“พูดบ้าอะไรของนาย! ปล่อยได้แล้ว!!” ฉันขืนแรงจากฝ่ามือของแผ่นดินและพยายามเลี่ยงที่จะจบเรื่องบ้าๆ นี่ลง ทว่า บุคคลตรงหน้ากลับไม่คิดเหมือนกัน
เขาบีบแขนฉันแรงมากขึ้นพร้อมทั้งออกแรงดันร่างฉันจนแผ่นหลังนาบกับประตูห้องกิจกรรมอย่างแรง แววตาที่เขาใช้จ้องมองมาไร้ซึ้งความเป็นมิตรเหมือนในทุกครั้งที่เขาจ้องจะหาเรื่อง
“วันใหม่...” เสียงทุ้มเข้มที่เขาเปล่งเรียกชื่อฉันออกมา พาให้หัวใจกระตุกวูบได้อย่างน่าแปลก โดยเฉพาะกับสายตาของเขาในเวลานี้ “มีใครบอกเธอหรือเปล่า ว่าเธอสวยขึ้น”
“อะ อะไร!” ฉันถามกลับไปแบบไม่เข้าใจ โดยพยายามแข็งขืนต้านแรงของเขาไปด้วย
“เธอสวยขึ้น ใครๆ ในคณะก็พูดกัน”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับนาย!”
แผ่นดินตอบคำถามของฉันโดยการแทรกขาเข้าล๊อกร่างฉันไว้ โดยใช้มือทั้งสองกดแขนนาบติดกับประตู รอยยิ้มละมุนปรากฏขึ้นต่อหน้า และใกล้มาเลื่อนๆ จนต้องเบือนหน้าหลบไปอีกฝั่ง
“สนใจมาเป็นผู้หญิงของฉันไหม?” เขากระซิบถามข้างหู กดแรงทั้งหมดของร่างทาบทับร่างฉันจนแนบสนิท
“หยุดนะ! ออกไป!”
“ถามก็ตอบ”
“ออกไปก่อนดิ!”
“อย่าลีลาดิวะ บอกให้ตอบ!” เขาขึ้นเสียงฉุน
“ไม่!!”
“....”
“นายเป็นแฟนกับใบอ้อเพื่อนฉัน อย่าถามอะไรโง่ๆ แบบนี้อีก”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงดี ร่างกายทุกส่วนกลับต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อมีลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดหู มันใกล้มาก ใกล้เกินไป
“แล้วยังไง?”
“....” อะไรอีก!
“ใบอ้อก็แฟน ส่วนเธอก็ชู้ไง” เสียงกระซิบอย่างเห็นแก่ตัว ไม่ได้ทำให้ทั่วทุกส่วนของร่ายกายขนลุกไปน้อยกว่าริมฝีปากอุ่นที่งับใบหูของฉันหลังพูดจบ
“หยุดนะ! ไอ้สกปรก!”
ไม่มีเสียงตอบรับจากบุคคลตรงหน้ามีเพียงเสียงลมหายใจที่เป่ารดเบาๆ ที่ใบหู กับความรู้สึกจักจี้ในทุกครั้งที่คมเขี้ยวเขาสัมผัสโดนกับใบหูอย่างเต็มๆ
“แผ่นดินหยุด!” ฉันพยายามขัดแรงจากร่างกายกำยำและฝ่ามือหนาที่กดทุกส่วนของร่างกายแรงขึ้นในทุกขณะ มันดูไม่ได้ช่วยอะไร แถมยังเหมือนยิ่งยุเขาให้ล่วงเกินร่างกายฉันหนักขึ้นเรื่อยๆ
แผ่นดินละริมฝีปากไปตามซอกคออย่างจาบจ้วง ทั้งดูดละเม้มจนรู้สึกปวดแสบเบาๆ อย่างที่ไม่เคยเป็น
“ฉันบอกให้พอไงล่ะ!”
