ไม่อยากกลับก็ต้องกลับ ให้ทำอย่างไรได้ ถ้าไม่กลับทั้งๆ ที่โดนเรียกล่ะก็ มีหวังพ่อของเขาได้ส่งคนมารังควานถึงที่ไม่เว้นวันแน่ ถึงได้บอกว่าการเป็นทายาทตระกูลมาเฟียเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการไง ถึงมันจะสุขสบายประหนึ่งเจ้าชายที่เกิดมาบนกองเงินกองทองก็เถอะ แต่ชีวิตที่หาความสงบสุขไม่ได้ ไม่ใช่เป้าหมายความสุขในชีวิตของเขา
อิศราถอนหายใจยาวเมื่อเบนจามินมาบอกว่าเครื่องบินส่วนตัวที่พร้อมมุ่งหน้าไปอิตาลีถูกตระเตรียมไว้พร้อมแล้ว ชายหนุ่มลงจากรถนอกคันหรู ยกมือขยับแว่นตาดำเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากถาม
“แล้วบอดี้การ์ดฉันอยู่ไหน”
หมายถึง ‘คนใหม่’ ทำให้เบนจามินรีบบอก
“รอขึ้นเครื่องกับบอสแล้วครับ”
ชายหนุ่มลดแว่นตาดำลงเล็กน้อย หรี่ตามองคนสนิท
“หน้าที่ของบอดี้การ์ดคืออะไร นายน่าจะรู้”
รู้สิ รู้เป็นอย่างดีเลยล่ะ แล้วรู้ด้วยว่าอิศราหมายถึงอะไร การที่บอดี้การ์ดไม่มาคุ้มกันเจ้านายในเวลางานเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เบนจามินก็ไม่มีข้อแก้ตัวเสียด้วย เพราะ ‘พนักงานใหม่’ ยืนกรานว่าจะไปรอขึ้นเครื่องเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นคือเวลานอกการทำการ หมายถึง...มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลงน่ะ การเริ่มงานมันเริ่มขึ้นเมื่อเท้าของ
อิศราลอยเหนือผืนดินประเทศไทยเท่านั้น
“ขออภัยด้วยครับบอส ผมไม่มีข้อแก้ตัวเรื่องนี้ แต่อย่าเพิ่งหัวเสียเลย รีบไปขึ้นเครื่องดีกว่า ผมเกรงว่าถ้าบอสไปสายกว่าเวลาที่บอกนายใหญ่เอาไว้จะเป็นเรื่องใหญ่”
แน่ละว่าเป็นเรื่อง บิดาของอิศราเป็นคนตรงต่อเวลายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ผิดเวลานิดเดียว หัวร้อนเอาได้ง่ายๆ
“ไปกันเถอะ”
อิศราไม่อยากจะมีปัญหา ตัดบทเอาดื้อๆ แม้ว่าจะหัวเสียอยู่ไม่น้อยก็ตาม
เขาไม่ชอบความไม่เพอร์เฟ็กต์แบบนี้ เบนจามินก็อะไร รู้ทั้งรู้ว่าเขามีคนปองร้ายอยู่ตลอดเวลา ถึงในไทยจะปลอดภัยกว่าที่อิตาลี แต่ก็ใช่ว่าจะไม่จำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดก็ได้นี่นา
ขายาวรีบสาวไปยังประตูขึ้นเครื่องที่ถูกจัดไว้เป็นพิเศษ อิศราถูกพาตัวไปยังเครื่องบินส่วนตัว กัปตันมารายงานความพร้อมกับแอร์โฮสเตสสาวที่เตรียมตัวให้บริการ หากแต่ชายหนุ่มไม่สนใจอะไรทั้งนั้น นอกเสียจากมองไปรอบกายเพื่อหาใครบางคน
“ไหนล่ะบอดี้การ์ดฉัน”
ถามหาคนสำคัญที่เขาจำเป็นต้องมี เบนจามินรีบขยับเข้ามาหาพลางกระซิบกระซาบ
“อยู่ตรงนี้แล้วครับ”
พลางพยักพเยิดปลายคางไปยังร่างระหงของใครบางคนที่เดินเข้ามาใกล้
ร่างนั้น...เป็นร่างของหญิงสาวที่ประเมินจากสายตาน่าจะสูงราวร้อยหกสิบปลายๆ ปล่อยผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสยาย สวมชุดเดรสรัดไปทุกสัดส่วนเหมือนมาผิดงาน
ตบท้ายด้วยรองเท้าส้นสูงแบบส้นเข็ม ส่วนใบหน้านั้นจัดว่าสวยมากทีเดียวสำหรับสาวไทย ดวงตาคมขำ ริมฝีปากอบอิ่ม มีพวงแก้มน้อยๆ ให้ได้ดูเด็กกว่าอายุ ประเมินจากสายตา เธอน่าจะอายุยี่สิบกว่าๆ เสียด้วยซ้ำ อิศรามองแล้วถึงกับต้องดึงแว่นตาดำตัวเองออก ชี้ไม้ชี้มือไปที่เธอทันที
“หมายความว่าไงที่ว่าอยู่ตรงนี้?”
