ลัลนาหน้าแดงก่ำกับสายตาซอกแซกของชายหนุ่มแปลกหน้า คงจะเรียกว่าแปลกหน้าไม่ได้ เพราะเคยเจอกันมาก่อนหน้านี้แล้วเมื่อประมาณสองชั่วโมงก่อน และดูเหมือนว่าเขาจะเป็นญาติของสาวน้อยคนนั้น ว่าแต่เขาขึ้นมาหาเธอที่ห้องทำไมกัน?
“นี่คุณ”
“...” เจ้าเหวินหลงยังเงียบ ยืนมองสาวน้อยมาดทอมบอยด้วยแววตาลุ่มลึกยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะได้สติเพราะฝ่ามือเรียวเล็กทว่าเย็นจัดเพราะพึ่งอาบน้ำมาแตะบนใบหน้าของเขา
“นี่ลุง! จะจ้องกันอีกนานไหม?”
“ไม่ได้จ้องเสียหน่อย”
“ตาฉันไม่ได้บอดนะลุง ถ้าไม่ได้จ้อง แล้วทำไมถึงเรียกแล้วไม่ได้ยิน”
“ก็คิดอะไรเพลินไปหน่อย”
“หืม...คิดอะไรเพลินไปหน่อย? นี่มันหมายความว่าไง ว่าแต่ลุงเถอะ บุกมาถึงห้องลูกค้าแบบนี้ มีธุระอะไรไม่ทราบ” ลัลนาถามอย่างไม่พอใจกับท่าทางไม่ปกติของอีกฝ่าย ว่าแต่ทำไมเธอต้องออกมายืนคุยกับผู้ชายแปลกหน้าในสภาพโป๊แบบนี้ด้วยล่ะเนี่ย
แดเนียลกับหนานอี้หันมองหน้ากันอย่างต้องการคำตอบกับสิ่งที่เจ้านายหนุ่มกำลังทำลงไป พวกเขาไม่อยากคิดไปกันเอง แต่ความรู้สึกของพวกเขาต่างก็คิดเหมือนกัน แม่สาวน้อยมาดทอมบอยผู้นี้ตรงตามสเป็คของเจ้านายหนุ่มเกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา รวมทั้งหน้าอกไซส์มหึมานั่นอีก มีเพียงข้อเดียวเท่านั้นที่พลาดไป นั่นก็คือสาวน้อยคนนี้อายุน้อยไปหน่อย อายุแทบจะรุ่นราวคราวเดียวกับหลานสาวทั้งสองของเจ้านายหนุ่มก็ว่าได้
ลัลนาเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน กับสีหน้าและท่าทางอารมณ์ดีจนเกินเหตุของอีกฝ่าย ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกเขินอายกับสายตาแปลกประหลาดของผู้ชายคนนี้ ท่าจะไม่ดีเสียแล้ว เธอต้องหาวิธีออกไปจากสถานการณ์ชวนอึดอัดตรงนี้ให้ได้ใช่สิ!...เธอลืมสาเหตุที่ออกมาเปิดประตูได้ยังไงกัน ตอนนี้พนักงานสาวที่จะขึ้นทำแผลให้เธอก็ยืนอยู่ระหว่างกลางคนสนิทของผู้ชายที่ยืนทำตาระยิบระยับให้เธออยู่นี่นา
“คุณนะ...จะมาทำแผลให้ฉันใช่ไหม?”
“เอ่อ...ค่ะ”
“งั้นก็เข้ามาเลย” ลัลนาสั่งพนักงานสาวให้เดินเข้ามาในห้องเพื่อทำแผลให้เธอ และไม่ลืมจะหันไปบอกอีกหนึ่งหนุ่มที่ยังยืนขวางประตูห้องของเธอ
“ส่วนคุณกลับไปได้แล้ว ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย เข้าใจไหมคะ” แม้คำพูดจะดูขัดหูไปบ้าง แต่ลัลนาก็ยังเติมคำลงท้ายอย่างสุภาพให้หนุ่มแปลกหน้า เธอไม่ควรมาเสียเวลาอยู่กับเรื่องไร้สาระอีกแล้ว พอพนักงานทำแผลเสร็จเรียบร้อย เธอจะได้ออกไปจากโรงแรมนี้เสียที
“ขอโทษค่ะท่านประธาน หลีกทางให้ดิฉันเข้าไปในห้อง...”
“กลับไปทำงานได้แล้ว ส่งกล่องปฐมพยาบาลมาให้ฉัน”
“แต่ท่านประธานคะ...”