“อืม....เบาๆ สิ”
ฉันงึมงำเสียงแบบไม่สนใจ โฉบริมฝีปากไปทั่วต้นคอฉันอย่างกระหาย ก่อนสัมผัสอุ่นน่าตกใจนั่นจะเริ่มรุกลามมายังปลายคาง ทั่วใบหน้าฉันของฉันมันเริ่มชาและดูเหมือนว่ามันจะเริ่มแพร่กระจายไปยังทุกส่วนของร่างกาย
ฉันหลับตาปี๋พยายามหันหน้าหลบริมฝีปากอุ่นของเขาอย่างสุดชีวิต แม้จะรู้ว่ามันอาจจะไม่ทำให้คนตัวโตตรงหน้าหยุดการกระทำที่น่าตกใจนี่ลงได้ก็ตาม
“กลัวอะไรวะ?” เสียงถามแบบขัดใจดังขึ้น ขณะที่เขายังคงง่วนกับการพรมริมฝีปากไปทั่วต้นคอของฉันอยู่อย่างนั้น
“ออกไป!”
“ออกไม?”
“ฉันไม่ชอบ!”
“ก็ฉันบอกไปแล้วนี่ ว่าจะทำเรื่องที่เหนื่อยกว่าตามกวนตีนเธอไง”
ร่างกายฉันสะดุ้งเฮือก เมื่อนัยน์ตาคู่คมที่จ้องหาเรื่องฉันอยู่เสมอปรากฏต่อสายตาของฉันอีกครั้งแบบไม่ทันตั้งตัว
“นี่มันยังไม่ถึงเวลาเหนื่อยเลยนะ”
“...” หมอนี่ต้องการอะไร! กวนประสาทเหรอ? เขากำลังกวนประสาทฉันทั้งๆ ที่รู้ว่าฉันกำลังต่อต้าน ร้ายกาจที่สุด
“เรามาเริ่มจริงจังกับเรื่องเหนื่อยได้แล้ววันใหม่”
ฉันเม้มปากแน่นเมื่อเขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้จนหมดทางหนี แผ่นดินจงใจจูบย้ำๆ ที่ริมฝีปากราวกับจงใจจะแกล้งกัน แม้ว่าฉันจะพลิกหน้าหลบหนีไปอีกฝั่ง แต่เขาก็ยังไม่วาย ตามมากดจูบย้ำๆ อยู่แบบนั้น ก่อนจะเริ่มรุกหนักขึ้นเมื่อปลายลิ้นอุ่นเลียไปตามขอบปากของฉันอย่างแผ่วเบา
ก๊อกๆ !!
ร่างฉันสะดุ้งเฮือกไปตามเสียงเคาะประตูด้านหลัง นั่นจึงทำให้ผู้ชายเจ้าเล่ห์พุ่งฉวยรุกริมฝีปากของฉันในทันที เขาปล่อยมือที่รั้งแขนทั้งสองข้างของฉันทันทีแล้วพุ่งเข้าล๊อกหน้าฉันที่ถูกจู่โจมด้วยริมฝีปากร้อน
ปลายลิ้นร้อนรุกล้ำมาแบบไม่ให้หายใจหายคอ ไล่ต้อนไปทั่วทั้งโพรงปากอย่างช่ำชอง
ก๊อกๆ !!
“วันใหม่ เธออยู่ในห้องกิจกรรมหรือเปล่า”
เสียงหวานคุ้นเคย ทำฉันเบิกตาขึ้น พลางทุบมือไปที่หัวไหล่ทั้งสองข้างของคนตัวโตตรงหน้า ในขณะร่างกายมันเริ่มล้าไปกับการเกร็งตัวป้องกันการจู่โจมของเขาจนแทบหมด
“วันใหม่!”
เสียงของใบอ้อยังคงดังเรียกชื่อฉันอยู่อีกฟากหนึ่งของประตู ในขณะที่ชายคนรักของเธอกำลังรุกล้ำฉันด้วยริมฝีปากอย่างรุนแรง ราวกับไม่สนใจเสียงของแฟนสาวด้านนอก
“ขอโทษนะคะอาจารย์ ห้องนี้เปิดเข้าไปข้างในได้หรือเปล่า”
ใบอ้อ...กำลังจะเข้ามาในห้องนี้
“จะเข้าไปดูงานประติมากรรมเหรอลูก?”
“หนูจะเข้าไปดูเพื่อนน่ะค่ะ”
“อ๋อ เปิดเข้าไปได้เลยลูก”
“ขอบคุณคะอาจารย์”
เสียงหัวใจฉันโครมครามอย่างไม่อาจห้ามได้ ขณะที่ลมหายใจคล้ายกับจะขาดช่วง มันเหนื่อยอ่อนจนยอมให้ผู้ชายคนหน้ารุกไล่ทั่วโพลงปากได้อย่างตามใจ สองมือเริ่มอ่อนแรง ร่างกายฉันมันชาเหมือนกำลังโดนบล๊อกยา
ภาพของผู้ชายตรงหน้าเริ่มพล่ามัว มีเพียงแค่ความรู้สึกร้อนรุ่มในกาย เสียงฝีเท้าของใบอ้อและความอุ่นจากลิ้นซุกซนของเขาเท่านั้นเท่าที่ฉันยังรู้สึกได้
กึก!
