“เธอคงรู้แล้วฉันเป็นเจ้าของโรงแรมที่เธอพักอยู่ในตอนนี้ ฉันอายุ 39 สถานภาพตอนนี้...โสดสนิท อ้อ...แล้วฉันก็ยังไม่เคยแต่งงาน” เจ้าเหวินหลงแนะนำตัวเองพร้อมกับแจงรายละเอียดที่คิดว่าสาวน้อยคนงามอยากรู้ แต่เขาก็ต้องแปลกใจกับสีหน้าราบเรียบ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลยของเธอ ทั้งที่ชื่อของเขาดังในหมู่สังคมไฮโซจะตายไป ในวงธุรกิจชื่อของเขาก็ถือว่าติดหนึ่งในห้านักธุรกิจที่รวยที่สุดในระดับเอเชีย แต่สาวน้อยคนนี้กลับทำเฉย ไม่ได้แสดงท่าทางตื่นเต้นเลย เขาไม่อยากเชื่อว่ายังมีผู้หญิงที่ไม่สนใจหรืออยากเป็นผู้หญิงของเขาอยู่ด้วย
“แล้วเธอล่ะ...สาวน้อย จะไม่แนะนำตัวกับฉันหน่อยเหรอ?”
ลัลนาทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ เมื่อถูกอีกฝ่ายถามชื่อ เธอนี่บ้าจริงๆ ทำไมถึงยังยืนคุยกับผู้ชายคนนี้ในสภาพกึ่งเปลือยแบบนี้ “ฉันขอใส่เสื้อผ้าก่อน ส่วนคุณไปนั่งอยู่ตรงนั้น แล้วห้ามลุกมาแอบดูฉันใส่เสื้อผ้านะ” พอพูดจบคนอยู่ในสภาพกึ่งเปลือยก็เดินไปหยิบกางเกงขายาวที่แขวนเอาไว้ในตู้เสื้อผ้ามาสวมทันที แล้วก็ดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิดถนัดที่เลือกสวมกางเกงยีนขายาว “นรกแล้วไง!” แล้วสบถออกมาอย่างหงุดหงิดกับความคิดตื้นๆ ของตัวเอง เธอก็ลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองแขนข้างหนึ่งใช้การไม่ได้ การดึงกางเกงขายาวขึ้นสวมมันไม่ใช่จะทำได้ง่าย นี่มันเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ
เจ้าเหวินหลงมองเจ้าของร่างสูงโปร่งระหงซึ่งสวมกางเกงยีนตัวยาวอย่างทุลักทุเล แล้วก็ต้องยิ้มบางๆ นึกไม่ถึงว่าสาวน้อยคนนี้จะดื้อรั้นได้มากขนาดนี้ ทั้งที่รู้ว่าสวมลำบาก แต่ก็ไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากเขา
ลัลนามัวแต่สนใจการสวมกางเกงยีนตัวยาวของตน จนลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้เจ้าของร่างสูงใหญ่เดินยิ้มอย่างอารมณ์ดีมาหยุดอยู่ด้านหลังของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จู่ๆ ขอบกางเกงยีนก็ถูกดึงขึ้นจนเลยสะโพกงอนงามจนถึงเอวคอดกิ่ว สองแขนแกร่งคล้ายโอบกอดร่างสูงโปร่งระหงจากด้านหลัง ใบหน้าหล่อเหลาก้มแนบลงมาบนหัวไหล่กลมกลึง นิ้วทั้งสิบยังคงวุ่นอยู่กับการติดกระดุมและรูดซิปกางเกงให้เธอ
“ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย?” ลัลนาร้องเสียงหลง พยายามสะบัดร่างสูงใหญ่ให้พ้นจากกาย ทว่าเธอก็ทำได้ยากเต็มที เพราะเจ้าของร่างสูงใหญ่นั่นโอบกอดเธอมาจากด้านหลังเอาไว้แน่น แถมยังเอาหน้าซบลงมาอยู่ที่บริเวณต้นคอเธอเสียอีก
“เถอะน่า ทำคนเดียวมันเสร็จช้าไง ฉันเลยตัดสินใจยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แล้วก็เริ่มทำความรู้จักกันเอาไว้ ก็ไม่เสียหายอะไรนิ เอาล่ะ...สาวน้อย ตอนนี้บอกฉันมาได้หรือยังว่าเธอชื่ออะไร” เจ้าเหวินหลงไม่ได้สนใจท่าทางกระฟัดกระเฟียดของคนในอ้อมกอด เพราะตัวเขาเองก็มั่นใจเหมือนกันว่าความเอาแต่ใจและความดื้อรั้นของเขาก็มีไม่น้อยไปกว่าสาวน้อยที่เขากอดอยู่แน่นอน
“บ้าเอ๊ย!” ลัลนาสบถออกมาอย่างหัวเสีย โกรธจนเนื้อตัวสั่นเทาไปหมด โกรธจนแทบอยากจะบีบคอผู้ชายคนนี้ให้ตายคามือ นี่เธอกำลังเผชิญหน้ากับตาแก่จอมโรคจิตแถมยังเผด็จการอยู่ใช่ไหมเนี่ย
“ว่าไงล่ะ?” เจ้าเหวินหลงถามย้ำอย่างอารมณ์ดี
