ตอนที่ 2 : เกิดอะไรขึ้นกับหัวใจ

1603 Words
ตอนที่ 2 : เกิดอะไรขึ้นกับหัวใจ “ไอ้หมอ! มึงได้ยินกูหรือเปล่า!” เสียงทุบประตูห้องนอนพร้อมเสียงร้องเรียกของคริษฐ์ทำให้คนที่เผลอหลับสนิทสะดุ้งตื่น ก่อนจะค่อยๆเปิดเปลือกตาด้วยอาการงัวเงีย ร่างสูงโปรงจำต้องลุกขึ้นจากเตียงนอนเล็กๆ แคบๆ เพื่อเดินมาเปิดประตูให้กับคนที่อยู่นอกห้อง “เอะอะอะไรของมึงวะ ไอ้คิง” “นี่อย่าบอกนะว่ามึงเพิ่งตื่น” นัยน์ตาคมกริบหรี่แคบลงเมื่อพบว่าอีกฝ่ายยังอยู่ในชุดเดิมที่มา อีกทั้งผมเผ้ายุ่งเหยิงราวกับคนที่เพิ่งจะลุกจากที่นอน “อืม แล้วมึงมีอะไรถึงได้ส่งเสียงดังรบกวนการนอนหลับพักผ่อนของคนอื่นวะ!” น้ำเสียงของเจ้าจอมติดจะหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อถูกรบกวนการนอนหลับพักผ่อน ทำให้คริษฐ์ต้องส่ายหน้าไปมาเบาๆ ก่อนจะบอกกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “กูจะมาบอกให้มึงไปกินข้าวข้างล่าง นี่ใกล้จะสองทุ่มแล้ว อีกสักพักไฟก็จะดับ” “อ้าวเฮ้ย! กูยังไม่ได้อาบน้ำเลย” เจ้าจอมร้องเสียงหลงเหมือนเพิ่งจะนึกได้ เพราะถ้าหากไฟดับก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แม้แต่การอาบน้ำก็คงจะเป็นไปด้วยความยากลำบาก “มึงก็รีบไปอาบสิ ให้เวลาสองนาที” “บ้า! สองนาทีใครจะไปอาบทันวะ ถอดเสื้อผ้าก็หมดเวลาแล้ว” “ก็ถ้ามึงไม่เอาแต่มายืนเถียงกับกูก็ทันป่าววะ! ไปได้แล้ว เสียเวลา”คริษฐ์บอกก่อนจะเอ่ยปากไล่อีกฝ่ายให้รีบไปจัดการตัวเอง “เอ่อ! ห้านาทีเดี๋ยวมา รอกูด้วย” “อืม” ………………………..………………………….. สิบนาทีต่อมาสองหนุ่มเดินเข้ามาในโรงอาหารเล็กๆของหน่วยพิทักษ์ป่า แล้วหย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้ไม้ตัวยาว ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ฝ่ายห้องครัวนำอาหารมาให้ และหลังจากที่มื้อเย็นผ่านพ้นไป สองหนุ่มก็นั่งพูดคุยกันต่อด้วยหัวข้อสนทนาที่เบาสมอง “มาอยู่ในถิ่นทุรกันดารแบบนี้ ไม่คิดถึงแฟนเหรอวะไอ้หมอ” “กูยังไม่มีแฟน” “จริงดิ” คริษฐ์เลิกคิ้วถามไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าของรอยยิ้มพิฆาต ชวนใจละลายอย่างเจ้าจอมจะยังคงโสดอยู่ ทั้งที่สมัยเรียนนั้นถือได้ว่าอีกฝ่ายก็ฮอตไม่แพ้ตน นับจากดอกกุหลาบที่ชะนีเก้งกวางทั้งหลายเอามาให้ในวันวาเลนไทน์ที่ดูเหมือนจะมีจำนวนพอๆกัน “อืม กูยังไม่เจอคนที่ใช่ แล้วมึงอะมีแฟนหรือยัง” “กูโสด” “ก็เพราะอยู่แต่ป่าแต่เขาสินะถึงไม่ได้เจอใครสักที ระวังเถอะ สักวันจะได้นางไม้เป็นเมีย” เจ้าจอมแซวอีกฝ่ายเล่น ทว่าคริษฐ์กลับเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึมแล้วเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงเครียด “ระวังปากหน่อยไอ้หมอ ที่นี่เจ้าที่แรงนะโว้ย!” “จริงเหรอวะ!” เจ้าจอมรู้สึกตกใจไม่น้อยจนเผลอทำตาโตแล้วหันไปมองรอบๆ ซึ่งบรรยากาศรอบตัวตอนนี้นอกจากจะมืดสนิทแล้ว ยังมีเสียงจิ้งหรีดเรไรร้องดังระงมไปทั่วทั้งป่า ให้ความรู้สึกวังเวงแปลกๆ แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วยุ่งเมื่ออีกฝ่ายเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสนุกที่ได้แกล้งตน “ฮ่าๆๆๆ กูล้อเล่น เจ้าที่ที่นี่ก็พวกกูนี่แหละ” “บ้าเฮ้ย! พูดซะกูขนลุกเลย” เจ้าจอมต่อว่าเพื่อน แต่กระนั้นไม่ถือโทษโกรธอย่างจริงจัง ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าสามนายเดินถือกระบอกไม้ไผ่ตรงมาหาทั้งสองคน “อะไร?”