สีหน้าต้องการคำตอบสุดฤทธิ์ เบนจามินตีหน้านิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้
“บอดี้การ์ดคนใหม่ของบอสครับ”
เท่านั้นอิศราถึงกับเม้งแตก
“บอดี้การ์ด? ผู้หญิงแบบนี้เนี่ยนะ!?”
ผู้หญิงไม่ว่า เขาพอเข้าใจได้ว่าผู้หญิงก็เป็นบอดี้การ์ดได้เหมือนกัน แต่ต้องย้ำว่า ‘แบบนี้’ เพราะดูสภาพแล้ว...เอามาทำมะเขือเผามะเขือพวงอะไร!?
“ครับ บอดี้การ์ด”
เบนจามินยังคงย้ำคำว่าผู้หญิงที่เขาเห็นคือบอดี้การ์ดคนใหม่จริงๆ ส่วนสาวเจ้าก็ช่างรู้งาน เห็นเจ้านายของตนเองพลันเดินเข้ามาหาพลางฉีกยิ้มกว้าง
“สวัสดีค่ะคุณอิศรา ดิฉันชื่อเมรินดาค่ะ”
น้ำเสียงหวานพรั่งพรูภาษาอังกฤษออกมา คงจะเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีเค้าโครงเป็นชาวตะวันตกมากกว่าคนไทยกระมัง อิศราอยากจะชมสำเนียงอเมริกันของเธออยู่หรอกนะ แต่มันไม่ใช่เวลานี้
“แน่ใจนะว่าเธอมาทำงานเป็นบอดี้การ์ด”
เขาพ่นภาษาไทยกลับไปแทน ทำเอาหญิงสาวต้องกลับมาพูดภาษาไทยบ้าง
“แน่ใจค่ะ คุณเบนติดต่อฉันไป แจ้งเรียบร้อยแล้วว่าฉันมีหน้าที่อารักขาคุณตลอดเวลาที่อยู่ที่อิตาลี รับทราบเรื่องนี้ดีค่ะ”
ว่าพลางชำเลืองไปมองชายหนุ่มชาวตะวันตกอีกคน ต่อให้ภาษาไทยไม่ใช่ภาษาบ้านเกิด แต่เบนจามินก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าตัวเองกำลังถูกพาดพิง เขาไม่เก่งภาษาไทย แต่ใช่ว่าจะฟังไม่ออกเสียหน่อย
“นายล้อฉันเล่นเหรอ”
อิศราหันไปเอาเรื่อง สีหน้าท่าทางพร้อมจะงาบหัวคนสนิทอยู่ทุกเมื่อ
“แต่บอสบอกเองนะครับว่าให้เลือกบอดี้การ์ดที่ไม่เด่น”
ไม่เด่นบ้านป้านายมั้ง! นมเป็นนม เอวเป็นเอว สะโพกเด้งดึ๋ง บั้นท้ายงอนขนาดนี้ เอาตรงไหนมาไม่เด่น!?
