ล่าหัวใจนายอัศวิน
ผ้ายับที่พับไว้ เขียน
บทที่ 4
-ที่ถนนคนเดิน-
เราเดินทางมันแวบเดียวก็ถึงแล้ว พี่เคลียร์ขับรถเร็วมาก เราเดินไปด้วยกันเป็นกลุ่มเดินดูอะไรเรื่อยเปื่อย ของกินน่ากินก็เยอะแต่เพิ่งกินข้าวมาคงไม่ไหวแล้ว ฉันเดินไปเจอกับร้านเครื่องประดับแปลกๆ เข้าเลยตรงเข้าไปดู
“เห้ยไอ้ไม้ไปไหน” พี่เคลียร์ร้องถามพอเห็นฉันแวบเข้าร้านเครื่องประดับ ทำไมวะคนอย่างฉันมันจะแวะร้านเครื่องประดับไม่ได้เลยหรือไง
“ไม้ขอดูของร้านนี้แปบนะ เดี๋ยวไม้ตามไป” พี่เคลียร์พยักหน้าตอบ แล้วเดินไปต่อ ข้าวของในร้านนี้จะเป็นแนวแฟนตาซี พวกแหวน สร้อย ต่างหู นาฬิกา กำไล บลาๆ ฉันเดินดูจนทั่วก็สะดุดตากับสร้อยเส้นนึงในร้านเข้า มัน...สวยมาก เป็นสร้อยสีเงินเส้นเล็ก ห้อยจี้รูปขวดโหลขนาดเท่าหัวแม่มือ ข้างในเป็น...กอกล้วยไม้จิ๋วสีม่วง น่ารักมาก
“ มืดๆ เรืองแสงด้วยนะ” ฉันสะดุ้ง ตกใจสิมาเงียบๆ แบบนี้เป็นเจ้าของร้านน่ะ คนกำลังตั้งใจดูมันใช่เวลาที่จะโผล่มาเงียบ ๆ แบบนี้ไหมล่ะ น่าซัดให้หน้าหงายจริง ๆ
“ อะ..อ่อ..ค่ะ”
”เหมาะกับเรานะ” จะขายก็เหมาะทั้งนั้นอะ เห้อ…แต่ก็สวยจริงๆ แหละ อยากได้ว่ะ ดุจากสารรูปแล้วต้องแพงแหง ๆ แต่ลองถามดูก่อนเพื่อนจะพอต่อได้
“เท่าไหร่อะพี่” ฉันเลยตัดสินใจหันไปถามเจ้าของร้านดู เจ้าของร้านมองหน้าฉันสลับกับมองดูสร้อย ตอบสักทีเถอะขี้เกียจจะลุ้น
“เห็นว่าเหมาะกับเราดีหรอกนะ พี่คิดราคาพิเศษเลย...อืมสัก....490บาทไทย ไหวไหมจ๊ะคนสวย” นี่ราคาพิเศษแล้วหรอ แพงพิเศษหรือป่าว ให้ตายเถอะฉันไม่เอาเงินไปถลุงกับของแค่นี้หรอกนะ แต่เดี๋ยวลองต่อดูก่อนดีกว่า
“120 ได้มั้ยพี่ แหะ ๆ แบบว่ามันเหมาะกับหนูไม่ใช่เหรอ” ฉันเลยใช้ความหน้าด้านทั้งหมดที่มี รวบรวมออกมาเป็นความกล้าแล้วเสนอราคาที่คิดว่าพอคุยกันได้ออกไป
“โอ้โหเอาไปฟรีเลยเถอะครับ จาก490 หนูเล่นต่อซะพี่ไม่เหลือทุนเลยแบบนี้”
“ขอบคุณค่ะ” ประชดมาประชดกลับเหอะ
“ เห้ยยยย เอามานี่เลย แล้วโน่นทางด้านโน้น” ฉันมองตามที่พี่เค้าชี้ อะไรเหรอ
“อะไรอะพี่”
“ทางออกอยู่ด้านโน้น เชิญ...” แพงก็แพง จะว่าสวยก็งั้น ๆ ใครอยากได้ล่ะนอกจากฉันก็ไม่มีใครมาสนใจหรอก เชื่อสิ ฉันเดินออกมาแบบสะบัดสะบิ้ง
“ โอ้ย!!!” ใครวะแม่งเอ้ยเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลย
“เอ้า เคลียร์ไปไหนอะ” ที่แท้ก็อีพี่เลโอเจ้าเก่าเจ้าเดิม
“ ไม่รู้”
“อ่อ เห้ยของในร้านน่ารักดีอะดูมั้ย”
“ ไม่เอาอะ แพง สวยก็ไม่สวย คนขายก็หน้าเลือด อยากดูก็เชิญเลย” พูดจบฉันก็เดินแยกออกมาเลย รมณ์เสียว่ะ ฉันเดินดูอะไรเรื่อยเปื่อย แต่ก็ยังไม่เจอพี่เคลียร์เลย เดินจนท้องเริ่มหิวแล้ว
“ ไม้ ! ไม้ !” เสียงคุ้นๆ ฉันหันไปมองเสียงที่ร้องเรียกตามหลังมา
“อ่าว ว่าไง” ที่แท้ก็เป็นนายเลโอนี่เอง โอ้ยดวงมันผูกกันไปแล้วรึไง เดินออกมาตั้งนานละยังเจอกันอีก
“ ไปไหนก็เจอจริงๆ นะ”
“หาไอ้เคลียร์ไม่เจอ พี่เดินด้วยนะ”
“อื้อๆ ตามใจ”
ฉันเดินนำหน้านายเลโอแต่หมอนั่นก็ชอบตามมาตีคู่แล้วก็เกาะไหล่ฉันอยู่เรื่อย โว้ยอึดอัด