“ฉัน...ลัลนา พงศกร ชื่อเล่น...หยก อายุ...23...ปี”
“สถานภาพตอนนี้ล่ะ โสดหรือไม่โสด” เจ้าเหวินหลงยังรุกถามต่อ
“ฉันจะโสดหรือไม่โสดแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย กางเกงก็ใส่เสร็จแล้ว เมื่อไรคุณจะปล่อยฉันเสียที” ลัลนาเริ่มหมดความอดทนกับความจุ้นจ้านของอีกฝ่าย เขาเห็นเธอเป็นจำเลยหรือไง ถึงได้รุกถามคำถามไม่หยุดแบบนี้ จะว่าไปกางเกงเธอก็สวมเสร็จแล้ว ทำไมเขายังไม่ปล่อยเธอซักทีล่ะ
“ก็ต้องจำเป็นอยู่แล้วสิ” เจ้าเหวินหลงตอบขณะเริ่มทำมือซุกซน เลื่อนจากขอบกางเกงเรื่อยขึ้นบนหน้าท้องแบนราบ ผิวนุ่มเนียนมือ แม้จะไม่ขาวอมชมพูเหมือนสาวจีนหรือสาวญี่ปุ่น แต่ผิวของเธอก็ขาวเนียนในแบบฉบับสาวเอเชีย จากที่เขาสังเกตสาวน้อยคนนี้คงออกกำลังกายเป็นประจำ ร่างกายแทบทุกส่วนกระชับ ไร้ซึ่งไขมัน แขนและขาก็เพรียวงาม สมส่วนไปเสียหมด โดยเฉพาะเนินอกอวบอิ่ม และมั่นใจว่ามันต้องล้นทะลักมือของเขาทีเดียว
“นะ...นี่คุณ เลิกแต๊ะอั๋งฉันได้แล้ว”
“ก็ตอบมาก่อนสิ” คนอยากได้คำตอบคาดคั้นด้วยการลากปลายนิ้วเรียวยาวเรื่อยขึ้นบริเวณเนินอกอวบอิ่ม แล้วก็ยิ้มอย่างพอใจกับปฏิกิริยาตอบสนองของคนในอ้อมกอด แรงสั่นระริกของกายงามพร้อมน้ำเสียงแข็งกระด้างที่เอ่ยตอบออกมา สร้างความสุขเล็กๆ ให้เจ้าเหวินหลงได้มากทีเดียว
“ยังโสด พอใจหรือยัง” ลัลนาตอบเสียงแข็ง พยายามแกะมือที่พยายามวนเวียนอยู่ข้างเนินอกของเธอ ในใจก็พยายามตั้งสติ ระงับอารมณ์โกรธให้นิ่ง เพื่อควบคุมสถานการณ์ตรงหน้าให้ได้ ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่เธอเข้าตาจนได้ถึงขนาดนี้ ผู้ชายที่เคยเข้ามาในชีวิตเธอ ไม่เคยมีใครทำให้เธอจนมุมได้เลยสักคน แต่ผู้ชายคนนี้กลับทำได้ ทั้งที่เธอกับเขาพึ่งเจอกันไม่ถึงสองชั่วโมงด้วยซ้ำ
“อืม...ก็นิดหน่อย”
“งั้นก็ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันจะใส่เสื้อ อย่าลืมสิว่าคุณเข้ามาทำแผลให้ฉัน หรือนอกจากทำแผลให้ฉัน นี่คุณคิดจะลวนลวมฉันด้วยหรือไง”
“ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดจะลวนลาม แต่ตอนนี้คิดแล้ว” คนที่เริ่มคิดลามกคนในอ้อมกอดพูดออกมาอย่างไม่อายปาก เพราะก่อนหน้าเขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดีไม่งามกับสาวน้อยคนนี้เลย แต่ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป ตั้งแต่เขาเห็นร่างกึ่งเปลือยกับหน้าอกไซส์สะบึมของเธอนั่นแหละ ความคิดชั่วร้ายก็ผุดขึ้นในสมองทันที
“คุณนี่มันโรคจิตแล้วก็หื่นกามที่สุด! ปล่อยฉันได้แล้ว” ลัลนาสบถด่าพร้อมกับออกแรงผลักร่างสูงใหญ่ที่ยังกอดรัดเธอแน่นอย่างโกรธสุดขีด ให้เธอระงับอารมณ์แล้วคิดหาวิธีแบบสันติคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะไอ้คำพูดชวนน่ากลัวของเขามีผลต่ออนาคตและชีวิตของเธอ ขืนปล่อยให้เขามีโอกาสมากไปกว่านี้ อาจเป็นเธอก็ได้ที่ลำบากในภายหลัง
เจ้าเหวินหลงส่ายหน้าไปมากับการดิ้นรนอันไร้ค่าของสาวน้อยในอ้อมกอด จึงตัดสินใจใช้มือข้างที่ว่างหยิบผ้าเช็ดหน้าที่โป๊ะยาสลบเอาไว้ออกมา พริบตาเดียวเท่านั้นผ้าเช็ดหน้าผืนงามก็กดลงบนจมูกคนในอ้อมกอด แรงดิ้นรนเอาตัวรอดของเธอก็เริ่มรุนแรงขึ้นกว่าเดิม แต่สุดท้ายอาการดิ้นรนขัดขืนก็ค่อยๆ อ่อนลง จนในที่สุดเจ้าของร่างงามก็แน่นิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา
////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...