“เรียบร้อยแล้ว ผมขอตัวก่อนครับ” โชษิตาอยากจะกระทืบเท้าเร่าๆด้วย
ความอับอาย หญิงสาวพยายามข่มความรู้สึกไม่พอใจที่เขาทำให้เธอเสียหน้าไว้
“เอ่อ...ษิตาอยากชวนคุณทัพไปทานอาหารมื้อเย็นด้วย ได้มั้ยคะ อยากขอบคุณที่คุณทำให้ลูกค้าคนนี้พอใจเป็นที่สุดเลยค่ะ” ฐานทัพยิ้มบาง แกะมือที่เกาะตัวเองไว้ออกช้าๆ
“ผมไม่ว่างครับ ต้องจัดการพนักงานขายคนนี้สักหน่อย ตามที่คุณต้องการไงครับ คุณพนักงานขาย ตามผมขึ้นไปที่ออฟฟิศตอนนี้เลยนะ ขอตัวก่อนนะครับษิตา” โชษิตาอ้าปากเหวอ มองตามร่างสูงใหญ่เดินห่างออกไปด้วยความรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่ได้ดั่งใจ แต่คนที่เหวอกว่าคือพนักงานขายสาวสวยที่ก้าวขาตามเจ้านายไป ด้วยสองขาที่สั่นเทา พวงดอกแก้วสบสายตาเพื่อนพนักงานขายหลายคน ที่ต่างพากันมองเธอด้วยความเห็นใจ บางคนก็เดินเข้ามาจับมือให้กำลังใจ ต่างพากันซุบซิบ มองลูกค้าที่เป็นต้นเหตุให้หญิงสาวต้องถูกเรียกตัวไปที่ออฟฟิศของเจ้านาย
“มองอะไร! งานการไม่มีทำกันหรือไง” คนไม่ได้ดั่งใจกล่าวคำพูดพาลไปทั่ว ก่อนสะบัดหน้า เดินกระทืบเท้าหนีไปอย่างหงุดหงิด
พวงดอกแก้วก้มหน้าเดินตามเจ้านายไปด้วยหัวใจเต้นระส่ำ เขาจะไล่เธอออกมั้ย หรือจะแค่ออกใบตักเตือน ที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องลงมาจัดการเธอด้วยตัวเองก็ได้ ให้ฝ่ายบุคคลจัดการก็ได้นี่นา สงสัยผู้หญิงคนนั้นคงเป็นคนสำคัญ เขาจึงโกรธมากที่เธอทำให้ผู้หญิงคนนั้นไม่พอใจ
“อุ๊ย!” ใบหน้างามแทบจะฝังลงบนแผ่นอกกว้างกำยำ เมื่อคนที่เดินนำหน้าหยุดเดินและหันกลับมาทันที ฐานทัพรีบคว้าเอวคอดกอดไว้แน่น เมื่อเห็นว่าร่างบางเซเล็กน้อย
ฐานทัพเดินนำหน้าหญิงสาวมาจนถึงประตูลิฟท์ที่ใช้เฉพาะพนักงาน จึงหยุดแล้วหันกลับไปมองว่าเธอเดินตามมาทันหรือยัง แต่แม่คนตัวเล็กที่เดินตามหลังมากลับไม่ระมัดระวัง เดินไม่มีเบรก ไม่ดูตาม้าตาเรือ จึงได้ชนเขาเข้าอย่างจัง
“ขะ...ขอโทษค่ะเจ้านาย” พวงดอกแก้วก้มหน้าเอ่ยคำขอโทษ ฐานทัพ
ส่ายหน้ากับท่าทางขี้กลัวของหญิงสาว คำพูดตะกุกตะกักจนน่ารำคาญทำให้เขานึกโมโห
“เรียกใหม่ซิ”
“จะ...เจ้านาย” วงแขนแกร่งรัดร่างบางแน่นขึ้น นิ้วเรียวเชยคางเล็กให้เธอเงยหน้ามาสบตากัน พวงดอกแก้วรู้สึกเหมือนจะเป็นลม สายตาคมดุนั่นทำให้เธอหวาดกลัว ร่างกายที่แนบชิดทำให้เธอใจเต้นแรง กลิ่นกายหอมๆในแบบผู้ชายของเขาทำให้เธอรู้สึกปั่นป่วนมวนท้อง แล้วเมื่อเสียงเข้มดุๆของเขาเอ่ยออกมา
“เรารู้จักกัน พวงดอกแก้ว” สติสัมปชัญญะของพวงดอกแก้วดับวูบในทันทีที่เขาพูดจบ ยังดีที่เขาโอบรัดร่างเธอเอาไว้ ไม่อย่างนั้นงานนี้ได้มีหัวฟาดพื้นแน่ๆ
“อะไรของคุณเนี่ย” ฐานทัพมองใบหน้างามที่หลับตาพริ้มอย่างไม่เข้าใจ วงแขนแกร่งตวัดรัดร่างคนเป็นลมขึ้นแนบอก เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก พนักงานสามคนอ้าปากค้างเบิกตากว้าง มองภาพเจ้าของห้างสรรพสินค้าอุ้มพนักงานสาวแนบอก ใบหน้าเรียบเฉยกับดวงตาคมดุทำให้ทุกคนหุบปากฉับ ก้มหน้าเดินออกจากลิฟท์เงียบๆ แล้วเดินจากไปโดยไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรสักคำ
นิ้วเรียวจิ้มกดชั้นสูงสุดของตึกแห่งนี้ด้วยความลำบากนิดหน่อย เพราะมีคนตัวเล็กอยู่ในอ้อมแขน เมื่อประตูลิฟท์ปิดลง ใบหน้าที่เคร่งขรึมอยู่ตลอดก็ระบายรอยยิ้มออกมา สายตาอ่อนโยนมองดวงหน้าเนียนแล้วนึกย้อนไปถึงวันแรกที่ได้เห็นเธอในงานแต่งงานของเพื่อนรัก แล้วก็มาเจอกันอีกครั้งในวันที่เขาซื้อหุ้นของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้จากบิดาของเธอ จนกระทั่งได้เจอกันในวันนี้ ...เธออยู่แค่ปลายจมูกเขานี่เอง
“นึกว่าหายไปไหน ในที่สุดก็เจอสักที”
1 บ่วงดอกแก้ว
“โอเค...ผมยินดีรับผิดชอบลูกสาวคุณ แต่จะให้ยกย่องเชิดชูเป็นเมียออกหน้าออกตาคงไม่ได้หรอกนะครับคุณกิตติ” ฐานทัพพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สายตาคมดุตวัดมองตัวต่อรองที่นั่งเงียบมาตลอด ตั้งแต่พ่อลูกคู่นี้เข้ามานั่งในบ้านของเขา
“หมายความว่ายังไงคุณทัพ” คุณกิตติเริ่มหงุดหงิด ในตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองเป็นต่ออยู่แท้ๆ แต่ไอ้หนุ่มรุ่นลูก มันกำลังต้อนเขาให้จนมุม
“ผมยินดีรับผิดชอบ ยอมรับลูกสาวคุณให้มาอยู่ในฐานะผู้หญิงของผมเท่านั้น ค่าเสียหายที่คุณเรียกร้องมาสิบล้านบาทผมจะให้คนจัดการให้วันพรุ่งนี้ และลูกสาวคุณก็จะได้ทุกอย่างเท่าที่ผู้หญิงของผมควรได้ แต่ไม่ใช่ฐานะเมีย ตกลงตามนี้มั้ยครับ ถ้าไม่ตกลงเชิญคุณพาลูกสาวของคุณออกไปจากบ้านผมได้เลย” หญิงสาวผู้ถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองนั่งก้มหน้านิ่ง สองมือบีบกันแน่นประสานอยู่ที่ตัก กลัวเหลือเกินว่าชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้านจะลุกขึ้นมาบีบคอเธอ
“ก็ได้!” คุณกิตติยอมรับอย่างเสียไม่ได้ เงินสิบล้านในตอนนี้มีค่ามากกว่าลูกสาวคนเล็กที่เป็นเพียงลูกภรรยาน้อยเสียอีก ตอนแรกจะขู่ให้มันรับเป็นเมียตบเมียแต่ง แต่ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง แถมยังยื่นข้อเสนอที่ล่อตาล่อใจด้วยจำนวนเงินสูงลิ่ว เขาจึงไม่รีรอที่จะตะครุบเอาไว้ก่อน ผู้สูงวัยลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากบ้านหลังใหญ่ไปทันที พวงดอกแก้วรีบลุกขึ้นเตรียมก้าวเดินตามบิดาออกไป หากแต่ถูกคนตัวใหญ่ลุกขึ้นมายืนขวางทางไว้เสียก่อน หญิงสาวเงยหน้ามองเขาอย่างตกใจ