนั่นแหละ...
“ ไงมึง...” วาโยเดินมาที่โต๊ะพวกฉันก่อนจะเอ่ยทักทายเพื่อนของเขาเอง ก่อนที่เบนหน้ามองมาที่ฉันเล็กน้อย และการมองของเขามันทำให้ฉันรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที
“ วันนี้มากับคนเดิมหรอวะ...” มาแทนถามวาโยก่อนจะผลักที่อกเพื่อนเบาๆ
“ ใครจะไปเปลี่ยนผู้หญิงทุกวันเหมือนมึงอะ...” วาโยพูดก่อนจะหันหน้ามามองฉัน และนั่นก็ทำให้ฉันรีบเมินหน้าไปอีกทาง เพราะฉันไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเขา
“ มองเหี้ยไรมึง หยุดเลยๆ ไปแดกข้าวไป...” มาแทนพูดก่อนจะผลักไหล่วาโยให้เดินออกไป วาโยหัวเราะนิดๆ ก่อนจะเดินไป แต่เขาก็ไม่วายหันมาสบตากับฉันอีกครั้ง
และเป็นฉันหลบสายตาเขา เพราะรู้สึกว่าหัวใจตัวเองกำลังเต้นรัวขึ้นมา
“ เป็นอะไรเปล่า...” ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองมาแทนหลังจากที่ได้ยินเขาถามมาแบบนั้น
“ ไม่ๆ ไม่ได้เป็นอะไร..” ฉันตอบยิ้มๆ ก่อนจะหาเรื่องชวนเขาคุย เพราะเขาจ่ายเงินฉันมาแล้วอะ ฉันก็ต้องทำหน้าที่ตัวเองนะตอนนี้ให้ดีที่สุดอะ ถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนกัน
..........................................................
[ Next episode ]
“ อ๊ะ !! อื้อส์ !” จู่ๆ เอวฉันก็ถูกรวบโดยมือหนาก่อนจะที่ตัวฉันจะถูกดันให้ไปชิดกำแพงในตรอกข้างๆ ห้องน้ำหญิง...ก่อนที่ริมฝีปากร้อนของบุคคลตรงหน้าฉันจะจู่โจมด้วยการบดขยี้ริมฝีปากฉันอย่างหนักหน่วง...
“ อื้อส์ !!”
ตุบๆ !
" โทษที จูบผิดคน..."
เจอกันตอนต่อไปนะคะ
ขอกำลังใจหน่อยน้าาาา
?????