อยากจะถามกลับเหลือเกิน แต่แค่แววตาไม่พอใจของทายาทมาเฟียคนนี้ ใครๆ ก็กลัวหงอ ไม่กล้าอธิบายอะไรใดๆ แล้ว มีแต่เมรินดานั่นละที่กล้าพูดออกมาอย่างฉะฉาน
“ไม่เด่นเลยค่ะคุณอิศ ใครๆ เห็นฉันไปกับคุณก็คิดว่าเป็นเด็กเลี้ยงของคุณทั้งนั้น ไม่มีใครคิดว่าเป็นบอดี้การ์ดหรอก ดูสิคะ เหมือนผู้หญิงอย่างว่าไหม”
ไม่พูดเปล่า ยังจะหมุนซ้ายขวาให้ดูอีกว่าเอวเธอคอดกิ่วงดงามแค่ไหน อิศราเห็นด้วยว่าเธอดูเหมือน...เอ่อ...อีตัว ไม่อยากใช้คำนี้หรอกนะ แต่สภาพได้จริงๆ ถ้าแต่งหน้าจัดกว่านี้อีกสักหน่อย ทาปากแดงอีกสักนิด เดินอี๋อ๋อออเซาะเอานมมาเบียดแขนเขาเหมือนกับที่ผู้หญิงที่เขาควงหลายๆ คนทำกัน รับรองว่าใช่เลย
“แต่ฉันไม่อยากได้คนสวยขนาดนี้”
จำใจต้องพูดออกมา เพราะที่เขารู้สึกว่าเมรินดาดูโดดเด่นเหลือเกิน เพราะเธอสวยสะดุดตานี่แหละ เชื่อขนมกินได้เลยว่าโผล่ไปที่อิตาลีที หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ประเทศนั้นที่ได้เห็นมีหวังมองเธอตาเยิ้มแน่
“แต่เธอฝีมือดีนะครับ”
เบนจามินพยายามหาข้อแก้ต่าง ทว่าอิศราคิดภาพไม่ออกเลยว่าเก่งตรงไหน
“ตัวแค่นี้จะอารักขาอะไรฉันได้”
เขาสูงใหญ่กว่าเธอตั้งเยอะ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย บอดี้การ์ดคนเก่าๆ ของเขาตัวใหญ่กว่าเขา ยังจะพลาดพลั้งในหน้าที่ตั้งหลายครั้ง แล้วนี่เธอ...สูงไม่พอดีไหล่เขาที่สูงกว่าร้อยแปดสิบด้วยซ้ำ สภาพแบบนี้ โดนลมพัดทีก็ปลิวแล้ว
“อารักขาได้หมดค่ะ ตราบเท่าที่คุณอิศต้องการให้ทำ”
ทว่าเมรินดากลับมั่นใจเสียเหลือเกิน และความมั่นใจนั้นทำให้อิศราหมั่นไส้อยู่ไม่น้อย
“งั้นฉันขอถามว่าเธอทำอะไรเป็นบ้าง”
เป็นคำถามที่เขาอยากรู้เชิงดูแคลนนิดๆ เบนดามินทำท่าจะตอบให้ หากแต่เมรินดายกมือขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่าเธอจะจัดการเอง
“ยิงปืนไม่มีปัญหาค่ะ การต่อสู้มือเปล่าก็ไม่มีปัญหา ได้หลายศาสตร์หลายแขนง”
“ไหนหลักฐาน?”
“อยู่ในเอกสารทั้งหมดที่ส่งให้คุณเบน หวังว่าคุณอิศจะได้อ่านแล้วนะคะ”
อิศราหน้าม้านเล็กน้อย เขาไม่ได้อ่านไง ไม่แม้แต่จะเปิดดูด้วยซ้ำ
เป็นอย่างไรล่ะไอ้อิศ ไว้ใจคนสนิทดีนัก ได้เรื่องเลย!
“หรือว่า...จะไม่ได้อ่านคะ?”
จะให้ยอมรับว่าไม่ได้อ่านคงจะเสียหน้า รู้กันแค่เขากับเบนจามินเท่านั้นแหละว่าอิศราไม่ได้สนใจอะไรเลย เพราะงั้นเขาจึงสวมแว่นตาดำกลับคืน กลบเกลื่อนความประหม่าที่พร่างพรายออกมาเล็กน้อย ก่อนจะตัดบท
“อย่ามัวเสียเวลาอยู่ตรงนี้ ฉันไม่อยากไปสาย”
เท่านี้เมรินดาก็รู้แล้วว่าเจ้านายคนใหม่ของเธอไม่ได้สนใจประวัติยาวเหยียดเป็นพรืดที่เธอร่ายมาหรอก นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ พวกคนมีอิทธิพลเป็นอย่างนี้ทั้งนั้น สนใจแต่เรื่องของตัวเอง ไม่สนใจอะไรที่ไม่ใช่เรื่องใช่ราว เธอมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินขึ้นไปบนเครื่องบิน ก่อนจะก้าวตาม ขณะที่เบนจามินส่งสายตามาให้เป็นเชิงว่า ‘คุณคงต้องรับศึกหนักหน่อยนะ’ ทว่าหญิงสาวไม่ยี่หระ ยกยิ้มให้ราวกับจะตอบคืนว่า ‘สบ๊ายยย’ ส่วนสบายจริงไหมนั้น ไม่แน่ใจนัก
ดูท่าทางนายจ้างคนนี้จะไม่ชอบหน้าเธอเอาเสียเลย