แผ่นดินผละมือหนาไปพร้อมกับริมฝีปากทันทีที่เสียงหมุนลูกบิดประตูดังขึ้น ทำร่างฉันทรุดลงกับพื้นในทันทีที่ประตูถูกเปิดออก
“วันใหม่!” ใบอ้อร้องด้วยน้ำเสียงตกใจที่เห็นตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ก่อนเหลือบมองร่างสูงตรงหน้าที่ยืนมองฉันอยู่ใกล้ๆ
เขาเหลือบมองหน้าใบอ้อท่าทางตกใจ ก่อนจะเลื่อนสายตากลับมาที่ฉันอีกครั้ง พลางยื่นมือเข้าช่วยพยุงให้ลุกขึ้น
“วันหลังอย่าโชว์พาวอีกได้เปล่าวะ!” เขาตะคอกใส่ฉันเสียงดังสลับกับเหลือบมองหน้าใบอ้อไปมา
“ผะ แผ่นดิน....วันใหม่เขา”
“โชว์โง่ไง ยกปูนปั้นมาคนเดียวเลยเป็นลม” เขาตอบแบบบอกปัดและปล่อยมือออกจากฉันอย่างรวดเร็วโดยยังคงจับจ้องสายตาไปที่ใบอ้อ ที่มองเขากลับมาแบบไม่ค่อยเชื่อนัก “เธอมาทำไรที่นี่วะใบอ้อ ฉันบอกให้รอหน้าตึกคณะไม่ใช่ไง?”
“ขอโทษจ๊ะ คือฉันมาตามวันใหม่น่ะ”
“มาตามทำไม”
พลั่ก!
เพี๊ยะ!
เสียงตบหน้าที่ดังลั่นทำเอาใบอ้อยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ ฉันหอบหายใจออกมาเบาๆ กัดฟัน จ้องหน้าผู้ชายน่ารังเกียจตรงหน้า ซึ่งหน้าหันไปอีกฝั่งตามแรงตบ ก่อนจะเหลือบมองหน้าใบอ้อเล็กน้อย
แผ่นดินหันขวับกลับมา จ้องถลึงตามองฉันตาแทบถล่น พร้อมด้วยคำถามที่แสดงอาการไม่พอใจ
“ตบหน้าฉันทำไมวะวันใหม่!”
ฉันกัดฟันกรอดอย่างนึกโกรธ ที่เขาคนนี้สามารถโกหกหน้าตายใส่เพื่อนฉันได้อย่างไม่รู้จักอาย ทั้งที่ทำเรื่องล่วงเกินฉันภายในห้องแต่กลับทำตัวราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
“ไปเถอะใบอ้อ!” ฉันพูดกระแทกเสียงพลางคว้าข้อมือของเพื่อนรักเดินทิ้งส้นออกจากห้องกิจกรรมโดยไม่สนใจเสียงของใครอีกคนที่เริ่มโวยวายออกมาแบบไม่พอใจ
“ทำบ้าไรวะวันใหม่ เจ็บนะเว้ย!”
ฉันเม้มปากแน่นกักกลั้นความโกรธที่พร้อมจะประทุทุกเมื่อ รีบจ้ำเท้าดึงตัวใบอ้อออกจากบริเวณนั้นทันที
“วันใหม่ เธอเป็นอะไร” ใบอ้อถามขึ้นหลงจากที่เราทั้งคู่เดินออกจากหน้าห้องกิจกรรมมาเกือบสิบนาที ฉันจึงยอมปล่อยข้อมือเธอออกในที่สุด “แผ่นดินเขาทำอะไรเธอหรือเปล่า ทำไมเธอถึงดูฉุนแบบนี้”
“เปล่า...” ฉันโกหกออกไปหน้านิ่ง เพราะไม่อยากให้เพื่อนรักของฉันต้องเสียความรู้สึกกับสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นทำไว้
“พวกเธอทะเลาะอะไรกัน ทำไมเธอถึง...”
