ตอนที่1น้องสาวศัตรู
ตอนที่ 1
เมียครับ
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขณะที่กรุงโรมกำลังแต่งตัว เขาเหลือบมองนาฬิกาเมื่อเห็นว่าถึงเวลาที่ลูกน้องเขามาถึงแล้วจึงตะโกนสั่งให้ลูกน้องเข้ามา
“เข้ามา”
“ขออนุญาตครับนายน้อย”
เชฟเป็นลูกน้องคนสนิทแต่เนื่องจากเชฟเป็นลูกชายของมือขวาพ่อกรุงโรม กรุงโรมเลยค่อนข้างสนิทกับเชฟและเห็นเขาเป็นเปรียบเสมือนพี่ชายคนหนึ่งมากกว่าลูกน้อง
“มีอะไรแต่เช้า”
“ข่าวเรื่องไอ้วาดีลครับ”
วาดีลเป็นผู้ชายที่กรุงโรมกำลังตามหาอยู่เพราะเขาได้เบาะแสมาว่าวาดีลคือตัวการที่ทำให้พี่สาวเพียงคนเดียวของเขานอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ที่โรงพยาบาลในตอนนี้
ซึ่งใครที่มาทำร้ายคนในครอบครัวเขา เขาไม่มีวันปล่อยไว้แน่ แต่นี่เป็นเวลากว่าอาทิตย์แล้วก็ยังไร้วี่แววของวาดีล
“ว่ามา”
“ทางเราพยายามสืบอย่างสุดความสามารถแล้วแต่ไร้วี่แววมันจริงๆ ครับ”
โครม!
เก้าอี้ถูกถีบล้มลงด้วยความโมโห เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับกรุงโรม
ปกติไม่มีสิ่งไหนลอดสายตากรุงโรมไปได้ ไม่เคยมีสิ่งไหนที่เขาอยากรู้แล้วไม่รู้ เขามีสายข่าวและเครือข่ายอยู่ทั่วโลกเพื่อดำเนินธุรกิจของเขา
เขารับงานสืบหาข้อมูลลับยากๆ มานับไม่ถ้วน มูลค่างานเป็นสิบล้าน ยี่สิบล้าน เขาก็สามารถปิดงานได้ไม่ยาก แต่ตอนนี้เขากลับหาตัวการที่ทำร้ายพี่สาวตัวเองไม่เจอ
“แค่คนคนเดียวทำไมหาไม่เจอวะ!!”
“ผมขอโทษครับนายน้อย แต่ไอ้วาดีลมันสาบสูญไปเลย ไร้วี่แววจริงๆ ครับนาย”
“แล้วน้องสาวมันล่ะ?”
“น้องสาววาดีล เรียนสัตวแพทย์อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับนายน้อยครับ” คิ้วเข้มเลิกขึ้น ไม่คิดว่าน้องสาวของคนที่เขาตามหาจะอยู่ใกล้แค่นี้เอง
“แล้วทำไมกูไม่เคยรู้วะ”
“อาจจะเพราะนายน้อยไม่ค่อยได้ไปมหาวิทยาลัยรึเปล่าครับ”
“อ้าว ไอ้เวรนี่”
“ขอโทษครับ”
เชฟก้มหน้าขอโทษก่อนจะรายงานเรื่องน้องสาวของวาดีลต่อ
“น้องสาวของวาดีลชื่อ วาวา วาเลนไทน์ ศึกษาอยู่ชั้นปีที่สี่ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ เกรดเฉลี่ยสี่จุดศูนย์ศูนย์ เป็นนักศึกษาเรียนดีมาตลอด ไม่เคยออกนอกลู่นอกทางหรือยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขเลยครับ”
“มึงแน่ใจนะว่ามึงสืบมาถูกคน?”