“ส่งมาเถอะ เรื่องในครอบครัว ฉันจัดการเองได้” ไม่เพียงแต่ลัลนาที่อ้าปากค้างไปกับคำพูดประโยคนั้น สองลูกน้องคนสนิทของเจ้าเหวินหลงต่างก็ตกใจแกมประหลาดใจกับสิ่งที่เจ้านายของพวกตนพูดออกไป
หนานอี้มองเจ้านายหนุ่มสลับกับสาวสวยมาดทอมบอยที่ยืนขวางประตูในสภาพกึ่งเปลือยอย่างพิจารณา ก่อนนึกทบทวนเหตุการณ์เมื่อประมาณสองชั่วโมงก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาเข้าใจเหตุผลที่เจ้านายหนุ่มบอกว่าเธอเป็นคนในครอบครัวแล้ว
เจ้าเหวินหลงดึงกล่องปฐมพยาบาลจากพนักงานประชาสัมพันธ์สาวมาถือไว้ในมือ แล้วก้าวเท้าเดินผ่านประตูห้องของสาวน้อยมาดทอมบอยเข้าไปได้เพียงแค่ครึ่งตัว ก็ต้องชะงักอยู่กลางประตู เพราะเจ้าของร่างโปร่งระหงยืนขวางประตูห้องอยู่นั่นเอง
“ฉันไม่อนุญาตให้คุณเข้ามาในห้องนะ” ลัลนาห้ามเสียงขุ่นขวาง พาร่างตัวเองขวางทางพร้อมกับใช้แขนข้างที่ไม่บาดเจ็บจับขอบประตูเอาไว้ เพื่อกันไม่ให้คนไม่มีมารยาทเข้ามาในห้อง
“ถอยไปซะ ไม่งั้นฉันชนเธอแน่”
“คุณไม่มีสิทธิ์เข้าห้องนี้”
“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ ฉันเป็นคนในครอบครัวของเธอนะสาวน้อย จำไม่ได้หรือไง เธอเป็นคนพูดออกมาเองว่ามันเป็นเรื่องภายในครอบครัว”
“ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ใครมันอยากเป็นคนในครอบครัวของคุณไม่ทราบ ถอยออกไปเลย ไม่งั้นฉันไม่เกรงใจนะคุณ”
“ก็ไม่ต้องเกรงใจสิ คนกันเองแท้ๆ จะเกรงใจกันไปทำไม”
เจ้าเหวินหลงบอกอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมกับก้าวเท้าเดินผ่านประตูเข้าไปในห้องจนเกือบชนร่างโปร่งระหง มือข้างที่ว่างยื่นไปดึงแขนเรียวงามที่ขวางประตูเอาไว้ แล้วออกแรงเล็กน้อย จนคนที่ยืนปักหลักอยู่กลางประตูต้องรีบถอยร่นเข้าไปในห้อง พร้อมกับประตูห้องที่ถูกดึงเข้ามาปิดทันที
“ออกไปนะเว้ย นี่คุณเป็นพวกโรคจิตหรือไง ถอยออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันไม่เอาคุณไว้แน่” ลัลนาร้องโวยวายใส่ผู้บุกรุกทันทีที่ประตูห้องปิดลง
“เอาน่า...เลิกโวยวายได้แล้ว ทำแผลก่อน มีปัญหาอะไรก็ค่อยคุยกันหลังจากที่ทำแผลเสร็จ” เจ้าเหวินหลงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้สนใจสีหน้าไม่พอใจของสาวน้อยมาดทอมบอยแต่อย่างใด สายตาเริ่มกวาดมองไปรอบห้อง ก็พบว่ามีกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งถูกวางเอาไว้บนเตียง เครื่องสำอางบางชิ้นถูกวางลงในกระเป๋าใบเล็ก เหลือเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นที่ยังวางอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
“ไม่! ฉันไม่ไว้ใจคุณ”
“ตอนนี้ฉันไม่คิดปล้ำเธอหรอกสาวน้อย”
“...” ลัลนาหน้าเหวอไปเล็กน้อยกับคำพูดกำกวมของผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ เธอเพิ่งเห็นหน้าเขาเมื่อประมาณสองชั่วโมงก่อนนี่เอง แล้วทำไมเขาถึงกล้าทำตัวสนิทสนมกับเธอถึงขนาดนี้ อย่าว่าแต่สองชั่วโมงเลย ต่อให้เธอรู้จักเขามาเป็นปีหรือสิบปี ถ้าไม่ใช่คนที่ชอบหรือคนที่เธอรัก เธอไม่มีทางปล่อยให้เข้ามาในห้องเด็ดขาด แต่ผู้ชายคนนี้กลับไม่เป็นแบบนั้น นอกจากไม่ฟังคำพูดของเธอแล้ว เขายังไม่สนใจคนรอบข้างด้วยว่าจะคิดยังไงหรือมองยังไง กับการที่เขาบุกเข้ามาในห้องพักของเธอ แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าเอาแต่ใจแล้ว แต่เรียกว่าเผด็จการยิ่งกว่าฮิตเลอร์ซะมากกว่า
เจ้าเหวินหลงยิ้มกับท่าทางระมัดระวังตัวจนเกินเหตุของอีกฝ่าย พอพิจารณาดีๆ แล้ว สาวน้อยหุ่นสะบึมคนนี้ไม่มีทางเป็นทอมได้หรอก ถึงจะแต่งตัวคล้ายผู้ชายยังไง ก็ไม่อาจบดบังความงามที่มีไปได้ คนถูกมองเริ่มเม้มปากแน่นอย่างหัวเสียกับสายตาซอกแซก สอดรู้สอดเห็นของคนตรงหน้า ร่างกายเธอมันมีอะไรแปลกกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ หรือไง ถึงได้จ้องอยู่ได้ แต่จะว่าไปเธอยังไม่รู้ชื่อของเขาเลยนี่นา
“ฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย” ลัลนาตัดสินใจถาม พยายามไม่สนใจสายตาซอกแซกของอีกฝ่าย พร้อมกับพยายามเบี่ยงตัวให้พ้นจากสายตาคู่นั้น แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจคิด
“ฉัน...เจ้าเหวินหลง” ชายหนุ่มบอกชื่อตนออกไป
“OK!...คุณชื่อ เจ้าเหวินหลง” ลัลนาพยักหน้าเข้าใจ
////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...