ตอนที่ 2 : เกิดอะไรขึ้นกับหัวใจ
“ไอ้หมอ! มึงได้ยินกูหรือเปล่า!”
เสียงทุบประตูห้องนอนพร้อมเสียงร้องเรียกของคริษฐ์ทำให้คนที่เผลอหลับสนิทสะดุ้งตื่น ก่อนจะค่อยๆเปิดเปลือกตาด้วยอาการงัวเงีย ร่างสูงโปรงจำต้องลุกขึ้นจากเตียงนอนเล็กๆ แคบๆ เพื่อเดินมาเปิดประตูให้กับคนที่อยู่นอกห้อง
“เอะอะอะไรของมึงวะ ไอ้คิง”
“นี่อย่าบอกนะว่ามึงเพิ่งตื่น”
นัยน์ตาคมกริบหรี่แคบลงเมื่อพบว่าอีกฝ่ายยังอยู่ในชุดเดิมที่มา อีกทั้งผมเผ้ายุ่งเหยิงราวกับคนที่เพิ่งจะลุกจากที่นอน
“อืม แล้วมึงมีอะไรถึงได้ส่งเสียงดังรบกวนการนอนหลับพักผ่อนของคนอื่นวะ!”
น้ำเสียงของเจ้าจอมติดจะหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อถูกรบกวนการนอนหลับพักผ่อน ทำให้คริษฐ์ต้องส่ายหน้าไปมาเบาๆ ก่อนจะบอกกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“กูจะมาบอกให้มึงไปกินข้าวข้างล่าง นี่ใกล้จะสองทุ่มแล้ว อีกสักพักไฟก็จะดับ”
“อ้าวเฮ้ย! กูยังไม่ได้อาบน้ำเลย”
เจ้าจอมร้องเสียงหลงเหมือนเพิ่งจะนึกได้ เพราะถ้าหากไฟดับก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แม้แต่การอาบน้ำก็คงจะเป็นไปด้วยความยากลำบาก
“มึงก็รีบไปอาบสิ ให้เวลาสองนาที”
“บ้า! สองนาทีใครจะไปอาบทันวะ ถอดเสื้อผ้าก็หมดเวลาแล้ว”
“ก็ถ้ามึงไม่เอาแต่มายืนเถียงกับกูก็ทันป่าววะ! ไปได้แล้ว เสียเวลา”คริษฐ์บอกก่อนจะเอ่ยปากไล่อีกฝ่ายให้รีบไปจัดการตัวเอง
“เอ่อ! ห้านาทีเดี๋ยวมา รอกูด้วย”
“อืม”
………………………..…………………………..
สิบนาทีต่อมาสองหนุ่มเดินเข้ามาในโรงอาหารเล็กๆของหน่วยพิทักษ์ป่า แล้วหย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้ไม้ตัวยาว ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ฝ่ายห้องครัวนำอาหารมาให้
และหลังจากที่มื้อเย็นผ่านพ้นไป สองหนุ่มก็นั่งพูดคุยกันต่อด้วยหัวข้อสนทนาที่เบาสมอง
“มาอยู่ในถิ่นทุรกันดารแบบนี้ ไม่คิดถึงแฟนเหรอวะไอ้หมอ”
“กูยังไม่มีแฟน”
“จริงดิ”
คริษฐ์เลิกคิ้วถามไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าของรอยยิ้มพิฆาต ชวนใจละลายอย่างเจ้าจอมจะยังคงโสดอยู่ ทั้งที่สมัยเรียนนั้นถือได้ว่าอีกฝ่ายก็ฮอตไม่แพ้ตน นับจากดอกกุหลาบที่ชะนีเก้งกวางทั้งหลายเอามาให้ในวันวาเลนไทน์ที่ดูเหมือนจะมีจำนวนพอๆกัน
“อืม กูยังไม่เจอคนที่ใช่ แล้วมึงอะมีแฟนหรือยัง”
“กูโสด”
“ก็เพราะอยู่แต่ป่าแต่เขาสินะถึงไม่ได้เจอใครสักที ระวังเถอะ สักวันจะได้นางไม้เป็นเมีย”
เจ้าจอมแซวอีกฝ่ายเล่น ทว่าคริษฐ์กลับเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึมแล้วเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงเครียด
“ระวังปากหน่อยไอ้หมอ ที่นี่เจ้าที่แรงนะโว้ย!”
“จริงเหรอวะ!”
เจ้าจอมรู้สึกตกใจไม่น้อยจนเผลอทำตาโตแล้วหันไปมองรอบๆ ซึ่งบรรยากาศรอบตัวตอนนี้นอกจากจะมืดสนิทแล้ว ยังมีเสียงจิ้งหรีดเรไรร้องดังระงมไปทั่วทั้งป่า ให้ความรู้สึกวังเวงแปลกๆ แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วยุ่งเมื่ออีกฝ่ายเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสนุกที่ได้แกล้งตน
“ฮ่าๆๆๆ กูล้อเล่น เจ้าที่ที่นี่ก็พวกกูนี่แหละ”
“บ้าเฮ้ย! พูดซะกูขนลุกเลย”
เจ้าจอมต่อว่าเพื่อน แต่กระนั้นไม่ถือโทษโกรธอย่างจริงจัง ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าสามนายเดินถือกระบอกไม้ไผ่ตรงมาหาทั้งสองคน
“อะไร?”คริษฐ์เอ่ยถามลูกน้องพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง
“เหล้าขาวครับ หัวหน้าจะเอาสักหน่อยไหมครับ”
“อืม เอามาสิ”
คริษฐ์ไม่ปฏิเสธเพราะเห็นว่าอยู่นอกเหนือเวลางาน และการได้ลิ้มลองอะไรบาดคอก่อนนอนจะทำให้หลับสบายจนถึงเช้า
เจ้าหน้าที่ทั้งสามนั่งล้อมวงร่วมกับผู้บังคับบัญชาอย่างรู้งาน เพราะคริษฐ์ไม่เคยถือเนื้อถือตัว อยู่กับลูกน้องเหมือนเพื่อนพ้องเสียมากกว่าจะวางอำนาจข่มขู่ผู้ใต้บังคับบัญชาจ เพราะแบบนี้เขาเลยซื้อใจลูกน้องทุกคนได้ด้วยความจริงใจอย่างไม่ต้องสงสัย
“อะไรวะ ขอลองมั่งดิ”
เจ้าจอมที่ชอบลองไรแปลกๆใหม่ๆ บอกอย่างให้ความสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
“เหล้าขาวครับคุณหมอ ชาวบ้านต้มเอง ทำจากข้าวเจ้า รับรองว่าเป็นเครื่องดื่มออแกนิคร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ”
เจ้าหน้าที่นายที่ถือกระบอกไม้ไผ่ จัดการรินเหล้าขาวใส่แก้วไม้ไผ่ใบเล็กส่งมาให้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะรับมาดมแล้วทำจมูกฟุดฟิด เมื่อกลิ่นฉุนพุ่งเข้าเต็มรูจมูก
“กลิ่นฉุนดีแฮะ”
“อย่าดื่มเยอะ เอาแค่จีบๆพอ คอไม่แข็งสู้ดีกรีความแรงของมันไม่ได้หรอก”
คริษฐ์ที่นั่งมองอยู่เงียบๆเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี เพราะคนที่คอไม่แข็งพอ และไม่เคยลองจะทำให้เมาได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ทว่าเจ้าจอมกลับไม่สนใจคำเตือนนั้น ซ้ำยังเถียงกลับไปด้วยน้ำเสียงนึกสนุก
“มึงอย่าดูถูกกูนะ สมัยเรียนกูกับมึงก็ดื่มหนักพอๆกันนั่นแหละ”
“แต่เหล้าพวกนั้นกับเหล้าบนดอยมันไม่เหมือนกันนะโว้ย ไอ้เหล้าขาวเนี่ย ล้มวัวล้มควายได้เป็นตัวเลยนะจะบอกให้”
“กูไม่เชื่อ แน่จริงเรามาดวลกันหน่อยไหมล่ะว่าใครจะล้มก่อนกัน”
เจ้าจอมเอ่ยท้าพลางยักคิ้วให้อีกฝ่ายอย่างกวนๆ ทำให้คริษฐ์ต้องพ่นลมหายใจออกมาหนักๆพลางส่ายหน้าไปมา กับนิสัยชอบเอาชนะของอีกฝ่ายที่ไม่เคยเปลี่ยน
“ผมว่าคุณหมออย่าไปท้าหัวหน้าเลยนะครับ หัวหน้าเขาคอแข็งระดับเซียน ถึงจะดื่มเหล้าขาวโต้รุ่งก็ไม่เมาหรอกครับ”
“ขนาดนั้นเลย”เจ้าจอมทำเสียงสูงไม่อยากจะเชื่อ
“ครับคุณหมอ”
เจ้าหน้าที่ทั้งสามพยักหน้ายืนยันเสียงหนักแทบจะพร้อมกัน ทว่าเจ้าจอมกลับยิ่งรู้สึกท้าทายเข้าไปใหญ่
“แบบนี้ยิ่งต้องลอง อยากรู้ว่าจะสมราคาคุยหรือเปล่า”
……………………………………….………………………..
เวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบสองชั่วโมง
“กูบอกมึงแล้วใช่ไหมไอ้หมอ ว่าอย่าดื่มเยอะ แล้วนี่เป็นไง กลายมาเป็นภาระกูอีกจนได้”
คริษฐ์บ่นคนที่กำลังหลับคอพับคาโต๊ะด้วยน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะดึงอีกฝ่ายจับพยุงหิ้วปีกขึ้นมาด้วยความทุลักทุเล
“ให้ช่วยไหมครับหัวหน้า”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูจัดการเอง พวกมึงแยกย้ายกลับไปพักกันได้แล้ว พรุ่งนี้มีงานต้องทำอีก”
คริษฐ์ปฏิเสธความช่วยเหลือ ก่อนจะออกคำสั่งกับลูกน้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ครับหัวหน้า ราตรีสวัสดิ์ครับ”
เมื่อผู้เป็นหัวหน้าไม่ต้องการความช่วยเหลือก็แสดงว่าจัดการเองได้ เจ้าหน้าที่ทั้งสามคนจึงลุกขึ้นรับทราบ พร้อมเอ่ยลาแล้วแยกย้ายกลับไปยังที่พักของตนทันทีตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา
“กินอะไรวะ ตัวหนักชะมัด!”
คริษฐ์บ่นพึมพำขณะที่ประคองคนเมามาที่เตียงได้สำเร็จ จากนั้นก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง พลางกวาดสายตามองคนที่นอนหมดสติด้วยความหมั่นไส้ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับทำท่าจะตกเตียง เขาก็ต้องรีบเข้าไปจับแล้วพลิกร่างโปรงให้กลับมาบนเตียงอย่างรวดเร็ว
“ไอ้หมอ ได้ยินกูหรือเปล่าวะ ไอ้หมอ!”
คริษฐ์ตบแก้มขาวเนียนที่ตอนนี้แดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เบาๆเพื่อเรียกสติ
“อื้อ…”
คนถูกปลุกส่งเสียงอยู่ในลำคอด้วยความรำคาญ ก่อนจะตวัดลำคอแข็งแรงของคนปลุกแล้วออกแรงกระชากลงมาอย่างแรง ส่งผลให้คนที่ไม่ทันระวังตัวล้มทับลงมาคร่อมบนร่างโปร่งอย่างจัง
“เฮ้ย! ทำบ้าอะไรวะ!”
คริษฐ์ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ เมื่อจมูกโด่งคมสันของตนเกือบชนเข้ากับใบหน้าหยกเนียน ยังดีที่เขาขืนตัวไว้ได้เลยทำให้ใบหนืทั้งสองไม่ชนกัน
“ปล่อยกู! ไอ้หมอ!”
“คุณแม่... หายงอนผมนะ ผมไม่ได้เมา ผมแค่จีบเหล้านิดเดียวเอง”
เจ้าจอมยังคงละเมอด้วยเสียงยานคาง ขณะเดียวกันก็ยึดลำคอแข็งแรงไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ยิ่งคริษฐ์ดิ้นมากเท่าไหร่ใบหน้าก็ยิ่งใกล้ชิดอีกฝ่ายมากเท่านั้น และแล้วจมูกโด่งๆก็ชนเข้ากับแก้มเนียนหอมละมุนเข้าจนได้
กลิ่นหอมๆและความนุ่มละมุนของแก้มขาวๆทำให้คริษฐ์ชะงักนิ่งแข็งทื่อเป็นหิน หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน เหงื่อเม็ดโตค่อยๆผุดออกมาจากหน้าผากทั้งที่อากาศตอนนี้ก็แค่สิบกว่าองศาไม่มีทีท่าว่าจะร้อนเลยสักนิด
‘เฮ้ย! มึงเป็นบ้าอะไรวะไอ้คิง!’
คริษฐ์รู้สึกตกใจกับปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นของตัวเอง จนต้องรีบตั้งสติแล้วแกะมือที่กำลังรัดลำคอแข็งแรงของเขาไว้แน่นออก
“ไอ้หมอ…ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ”
เสียงทุ้มคำรามต่ำบอกกับคนใต้ร่างเมื่อเขาแกะมือเรียวได้สำเร็จก็ต้องข่มกรามแน่นจนขึ้นเป็นสันนูน จากนั้นก็สบถออกมาด้วยความหงุดหงิด
“ให้ตายสิ! ถ้ารู้ว่าดื่มแล้วจะอาการหนักขนาดนี้ ไม่ให้ดื่มตั้งแต่แรกก็ดี”
คริษฐ์จัดการดึงผ้าห่มคลุมให้เพื่อน ก่อนที่จะหมุนตัวเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว พร้อมกับอาการสั่นไหวของหัวใจที่เขายังไม่มีคำตอบให้กับตัวเอง