“ครับ เธอเป็นน้องสาวคนเดียวของวาดีล พ่อแม่เสียด้วยอุบัติเหตุตอนเธอห้าขวบ วาดีลเป็นคนเลี้ยงเธอมาและเป็นคนปิดบังข้อมูลเธอ แม้กระทั่งนามสกุล ทั้งคู่ยังใช้คนละนามสกุลกันเลยครับ”
กรุงโรมพยักหน้าอย่างใช้ความคิดก่อนจะยกยิ้มมุมปาก
“หึ มันคงรักน้องสาวมันมากสินะ”
“นายน้อยมีแผนอะไรครับ”
“เราไปทักทายน้องสาวไอ้วาดีลกันหน่อยดีกว่า”
——————
ทางด้านมหาวิทยาลัยเอส เวลานี้นักศึกษาเริ่มเบาบางลงเนื่องจากถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว นักศึกษาส่วนใหญ่จึงเข้าห้องเรียนกัน
ยกเว้นเสียแต่คลาสของวาวาที่อาจารย์แคนเซิลกะทันหัน ทำให้วันนี้ไม่มีเรียนไปโดยปริยาย
“วาไปคาเฟ่กันมั้ย”
ชมพูสาวหมวย ตัวเล็ก เจ้าแม่แห่งวงการพูดไปเรื่อย พูดได้ตลอดทั้งวันไม่มีเหนื่อยหันมาถามเพื่อนสาวแสนเรียบร้อยอย่างวาวา
“ไปกินราเมนดีกว่าวา”
ฟ้าใสแย้งขึ้น เธอเป็นนักมวยหญิงจึงค่อนข้างมีนิสัยที่ห้าวเป็นคนพูดจาโผงผาง ไม่ค่อยสนใจใครแต่เป็นคนรักเพื่อนมาก
“ไม่เอา พูอยากไปคาเฟ่” สาวหมวยตัวเล็กเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“คาเฟ่เพิ่งไปกันมาเอง ไม่รู้แหละ ยังไงวันนี้ก็จะไปกินราเมน”
สองสาวยืนเถียงกันโดยมีวาวาคั่นอยู่ตรงกลาง ซึ่งเธอทำได้เพียงมองเพื่อนสลับกันด้วยรอยยิ้มเท่านั้น
เธอชินกับสองคนนี้เสียแล้วเพราะทั้งคู่ทะเลาะกันแบบนี้มาตั้งแต่ปีหนึ่งจนตอนนี้ปีสี่ก็ยังไม่เลิกทะเลาะกัน
“เดี๋ยววาขอไปห้องน้ำก่อนนะ”
วาวาบอกเพื่อนสาวก่อนจะเดินแยกออกมา ทั้งกลุ่มวาวาเป็นคนที่เรียบร้อยที่สุด ถึงแม้หญิงสาวจะใส่แว่นหนาเตอะแต่กลับบดบังความน่ารักของเธอได้เพียงนิดเดียวเท่านั้นเพราะมีหนุ่มๆ แวะเวียนมาขายขนมจีบให้เธอไม่เว้นแต่ละวัน
แต่ถึงอย่างนั้นวาวาก็ไม่เคยสนใจใครเลย เธอเป็นคนสุภาพ อ่อนหวาน ใสซื่อจากจิตใจภายใน และสนใจแต่เพียงเรื่องเรียน ฉะนั้นจึงไม่มีใครได้ใจเธอไปครองเสียที
“สวัสดีครับคุณวาวา”
วาวาเลิกคิ้วเล็กน้อย เธอมั่นใจว่าเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้
“เอ่อ สวัสดีค่ะ”
“ผมขอเชิญคุณวาวาตามผมมาด้วยครับ”
“คะ?”
คิ้วสวยเลิกขึ้นอีกครั้งด้วยความไม่เข้าใจ ท่าทางใสซื่อของเธอทำให้เชฟถึงกับประหม่าเล็กน้อย ครั้นจะขู่เหมือนที่ทำกับคนอื่นก็รู้สึกเกรงใจอย่างบอกไม่ถูก
“นายน้อยมีเรื่องพี่ชายของคุณจะคุยกับคุณครับ”
“พี่วาดีลเหรอคะ”
เมื่อได้ยินชื่อพี่ชาย วาวาก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันทีเพราะเธอเองก็ไม่ได้เจอพี่ชายของเธอมาหลายวันแล้ว
“ใช่ครับ เชิญคุณวาวาทางนี้ครับ”
วาวาเดินตามเชฟไปอย่างระมัดระวังจนกระทั่งมาถึงรถหรูสีบลอนซ์เงิน เชฟเปิดประตูรถออกเผยให้เห็นร่างสูงที่นั่งอยู่ด้านใน
“ขึ้นมาสิ”
เสียงทุ้มเอ่ยบอก วาวาชะงักเล็กน้อยเมื่อผู้ชายในรถหันหน้ามา ใบหน้าหล่อและหุ่นกำยำนั่นสง่าผ่าเผยราวกับนายแบบแต่สายตากลับเต็มไปด้วยความน่ากลัวและเจ้าเล่ห์
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณมีข่าวอะไรเกี่ยวกับพี่วาดีลจะบอกวาเหรอคะ”
“บอกให้ขึ้นมา”
กรุงโรมไม่ตอบคำถามแต่ออกคำสั่งซ้ำเสียงเข้มซึ่งวาวาก็ยังปฏิเสธด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ ว้ายยย”
หญิงสาวร้องเสียงหลงเมื่อร่างเธอโดนกระชากขึ้นรถไปพร้อมทั้งโดนจับวางลงบนตักแกร่งของคนที่นั่งอยู่ในรถ
“ออกรถ”
กรุงโรมสั่งลูกน้องเสียงนิ่ง แขนแกร่งยังโอบร่างเล็กไว้อย่างลืมตัว กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเธอและผิวเนียนนุ่มนี่มันอะไรกัน ทำไมมันทำให้เขารู้สึกอยากกอดเธอไว้แบบนี้ตลอดเวลา
“คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้นะคะ”
“เหรอ?”
ใบหน้าหล่อมองเธอด้วยความยียวน วาวาเม้มปากแน่นก่อนจะตีลงบนแขนเขาหวังให้เขาปล่อยเธอ แต่ท่อนแขนแกร่งนั่นแข็งปานเหล็กตีเท่าไหร่ก็ไม่ขยับเสียที
เพียะ เพียะ
“โอ๊ย”
คนโดนตีไม่สะทกสะท้านใดๆ แต่คนตีกลับมือแดงเป็นปื้นแทน
“เก็บแรงไว้ทำอย่างอื่นเถอะยัยเฉิ่ม”
———