“ฉันแค่หมั่นไส้เขาน่ะ” ฉันแทรกเสียงเดิม เหลือบมองใบอ้อที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม “มันเป็นเรื่องปกติระหว่างฉันกับเขาไปแล้ว เธอก็รู้นี่”
“ฉันรู้....แต่ดูเธอจะไม่พอใจเขามาก ฉันก็เลย...”
“อือ ฉันไม่พอใจ!” ฉันขัด
“....”
“เลิกคบกับผู้ชายคนนี้เถอะ”
“ทะ ทำไมล่ะ!?” ใบอ้อทวนแย้งน้ำเสียงตกใจ แววตาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเธอดูตกใจกับสิ่งที่ฉันพูดออกไปเป็นอย่างมาก
“เธอไม่เหมาะกับหมอนั่นหรอก หมอนั่นจริงจังกับเธอหรือเปล่าก็ไม่รู้!” ไม่เลย! หมอนั่นไม่ได้จริงใจกับใบอ้อเลย ถึงได้กล้าเอ่ยถามฉันออกมาแบบนั้นอย่างหน้าด้านๆ ใบอ้อไม่เหมาะสมกับผู้ชายคนนี้!
“แต่ฉันเพิ่งคบกับเขาเมื่อวานเองนะ”
“นั่นแหละ เลิกกับเขาซะ!” ฉันยังคงยืนกรานเสียงหนักแน่น จ้องมองแววตาของใบอ้อที่เต็มไปด้วยความสับสน “เลิกกับแผ่นดินซะ มันจะดีต่อตัวเธอ”
“พูดไรพล่อยๆ แบบนี้วะ? ฉันไม่ดีตรงไหน”
แผ่นดินที่ไม่รู้ว่าเดินตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ โพล่งขัดสิ่งที่ฉันพูด สีหน้าเรียบนิ่งจ้องฉันหน้าตาย
เขาดึงใบอ้อออกห่างจากฉัน แสดงความเป็นเจ้าของด้วยการโอบรอบเอวแน่น และใช้สายตามองฉันคล้ายกับจะหาเรื่อง
“ใส่ร้ายกันแบบนี้มันมากเกินไปว่ะวันใหม่!”
ฉันเม้มปากปรายตามองผู้ชายตรงหนาอย่างนึกรังเกียจ ตั้งแต่เกิดมาจนอายุครบยี่สิบสองปี ฉันเพิ่งจะเคยพบเคยเห็นคนที่หน้าด้านแบบเขานี่แหละครั้งแรก
แผ่นดินดูจะไม่สนใจฉันเสียเท่าไหร่นัก เขาเหลือบมองใบอ้อที่มองเราทั้งคู่สลับไปมาท่าทางงุนงงก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง คล้ายกับไม่รู้สถานการร์ของตัวเอง
“กินไรมายัง?”
“ยะ ยังจ๊ะ”
“หิวน้ำว่ะแฟน” ใบอ้อหน้าขึ้นสีสดทันทีที่ผู้ชายเจ้าเล่ห์ทำเสียงอ้อนใส่ “เดินไปซื้อน้ำให้หน่อยสิ แล้วมาเจอกันหน้าตึกคณะ”
ที่แท้ก็จะใช้ใบอ้อไปซื้อน้ำให้กินนี่เอง! ทุเรศชะมัด
แผ่นดินหยิบเงินจากกระเป๋าสตางค์หนังสำดำส่งให้ใบอ้อพร้อมด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ และเอ่ยปากพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“แฟนอยากกินไรก็ซื้อมานะ”
“จะ...จ๊ะ”
ใบอ้อก็ดูจะว่าง่ายเหลือเกิน รับคำ รับเงินจากแผ่นดินท่าทางเคอะเขิน รอยยิ้มหวานเปื้อนหน้า ตรงมาทางฉัน คงไม่พ้นต้องให้เดินไปเพื่อนอีกเหมือนเคย
“อ้อ!”
เสียงทุ้มเข้มที่หลุดเรียกชื่อใบอ้อออกมาสั้นๆ ทำเธอเหลียวหลังมองเจ้าของเสียงอีกครั้ง โดยยังคงรอยยิ้มเปื้อนหน้าเอาไว้แบบนั้น
“ขอยืมตัววันใหม่ก่อนได้ปะ?”
“เอ๊ะ..”