คริษฐ์เอ่ยถามลูกน้องพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง “เหล้าขาวครับ หัวหน้าจะเอาสักหน่อยไหมครับ” “อืม เอามาสิ” คริษฐ์ไม่ปฏิเสธเพราะเห็นว่าอยู่นอกเหนือเวลางาน และการได้ลิ้มลองอะไรบาดคอก่อนนอนจะทำให้หลับสบายจนถึงเช้า เจ้าหน้าที่ทั้งสามนั่งล้อมวงร่วมกับผู้บังคับบัญชาอย่างรู้งาน เพราะคริษฐ์ไม่เคยถือเนื้อถือตัว อยู่กับลูกน้องเหมือนเพื่อนพ้องเสียมากกว่าจะวางอำนาจข่มขู่ผู้ใต้บังคับบัญชาจ เพราะแบบนี้เขาเลยซื้อใจลูกน้องทุกคนได้ด้วยความจริงใจอย่างไม่ต้องสงสัย “อะไรวะ ขอลองมั่งดิ” เจ้าจอมที่ชอบลองไรแปลกๆใหม่ๆ บอกอย่างให้ความสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้า “เหล้าขาวครับคุณหมอ ชาวบ้านต้มเอง ทำจากข้าวเจ้า รับรองว่าเป็นเครื่องดื่มออแกนิคร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ” เจ้าหน้าที่นายที่ถือกระบอกไม้ไผ่ จัดการรินเหล้าขาวใส่แก้วไม้ไผ่ใบเล็กส่งมาให้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะรับมาดมแล้วทำจมูกฟุดฟิด เมื่อกลิ่นฉุนพุ่งเข้าเต็มรูจมูก “กลิ่นฉุนดีแฮะ” “อย่าดื่มเยอะ เอาแค่จีบๆพอ คอไม่แข็งสู้ดีกรีความแรงของมันไม่ได้หรอก” คริษฐ์ที่นั่งมองอยู่เงียบๆเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี เพราะคนที่คอไม่แข็งพอ และไม่เคยลองจะทำให้เมาได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ทว่าเจ้าจอมกลับไม่สนใจคำเตือนนั้น ซ้ำยังเถียงกลับไปด้วยน้ำเสียงนึกสนุก “มึงอย่าดูถูกกูนะ สมัยเรียนกูกับมึงก็ดื่มหนักพอๆกันนั่นแหละ” “แต่เหล้าพวกนั้นกับเหล้าบนดอยมันไม่เหมือนกันนะโว้ย ไอ้เหล้าขาวเนี่ย ล้มวัวล้มควายได้เป็นตัวเลยนะจะบอกให้” “กูไม่เชื่อ แน่จริงเรามาดวลกันหน่อยไหมล่ะว่าใครจะล้มก่อนกัน” เจ้าจอมเอ่ยท้าพลางยักคิ้วให้อีกฝ่ายอย่างกวนๆ ทำให้คริษฐ์ต้องพ่นลมหายใจออกมาหนักๆพลางส่ายหน้าไปมา กับนิสัยชอบเอาชนะของอีกฝ่ายที่ไม่เคยเปลี่ยน “ผมว่าคุณหมออย่าไปท้าหัวหน้าเลยนะครับ หัวหน้าเขาคอแข็งระดับเซียน ถึงจะดื่มเหล้าขาวโต้รุ่งก็ไม่เมาหรอกครับ” “ขนาดนั้นเลย”เจ้าจอมทำเสียงสูงไม่อยากจะเชื่อ “ครับคุณหมอ” เจ้าหน้าที่ทั้งสามพยักหน้ายืนยันเสียงหนักแทบจะพร้อมกัน ทว่าเจ้าจอมกลับยิ่งรู้สึกท้าทายเข้าไปใหญ่ “แบบนี้ยิ่งต้องลอง อยากรู้ว่าจะสมราคาคุยหรือเปล่า” ……………………………………….……………………….. เวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบสองชั่วโมง “กูบอกมึงแล้วใช่ไหมไอ้หมอ ว่าอย่าดื่มเยอะ แล้วนี่เป็นไง กลายมาเป็นภาระกูอีกจนได้” คริษฐ์บ่นคนที่กำลังหลับคอพับคาโต๊ะด้วยน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะดึงอีกฝ่ายจับพยุงหิ้วปีกขึ้นมาด้วยความทุลักทุเล “ให้ช่วยไหมครับหัวหน้า” “ไม่ต้อง เดี๋ยวกูจัดการเอง พวกมึงแยกย้ายกลับไปพักกันได้แล้ว พรุ่งนี้มีงานต้องทำอีก” คริษฐ์ปฏิเสธความช่วยเหลือ ก่อนจะออกคำสั่งกับลูกน้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ครับหัวหน้า ราตรีสวัสดิ์ครับ” เมื่อผู้เป็นหัวหน้าไม่ต้องการความช่วยเหลือก็แสดงว่าจัดการเองได้ เจ้าหน้าที่ทั้งสามคนจึงลุกขึ้นรับทราบ พร้อมเอ่ยลาแล้วแยกย้ายกลับไปยังที่พักของตนทันทีตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา “กินอะไรวะ ตัวหนักชะมัด!” คริษฐ์บ่นพึมพำขณะที่ประคองคนเมามาที่เตียงได้สำเร็จ จากนั้นก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง พลางกวาดสายตามองคนที่นอนหมดสติด้วยความหมั่นไส้ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับทำท่าจะตกเตียง เขาก็ต้องรีบเข้าไปจับแล้วพลิกร่างโปรงให้กลับมาบนเตียงอย่างรวดเร็ว “ไอ้หมอ ได้ยินกูหรือเปล่าวะ ไอ้หมอ!” คริษฐ์ตบแก้มขาวเนียนที่ตอนนี้แดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เบาๆเพื่อเรียกสติ “อื้อ…” คนถูกปลุกส่งเสียงอยู่ในลำคอด้วยความรำคาญ ก่อนจะตวัดลำคอแข็งแรงของคนปลุกแล้วออกแรงกระชากลงมาอย่างแรง ส่งผลให้คนที่ไม่ทันระวังตัวล้มทับลงมาคร่อมบนร่างโปร่งอย่างจัง “เฮ้ย! ทำบ้าอะไรวะ!” คริษฐ์ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ เมื่อจมูกโด่งคมสันของตนเกือบชนเข้ากับใบหน้าหยกเนียน ยังดีที่เขาขืนตัวไว้ได้เลยทำให้ใบหนืทั้งสองไม่ชนกัน “ปล่อยกู! ไอ้หมอ!” “คุณแม่... หายงอนผมนะ ผมไม่ได้เมา ผมแค่จีบเหล้านิดเดียวเอง” เจ้าจอมยังคงละเมอด้วยเสียงยานคาง ขณะเดียวกันก็ยึดลำคอแข็งแรงไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ยิ่งคริษฐ์ดิ้นมากเท่าไหร่ใบหน้าก็ยิ่งใกล้ชิดอีกฝ่ายมากเท่านั้น และแล้วจมูกโด่งๆก็ชนเข้ากับแก้มเนียนหอมละมุนเข้าจนได้ กลิ่นหอมๆและความนุ่มละมุนของแก้มขาวๆทำให้คริษฐ์ชะงักนิ่งแข็งทื่อเป็นหิน หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน เหงื่อเม็ดโตค่อยๆผุดออกมาจากหน้าผากทั้งที่อากาศตอนนี้ก็แค่สิบกว่าองศาไม่มีทีท่าว่าจะร้อนเลยสักนิด ‘เฮ้ย! มึงเป็นบ้าอะไรวะไอ้คิง!’ คริษฐ์รู้สึกตกใจกับปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นของตัวเอง จนต้องรีบตั้งสติแล้วแกะมือที่กำลังรัดลำคอแข็งแรงของเขาไว้แน่นออก “ไอ้หมอ…ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ” เสียงทุ้มคำรามต่ำบอกกับคนใต้ร่างเมื่อเขาแกะมือเรียวได้สำเร็จก็ต้องข่มกรามแน่นจนขึ้นเป็นสันนูน จากนั้นก็สบถออกมาด้วยความหงุดหงิด “ให้ตายสิ! ถ้ารู้ว่าดื่มแล้วจะอาการหนักขนาดนี้ ไม่ให้ดื่มตั้งแต่แรกก็ดี” คริษฐ์จัดการดึงผ้าห่มคลุมให้เพื่อน ก่อนที่จะหมุนตัวเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว พร้อมกับอาการสั่นไหวของหัวใจที่เขายังไม่มีคำตอบให้กับตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD