ตอนที่4ของเล่น

1162 Words
เมียครับ 4 วาวา จนกระทั่งตอนนี้ ฉันยังไม่รู้เลยว่ากรุงโรมต้องการให้ฉันทำอะไร ครั้นจะถามออกไปก็คงไร้ประโยชน์เพราะคนอย่างกรุงโรมถ้าจะบอก เขาคงบอกตั้งแต่แรกแล้ว “สวัสดีครับคุณเจฟเฟอร์” บรรยากาศในห้องหรูขนาดใหญ่ทำเอาฉันถึงกับยืนตัวแข็งทื่อ ภายในห้องหรูมีโซฟาตัวใหญ่ตั้งเป็นวงกลมและมีโต๊ะอาหารตรงกลาง โดยที่บนโซฟาใหญ่เต็มไปด้วยสาวสวยนุ่งน้อยห่มน้อยกำลังเอาอกเอาใจผู้ชายต่างชาติร่างใหญ่อยู่ “อ้าว เข้ามาก่อนสิกรุงโรม ไอไม่คิดเลยว่าจะเจอยูที่นี่” “คุณเจฟเฟอร์มาทั้งที ผมก็ต้องมาต้อนรับด้วยตัวเองสิครับ” “ฮ่าๆ นั่งดื่มกันก่อนสิ” กรุงโรมหันมาส่งสายตาแกมบังคับให้ฉันเดินตามเขาเข้าไป ทั้งที่ตอนนี้ฉันแทบอยากจะวิ่งหนีออกไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ยิ่งสายตาเล้าโลมที่ผู้ชายต่างชาติคนนั้นมองมา ยิ่งทำให้ฉันไม่อยากอยู่ตรงนี้เลยสักวินาทีเดียว “คุณเจฟเฟอร์ขาดเหลืออะไร แจ้งผมได้เลยนะครับ” กรุงโรมพูดด้วยท่าทางสบายๆ พร้อมทั้งดึงฉันให้นั่งลงข้างกันและไม่ลืมดึงฉันเข้าไปกอดไว้แนบชิดตัว พวกเขาคุยกันไปดื่มกันไป หัวเราะดูมีความสุขต่างจากฉันที่พยายามซุกหน้าเข้าหากรุงโรมเพื่อหลบเลี่ยงสายตาโลมเลียของผู้ชายคนนั้น “สาวสวยข้างกายคุณกรุงโรมเป็นใครเหรอครับ” ฉันเบียดตัวเข้าหากรุงโรมมากกว่าเดิมเมื่อรู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัยแต่ลืมคิดไปเลยว่าคนที่นั่งข้างฉันนี่แหละคือสิ่งที่อันตรายที่สุด กรุงโรมอุ้มฉันขึ้นมานั่งบนตักก่อนจะก้มลงจูบต้นคอฉันทางด้านหลังโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ฉันเบิกตากว้างกำลังจะดิ้นหนีแต่แล้วต้องนั่งตัวแข็งทื่อเมื่อกรุงโรมกระซิบขู่ “ถ้าดิ้น ฉันจะให้ลูกน้องไปเผาร้านพี่เธอซะ” คำขู่จากเขาส่งผลให้ฉันจำยอมนั่งนิ่งให้เขาทำตามอำเภอใจ กรุงโรมจูบซ้ำลงบนต้นคอฉันและหันไปพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงเสมือนว่าเขากำลังพยายามอวดของเล่นชิ้นโปรดอยู่ “ของเล่นผมเองครับคุณเจฟเฟอร์” “ว้าว น่าอิจฉาจังนะครับ มีของเล่นน่าเล่นแบบนี้” ผู้ชายคนนั้นยื่นมือมาลูบไล้แก้มฉันอย่างถือวิสาสะ ฉันแทบอยากจะร้องไห้ออกมาเสียเดี๋ยวนั้น พยายามไม่หันไปมองผู้ชายคนนั้นแล้วซุกหน้าเข้าหาอกแกร่งแทน ถึงกรุงโรมจะอันตรายแต่ก็รู้สึกปลอดภัยกว่าผู้ชายอีกคนอยู่ดี กรุงโรมยิ้มเจ้าเล่ห์ ก้มลงหอมศีรษะฉันก่อนจะพูดสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดออกมา “คุณเจฟเฟอร์อยากลองเล่นดูมั้ยครับ” ฉันเบิกตากว้าง เงยหน้ามองกรุงโรมด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด เขายิ้มให้ฉันพร้อมทั้งก้มลงหอมแก้มและกระซิบขู่ข้างใบหูเสียงแข็ง “ทำตามที่ฉันสั่ง” “ไม่ ไม่เอานะคะ” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธรัวเร็ว กำลังจะลุกหนีแต่แล้วตัวฉันก็ถูกอุ้มขึ้นจากตักแกร่งของกรุงโรมเสียก่อน “ว้าย!” ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ พยายามขัดขืนแต่ทำไม่ได้ กรุงโรมหน้าตึงขึ้นกว่าเดิมเมื่อมองมาทางผู้ชายคนนั้นแต่ไม่ได้ห้ามหรือรั้งตัวฉันไว้ ปล่อยให้เขาอุ้มฉันไปอย่างง่ายดาย “มานั่งตักไอดีกว่า เล่นกับไอสนุกนะ” “ปล่อยฉันนะ ปล่อย” ฉันดิ้นสุดกำลัง พยายามผลักผู้ชายคนนั้นออกด้วยความรังเกียจแต่มันกลับหัวเราะชอบใจ มันก้มลงสูดดมผมฉันและหัวเราะในลำคอด้วยรอยยิ้มโรคจิต “หอมมาก” เพียะ เพียะ ฉันทั้งดิ้น ทั้งทุบตีแต่ผู้ชายคนนั้นกลับไม่สะทกสะท้านใดใดกลับหัวเราะชอบใจออกมา “ฮ่าๆ ดิ้นอีกสิสาวน้อย” ผู้ชายคนนั้นยิ้มโรคจิตแถมยังใช้มือสกปรบลูบไล้แผ่นหลังฉันผ่านเสื้อตัวบางที่ปกคลุมเรือนกายฉันอยู่ “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ไอ้โรคจิต” ฉันตวาดลั่นด้วยความรังเกียจ ปกติฉันไม่ใช่คนพูดคำหยาบแต่สำหรับผู้ชายแบบนี้ ฉันไม่จะเป็นต้องให้เกียรติเลยสักนิด “วู้ ไม่เคยมีใครกล้าด่าฉันมาก่อน แบบนี้สงสัยต้องลงโทษ” ขณะที่ผู้ชายคนนั้นทำท่าจะฉีกเสื้อฉันออก ฉันจึงอาศัยจังหวะหันไปคว้าขวดเหล้าบนโต๊ะมาฟาดใส่หัวเขาเต็มแรง พลั่ก ขวดเหล้าแตกกระจาย พร้อมทั้งเลือดสีแดงสดที่ไหลลงมาจากศีรษะของผู้ชายคนนั้น ภาพตรงหน้าทำให้ฉันมือไม้สั่นไปหมด รีบปล่อยขวดเหล้าออกจากมือและลุกออกจากตักผู้ชายโรคจิตคนนั้นทันที “อิชั่ว กูไม่ปล่อยมึงไว้แน่” ผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นและเดินย่างสามขุมเข้ามาหาฉันพร้อมทั้งง้างมือขึ้นสูง ด้วยความตกใจ ฉันเลยได้แต่ยืนหลับตาปี๋เตรียมรับความเจ็บแต่แล้วสิ่งที่ฉันรู้สึกในวินาทีต่อมาคือความอบอุ่นที่คุ้นเคย “ขอโทษนะครับ คนของผม ผมขอจัดการเอง” กรุงโรมเดินเข้ามาขวางฉันไว้ มือหนาจับมือฉันไว้แน่นและดันตัวฉันไว้ด้านหลังเขา “ไอไม่ยอม ส่งนังนั่นมาให้ไอจัดการ” “ไม่ได้ครับ เพราะเธอคือคนของผม” “แต่คนของยูมันทำร้ายไอ!” ผู้ชายคนนั้นตวาดเสียงดังลั่น ฉันสะดุ้งจนต้องซุกหน้าเข้ากับแผ่นหลังแกร่งของกรุงโรมด้วยความกลัว “คุณไม่อยากมีปัญหากับผมหรอกเจฟเฟอร์” เสียงกรุงโรมเรียบนิ่งและเย็นยะเยือกฟังดูน่าขนลุกกว่าทุกครั้ง บรรยากาศเงียบลงเสียจนฉันนึกโล่งใจว่าทุกอย่างจบแล้วแต่เมื่ิอลืมตาดูกลับต้องตกใจอย่างสุดขีด เมื่อผู้ชายคนนั้นเอาปืนจ่อหน้ากรุงโรมอยู่แต่กรุงโรมก็ยังยืนนิ่งไม่มีความกลัวใดๆ “คุณจะทำอะไร คิดดีๆ ก่อนนะครับคุณเจฟเฟอร์” ถึงแม้ถ้อยคำจะแลดูสุภาพแต่น้ำเสียงกลับเย็นยะเยือกน่าขนลุก “เหอะ แล้วอย่าคิดว่าไอจะมาเหยียบที่นี่อีก” คนนั้นสบถเป็นภาษาอังกฤษยาวเหยียดก่อนจะเดินหัวเสียออกไปจากห้อง เมื่อผู้ชายนั้นเดินออกไปกรุงโรมก็หันมาคว้าตัวฉันขึ้นอุ้มด้วยท่าเจ้าสาวพร้อมทั้งส่งสายตาดุดันมาให้ “เธอทำฉันเสียเรื่อง” “คุณโทษว่าเป็นความผิดฉันเหรอ” “เออ” เพียะ!! มือฉันเลื่อนไปตบหน้ากรุงโรมเร็วกว่าใจคิด เขาขบกรามเข้าหากันแน่นก่อนจะหันมามองฉันด้วยสีหน้าน่ากลัว “เราคงต้องไปทบทวนสถานะกันหน่อยแล้ววาวา” —————-////————
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD