ตอนที่ 3 : อุปสรรค

1459 Words
ตอนที่ 3 : อุปสรรค เจ้าจอมค่อยๆเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งของตัวเองในเช้าวันใหม่ แต่ก็ต้องยกมือกุมขมับเมื่อรู้สึกว่าปวดหัวตุบๆแทบจะระเบิด ไม่นานก็พยุงตัวลงจากเตียงแล้วเดินออกมาสูดอากาศในยามเช้าตรงระเบียง “กูปวดหัวเป็นบ้า!” “สมควรปวดอยู่หรอก เมาหนักขนาดนั้น” คริษฐ์เอ่ยกับอีกฝ่ายทั้งที่ยังคงทอดสายตามองวิวทะเลหมอกในยามเช้าตรงหน้า โดยที่ในมือถือถ้วยกาแฟไว้ บ่งบอกว่าเขาได้มายืนจีบกาแฟอยู่ตรงนี้นานแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้เขานอนไม่หลับ ต้องใช้ความคิดอย่างหนักในการหาสาเหตุของอาการแปลกๆที่เกิดขึ้น แต่คิดแล้วคิดอีกก็ยังคิดไม่ออกสักที กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่มีคำตอบให้กับตัวเอง “ว่าแต่เมื่อคืนใครแบกกูกลับมาวะ ภาพมันตัดไปตอนไหนจำอะไรไม่ได้เลย” เจ้าจอมเดินมายืนข้างๆร่างสูงใหญ่ ก่อนจะเอ่ยถามถึงเรื่องเมื่อคืนเพราะจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลยจริงๆ “ก็จะมีใครอีกถ้าไม่ใช่กู รู้งี้ปล่อยให้นอนหนาวตายอยู่ข้างนอกก็ดี” คำตอบของคริษฐ์ทำให้คนฟังต้องหัวเราะหึๆในลำคอ เมื่อรับรู้ได้ถึงอารมณ์หงุดหงิดของอีกฝ่าย แต่กระนั้นก็ไม่คิดที่จะเก็บมาใส่ใจกับประโยคท้ายของเขานัก ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย “ว่าแต่วันนี้มึงจะออกไปไหนหรือเปล่า” “ไปสิ กูมีงานต้องไปเคลียร์ที่โรงพัก จะไปตามเรื่องเมื่อวานสักหน่อย แล้วมึงอะ...จะลงไปโรงพยาบาลพร้อมกูหรือเปล่าวะ” “อืม...ไปดิ” คำตอบหนักแน่นของเจ้าจอม ทำให้คริษฐ์ต้องหันมามองใบหน้าหยกขาวเนียนแวบหนึ่ง ก่อนจะกวาดสายตามองร่างสูงโปร่งตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างจงใจ “แล้วสภาพแบบนี้จะไหวเหรอ” “สบายมาก กินยาเม็ดเดียวก็วิ่งได้เลย” คำตอบของนายแทพย์หนุ่มทำให้คริษฐ์รู้สึกเบาใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แวบหนึ่งเขาเผลอมองแก้มขาวเนียนหอมละมุนที่ยังคงตราตรึงอยู่ในจิตไม่เสื่อมคลายของอีกฝ่าย ก่อนที่เหตุการณ์เมื่อคืนจะผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง ‘ให้ตายสิ!’ คริษฐ์สบถกับตัวเองในใจ เมื่อไม่สามารถลืมความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ แต่แล้วก็ต้องสะบัดศีรษะแรงๆเพื่อเรียกสติกลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อเจ้าจอมเอ่ยขอตัว “กูไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเจอกัน” “อืม” คริษฐ์มองตามร่างสูงโปร่งที่เดินหายลับเข้าไปในห้องนอนด้วยความรู้สึกสับสน ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันไม่มีอะไร แต่หัวใจของเขาก็ยังรู้สึกว่ามันแปลกๆอยู่ดี ยิ่งได้เห็นหน้าหยกขาวเนียน ความอยากใกล้ชิดอยากลองอีกครั้งก็ก่อเกิดจนยากที่จะควบคุมความคิดของตัวเอง “ไม่ได้นะเว้ย! ไอ้คิง ไอ้หมอเป็นผู้ชาย และที่สำคัญมันเป็นเพื่อนมึง จำเอาไว้!” คริษฐ์พึมพำเตือนสติตัวเอง ไม่ให้สมาธิหลุดเตลิดไปไกล ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องอีกคน ............................................................... หลังจากไปส่งเจ้าจอมที่โรงพยาบาลแล้ว คริษฐ์ก็เดินทางมาที่โรงพักต่อ เพื่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ควบคุมไอ้พวกมอดไม้ที่เขาทำการจับกุมเมื่อวาน “เป็นฝีมือของไอ้พ่อเลี้ยงเมฆางั้นเหรอ” คริษฐ์ถามด้วยน้ำเสียงเครียด หลังจากที่ได้ฟังคำบอกเล่าจากผู้กองเพชรจบ เพราะพ่อเลี้ยงเมฆาเป็นผู้ทรงอิทธิพลในอำเภอผาหมอก เนื่องจากอีกฝ่ายมีทั้งอำนาจเงิน และบริวารมากมายจึงทำให้การเข้าถึงตัวนั้นยากยิ่งกว่าฝ่าดงระเบิดเสียอีก “ครับหัวหน้า แล้วเราจะเอายังไงต่อดีครับ ดูเหมือนเราจะเจอตอใหญ่เข้าเสียแล้ว” “เราจะให้ไอ้พวกนั้นสารภาพต่อหน้าศาล เราต้องลากไอ้พ่อเลี้ยงเข้าคุกให้ได้” คริษฐ์ประกาศลั่นด้วยความคับแค้นใจ แต่เพียงไม่นานก็มีนายตำรวจท่านหนึ่งเข้ามารายงานเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง “ผู้กองครับ พยานปากถูกวางยาครับ” “บ้าชิบ! เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง ไม่มีเจ้าหน้าเฝ้าไว้เหรอ” ผู้กองหนุ่มสบถออกมาหลังจากที่ฟังรายงานจากลูกน้องจบ ก่อนจะตวาดถามผู้รายงานด้วยน้ำเสียงห้วนจัดอย่างควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เมื่ออีกฝ่ายทำงานสะเพร่าทำให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมาได้ “พวกมันปลอมตัวเป็นลูกเมียไอ้พวกนั้น เอาอาหารและเครื่องดื่มมาส่งให้ที่โรงพัก แต่ในนั้นมียาพิษผสมอยู่ ตอนนี้ทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้วครับ” “บัดซบ!” คราวนี้คริษฐ์เป็นฝ่ายสบถออกมาบ้าง ก่อนจะหมุนตัวก้าวยาวๆออกจากห้องผู้กองหนุ่มไปทันที โดยไม่คิดแม้แต่จะเอ่ยลาเจ้าของห้อง แต่ดูเหมือนว่าผู้กองจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นดี เพราะเขาตอนนี้ก็อยู่ในอารมณ์ที่ไม่ต่างจากอีกฝ่ายเช่นกัน ………………………………………………… ณ โรงพยาบาล “คุณหมอคะ วันนี้ทีมอาสาจะลงพื้นที่ในหมู่บ้าน คุณหมอจะไปด้วยไหมคะ” “ไปสิ แต่เดี๋ยวขอเตรียมอุปกรณ์ก่อน” เจ้าจอมบอกกับพยาบาลสาวที่มาแจ้งข่าว ขณะที่ตัวเองเพิ่งเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน หลังจากที่จัดการล้างท้องคนไข้ที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด่วน “ค่ะคุณหมอ รถออกสิบโมงนะคะ” พยาบาลสาวแจ้งอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไป เจ้าจอมที่กำลังจะเข้าห้องไปเตียมกระเป่ายา ต้องชะงักเท้าเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของผู้พิทักษ์หนุ่มเดินตรงมาที่เขาด้วยท่าทางรีบรน “อ้าว…ไอ้คิง มาทำไมวะ งานเสร็จแล้วเหรอ” “กูจะมาดูไอ้พวกที่ถูกส่งมาโรงพยาบาล พวกมันเป็นไงบ้างวะ!” “ล้างท้องให้แล้ว แต่ภายในถูกทำลายมากจนเกินไป ระบบทำงานในร่างกายล้มเหลวเกือบทั้งหมด ที่น่าจะรอดก็มีแค่สองคน แต่อาการหนักอยู่ คิดว่าน่าจะยังพูดไม่ได้อีกนาน” “บ้าชิบ! พวกมันจงใจใส่ยาพิษในปริมาณมากขนาดนี้ กะจะไม่ให้พวกมันรอดเลยใช่ไหมวะ!” คริษฐ์สบถออกมาอย่างหัวเสียหลังจากที่ฟังอีกฝ่ายพูดจบ ไม่รู้ทำไมไอ้พ่อเลี้ยงตัวร้ายถึงรอดจากการจับกุมครั้งแล้วครั้งเล่า สาวไม่ถึงตัวมันสักที “กูจะบอกให้ผู้กองส่งคนมาคุ้มครองพวกมัน ถ้ามันรอดมาได้จะเป็นพยานให้กับเรา” “อืม...ว่าแต่มึงดูเครียดไปนะไอ้คิง” เจ้าจอมมองใบหน้าหล่อเหลาที่เคร่งขรึมของเพื่อนด้วยความรู้สึกเป็นห่วง แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายสามารถจัดการกับเรื่องงานได้ แต่หากเอามาเก็บเป็นความคิดมากไปจะก่อให้เกิดผลร้ายต่อสุขภาพได้ “ก็จะไม่เครียดได้ยังไง พวกมันเป็นพยานปากสำคัญที่จะลากคอคนที่อยู่เบื้องหลังขบวนการค้าไม้เถื่อนเข้าคุกนะ ถ้าพวกมันไม่รอดจะเอาไอ้ตัวการใหญ่เข้าคุกได้ยังไง!” “วันนี้อาจจะไม่ใช่วันของเรา แต่สักวันความดีต้องชนะความชั่ว กูเชื่อแบบนั้น” เจ้าจอมบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมกับยกมือขึ้นมาตบไหล่หนาของเพื่อนหนักๆทีสองทีเป็นการให้กำลังใจอีกฝ่ายให้เชื่อและศรัทธาในความดี ซึ่งดูเหมือนคริษฐ์จะรับรู้ด้วยหัวใจ และรู้สึกซาบซึ้งใจสำหรับกำลังใจดีๆ “ขอบใจมากไอ้หมอ” สองหนุ่มพูดคุยกันอีกสักพัก ก่อนที่พยาบาลคนเดิมจะกลับมาแจ้งข่าว “คุณหมอคะ รถที่คุณหมอจะนั่งไปไม่มีคนขับรถให้ คุณหมอพอจะขับรถบนถนนลูกรังได้ไหมคะ” คำบอกกล่าวพร้อมคำถามของพยาบาลสาวทำให้คริษฐ์ต้องหันมามองเพื่อนพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง “มึงจะไปไหนวะไอ้หมอ” “ไปลงพื้นที่ในหมู่บ้าน” “เดี๋ยวกูขับให้เอง มึงขับแต่รถในเมือง คงไม่ถนัดขับรถบนถนนปราบเซียนพวกนี้หรอก” คริษฐ์อาสาขับไปให้ เพราะถนนเข้าหมู่บ้านส่วนใหญ่ในดอยผาหมอกนอกจากจะเป็นถนนลูกรังแล้ว ยังลาดชันคดเคี้ยวเป็นงูเลื้อย คนที่ไม่ชินทางอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งเจ้าจอมก็พยักหน้าเห็นด้วยที่จะให้อีกฝ่ายเป็นสารถีให้ในวันนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD