การเป็นทายาทคนสำคัญอีกคนหนึ่งของตระกูลมาเฟียไม่ใช่เรื่องง่าย ‘อิศรา คาลอส ฟิโอเรนโซ’ ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมาตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่ว่าจะขยับเคลื่อนย้ายไปไหน เขาจำเป็นต้องมีคนคอยดูแลล้อมหน้าล้อมหลังตลอดเวลา
ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา แม้ว่าเขาจะไม่อยากให้ใครมาล้อมหน้าล้อมหลังเหมือนขบวนแห่นาคตลอดเวลาที่เยื้องย่างเลยก็ตาม
เรียกได้ว่าเป็น ‘ตำแหน่ง’ ที่ไม่ได้อยากรับแม้แต่นิด จึงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้คาลอส...ไม่สิ อิศราหนีมาอยู่ที่ประเทศไทยอันเป็นบ้านเกิดของมารดาแทน เขาไม่ชอบชื่อที่บิดาซึ่งเป็นผู้นำตระกูลมาเฟียฟิโอเรนโซตั้งให้ด้วยซ้ำ
ถ้าไม่ได้อยู่อิตาลี เขาจะใช้ชื่อว่า ‘อิศรา’ ที่มารดาผู้ล่วงลับตั้งให้เท่านั้น
แต่เรื่องชาติกำเนิดไม่สำคัญเท่ากับการที่เขาได้รับสายด่วนจากทางต้นตระกูลว่าให้เขาเดินทางไปยังอิตาลีเป็นการด่วนเพื่อพูดคุยเรื่องพินัยกรรมที่บิดามอบไว้ให้ พ่อเขายังไม่ตายหรอก แต่ตามประสามาเฟียที่มีศัตรูอยู่ทุกทิศทุกทาง ไม่รู้ว่าจะตายวันตายพรุ่ง การวางแผนอนาคตไว้ก่อนเป็นเรื่องปกติ และการกลับไปอิตาลีนั้น อิศราเตรียมใจไว้อยู่แล้วว่าอาจจะไม่ได้กลับมาเหยียบเมืองไทยอีก เหตุผลคือ...
หนึ่ง...บิดาเขาไม่ยอมให้กลับ
และสอง...เขาอาจตายอยู่ที่นั่นจากการถูกศัตรูของตระกูลลอบสังหาร
อย่างแรกยังพอหนีได้ เขาหนีมาหลายครั้งแล้ว และครั้งนี้ก็เป็นการหนีที่ยาวนานต่อเนื่องหลายปีที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมา ใครมาตามก็ไม่สามารถพาเขากลับไปได้ แต่อย่างหลัง ถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นมา อย่าได้หวังเลยว่าจะได้มาสูดอากาศประเทศไทยอีก
มีบอดี้การ์ดฝีมือดีก็ดีอยู่หรอก ทว่าเมื่อครั้งก่อนที่เขากลับไปอิตาลีพร้อมชายร่างยักษ์สองคน เขาถูกลอบทำร้ายตั้งแต่ออกจากสนามบินยังไม่ถึงชั่วโมงดีด้วยซ้ำ เดชะบุญที่เขาไม่เป็นอะไรแม้แต่ปลายผม ทั้งนี้อิศราคิดว่าเป็นเพราะเด่นสะดุดตาเกินไปนั่นละ กลับไปคราวนี้ เขาไม่ต้องการเป็นที่สะดุดตาอีก พลันก็เหลือบไปมองยังประตูห้องทำงานเมื่อได้ยินเสียงคนเคาะ ก่อนจะมีชายตาน้ำข้าวร่างสูงเข้ามา พร้อมส่งภาษาอิตาเลียนมาเข้าโสต
“คุณคาลอสครับ ธุระที่คุณให้ผมจัดการ...”
“เบน...”
พูดได้ไม่ทันจบประโยค เสียงเข้มก็ดังขึ้นขัด ‘เบนจามิน’ เลขาคนสนิทชาวอิตาเลียนและเป็นเพื่อนรักวัยเด็กซึ่งเป็นเด็กเหลือขอข้างถนนที่เขาขอพ่อมาดูแลและติดตามเขามาจากอิตาลี คอยรับใช้อยู่หลายปีถึงกับชะงัก รีบค้อมศีรษะลงเล็กน้อยราวกับรู้ว่าเขาเรียกสรรพนามผิดไป
คาลอส...เป็นชื่อต้องห้ามสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยของอิศรา...ไม่สิ เป็นชื่อต้องห้ามที่ไม่ให้ใครก็ตามที่รับใช้เขาอย่างใกล้ชิดเรียก
“ขออภัยครับบอส ผมจะมาแจ้งว่าธุระที่คุณให้ผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับ”
เรียกบอสยังจะดีกว่า อิศรามีสีหน้าที่ดีขึ้น
“ได้มาแล้วเหรอ”
ธุระนั้นคือการจัดหาบอดี้การ์ดคนใหม่ที่ไม่เด่นสะดุดตา เงื่อนไขไม่มีอะไรมาก เป็นโจทย์ที่เขามอบหมายให้เบนจามินไปจัดการ จะเป็นหญิงท้องแก่ แม่ลูกหนึ่ง หรือคนชราอะไรก็ช่าง ขอแค่คนนออกมองแล้วไม่รู้ว่าเป็นบอดี้การ์ดเขาก็พอ
“เรียบร้อยครับ รายละเอียดอยู่ในนี้”
ว่าพลางยื่นแฟ้มเอกสารให้ อิศราไม่ยื่นมือไปรับ ได้แต่พยักหน้า
“ตามนั้น พรุ่งนี้เตรียมเดินทางได้”
“บอสจะไม่ดูสักหน่อยเหรอครับ” ทักท้วงด้วยเกรงว่าจะไม่ถูกใจนายน้อย
“ไม่ล่ะ ฉันไม่มีเวลาขนาดนั้น” จริงๆ แล้วขี้เกียจมากกว่า “นายว่าไงก็ว่ากัน ฉันไว้ใจนาย”
ไม่ไว้ใจก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว ร่วมหัวจมท้ายกันมาตั้งแต่ตอนยังไม่แตกเนื้อหนุ่ม ตอนนี้เกือบจะสามสิบปลายแล้ว คงไม่มีอะไรที่ไม่เชื่อใจกันแล้วล่ะ
“แต่ว่าผมอยากให้บอสดูสักหน่อย”
เบนจามินยังยืนกราน อิศรารู้แหละว่าอีกฝ่ายคงกลัวเขาไม่ถูกใจ
“อย่าไปคิดอะไรมาก แค่เฉพาะหน้างานนี้เท่านั้น กลับมาไทยก็เปลี่ยนบอดี้การ์ดใหม่ถ้าฉันไม่ถูกใจ เอาให้ไปอิตาลีแล้ว ฉันไม่ถูกหมายหัวตั้งแต่ออกจากสนามบินเหมือนครั้งก่อนก็พอ”
ว่ามาอย่างนี้ เบนจามินจะพูดอะไรได้ ได้แต่ขานรับแล้วปล่อยเลยตามเลย ก่อนตัวเองจะออกไปจัดการเรื่องอื่นๆ ต่อให้พร้อมสำหรับการเดินทางพรุ่งนี้ ทิ้งให้อิศรานั่งอยู่ที่เดิม ครุ่นคิดอย่างระอาใจที่ต้องกลับไปเผชิญหน้าบิดา
อิตาลีหรือ?...ไม่อยากกลับไปเลย