“ เห้ยอันนั้นน่ากินอะ กินปะ”
อยู่ๆ ก็โวยวายขึ้นมา อะไรของเค้าอะ
“ ไม่มีตัง”
“ เลี้ยง”
“ เอาาา”
กินฟรีก็ดีเหมือนกัน 5555 พอมีคนเลี้ยงแล้วฉันก็พาแวะร้านนั้น ร้านนี้จนหิ้วเต็มไม้เต็มมือไปหมด
(เสียงโทรศัพท์ของนายเลโอ)
“ รับให้หน่อยมือเต็ม”
นายนั่นพูดพร้อมกับเอียงข้างกระเป๋ากางเกงให้ จะดีหรอวะ ฉันค่อยๆ ยื่นมือไปล้วงกระเป๋า ควานหาโทรศัพท์ ใจมันเป็นอะไรเต้นตึกตักไปหมดก็ไม่รู้
“ ได้ยัง”
“ เออเนี่ยเจอแล้วเนี่ย”
ฉันดึกออกมากดรับ
(ทอย)
“อยู่ไหนพี่ พวกผมรอที่รถแล้วนะ พี่อยู่กับไม้ป่าว”
“ เค เจอกันที่รถ”
รู้เรื่องก็กดวางเลย แล้วฉันก็เดินนำไปที่รถ พี่เคลียร์กับ 2 แฝดกำลังซดเบียร์สดกันอย่างเมามัน อ่าวแล้วงี้ใครจะขับรถอะ
“ เห้ยมึงแดกเบียร์งี้ใครจะขับรถอะ”
“ เมิงงง ก็ ขาบ ได้ เน่”
พี่เคลีย์ตอบในสภาพที่เรียกว่าเมาอย่างหมา กินไปเท่าไร่วะเนี่ย สภาพพี่เคลียร์คือเมาหนักมากอะ
“ กูไม่รู้จักทาง”
“ ไม่รู้ได้งาย กลับ ทางเดิมดิเพ่ 5555 “
อีทอยพูดบ้าง สภาพคือไม่ไหวสักคนอะ
“ เอางี้ละกันเดี๋ยวฉันบอกทางให้”
สภาพของพี่เคลียร์คือไม่ไหวจริงๆ เลโอตกลง ฉันนั่งข้างคนขับ 3 คนนั่งท้ายกระบะก็ไม่รู้จะล่วงหรือป่าว ให้นั่งหน้าก็ไม่ยอม
“ข้างหน้าอีกประมาณ 500 เมตรจะเจอทางแยก มองซ้ายไว้นะ”
“ ซ้ายนะ”
ขับมาสักแปบก็ถึงแยกที่บอก
“นี่ๆ มองซ้ายไว้นะ”
”ซ้ายใช่ปะ เคๆ”
“มองซ้ายแล้วเลี้ยวขวาเลย”
เอี๊ยดดดด ทันทีที่ฉันร้องบอกทาง หลังจากนั้นเสียงเบรครถดังสนั่น
“ทำไมไม่บอกดีดี จะตายห่ากันทั้งรถรู้มั้ย”
“ก็แค่จะให้ระวังรถทางซ้าย”
นายเลโอชี้หน้าแบบคาดโทษ ไรวะยังไม่ได้ทำไรเลย ขากลับก็จะช้ากว่าขาไปนิดนึงเพราะคนขับกับคนบอกทางเถียงกันมาตลอด พอถึง 3 คนท้ายกระบะก็โดดลงแล้วพยุงกันเข้าบ้านไป ส่วนรายเลโออาสาเดินมาส่งฉันที่บ้าน
“อะนี่ของกิน”
คุณพี่เลโอยื่นถุงของกินมาให้ฉัน
“เยอะขนาดนี้ใครจะกินหมด แบ่งกันไปสิ”
“เลือกเองก็กินเองดิ”
โหยประชดปะวะเยอะขาดนี้ เดี๋ยวเก็บไว้กินพรุ่งนี้ก็ได้วะ ฉันรับถุงของกินมาจนเต็มมือ แล้วหมุนตัวจะเดินเข้าบ้าน
“ เดี๋ยว!!”
“ ไรอีกกะ”
ตีนจะแตะพื้นอยู่แล้วเชียวอะไรนักหนา
“ส่วนนี่”
นายนั่นพูดพร้อมกับยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลให้
“ค่าจ้างพายเรือ”
นายเลโอยื่นมันมาให้ฉัน อะไรวะ ฉันรับมางงๆ เอามาเขย่าๆ ที่ข้างหูเสียงดังค๊อกแค๊ก
“พี่ไปแล้วนะ ฝันดี”
“อื้อๆ ฝันดี”
ฉันมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินให้หลังไปจนลับตา ก่อนจะหันตัวเดินเข้าบ้านมา เอาข้าวของไปเก็บในครัวแล้วเดินขึ้นห้องมาเปิดถุงค่าพายเรือดู
“ โหหหหหหหห”
ทันทีที่เห็นฉันรีบวิ่งไปปิดไฟในห้อง มันสวยมาก เปล่งประกายแวววาว วิวับ มันคือสร้อยเส้นที่ฉันอยากได้ กล้วยไม้ในโหลเรืองแสงสีม่วงของดอกกับสีเขียวของใบ กอกล้วยไม้จิ๋วในขวดมัน มัน โอ้ยไม่รู้จะพูดยังไง เหนื่อยจนแขนจะหลุด 1 พันก็ลอยหายไป แต่ได้สร้อยเส้นนี้มาแทนก็ถือว่าโอเค