“ฉันมีเรื่องต้องคุยกับวันใหม่”
ใบอ้อเม้มปากลงเล็กน้อยเหลือบมองหน้าฉันซึ่งยังคงตีหน้านิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะเป็นฝ่ายเอื้อมมือคล้องคอเธอ ไม่สนใจสิ่งที่แผ่นดินพูด
ในตอนนั้นเอง ที่ร่างฉันถูกกระชากรั้งตัวไว้อย่างแรง จนต้องรีบตวัดหางตามองบุคคลไร้มารยาทกลับไปทันที
“ฉันบอกว่ามีเรื่องจะคุย หูหนวกไงวะ?”
ฉันสะบัดแขนออกพรึบอย่างแรง จนเขายอมปล่อยมือออก จ้องจิกสายตามองดวงหน้าคมที่มีสีหน้านิ่งและใช้สายตาจับจ้องมาแบบหาเรื่องตลอดเวลา
“ฉันไม่มีไรจะคุย!”
“แต่ฉันมี!” เขากระแทกเสียงทุ่มต่ำชนิดที่ว่าเยือกเย็นที่สุดก่อนจะกวาดตามองใบอ้อที่มองเราทั้งคู่อยู่ใกล้ๆ “ไปซื้อน้ำมาดิ ยืนบื้อไรอยู่?”
“อะ...จ๊ะๆ” ใบอ้อสะดุ้งเล็กน้อยรีบก้มหน้าเดินงุดๆ ออกไปตามคำสั่งของแผ่นดินในทันที และนั่นทำให้สายตาเย็นเหลียวกลับมาที่ฉันอีกครั้ง
“เธอพูดเชี่ยไรกับใบอ้อวะ?”
“ยุ่งไรด้วย?”
“เพราะมันมีชื่อฉันไง”
“....”
“ทำไมต้องพูดไรมั่วๆ ด้วยวะ?” เขาตะคอกเสียงถามพร้อมทั้งพุ่งมือบีบแขนฉันอีกครั้ง แรงขึ้น แรงขึ้นเรื่อยๆ จนปวดระบบไปหมด
“พูดมั่วอะไรของนาย?!”
แผ่นดินกรอกตาไปมาท่าทางเบื่อหน่าย ก่อนจะหยุดแล้วเพ่งจ้องมาที่ฉันอีกครั้ง เขาใช้มืออีกข้างพุ่งบีบแขนข้างที่เหลือพร้อมทั้งดึงตัวฉันเข้าไปจนชิด
“อย่ามาตีหน้าซื่อไปหน่อยเลยว่ะ”
“....”
“ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีที่เธอสะเออะตบหน้าฉันตั้งแต่เมื่อวานเลยนะ”
“ชั่วไง!”
“....”
“ความเลวมันติดตัวเยอะหรือไง ถึงได้กลัวว่าฉันจะพูดอะไรให้ใบอ้อฟัง” ฉันแสยะยิ้มแบบไม่นึกกลัวคนตรงหน้า แม้ว่าแรงที่เขาบีบบริเวณหัวไหล่จะเริ่มแรงขึ้นจนแทบทนไม่ไหว “ฉันไม่มีทางให้เพื่อนฉันคบกับคนเลวๆ แบบนายนานไปมากกว่านี้หรอกแผ่นดิน”
เขาหัวเราะหึในลำคอ ปล่อยมือที่บีบไหล่ฉันออกอย่างแรง สีหน้าเย่อหยิ่ง และรอยยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นทันที
“อย่าทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลย หาหลักฐานให้ได้ก่อนดีกว่าไหม?”
“ทำไมพูดจาหน้าด้านแบบนี้วะ! ก็เรื่องที่นายทำในห้องกิจกรรมไง!!”
“ถ้ากล้าพูดก็ไปดิ ไปบอกใบอ้อเลย”
“....”
“ว่าเราจูบกันถึงขั้นลิ้นแตะลิ้นกันมาแล้ว” รอยยิ้มกริ่มแบบผู้กำชัยปรากฏขึ้น จนฉันได้แต่กำหมัดแน่นอย่างไม่สามารถต่อกรอะไรตอบกลับไปได้ เลวที่สุด ผู้ชายคนนี้มัน...
“แล้วฉันจะบอกอะไรให้เธอรู้ไว้อย่างนะ...”
“...”
“วันหลังถ้าจะด่าว่าฉันเลว ไว้โดนดีกับตัวหรือโดนฉันเหยียบหน้าก่อนแล้วค่อยพูดออกมาแบบนั้น”
ฉันได้แต่กัดฟันกรอดอย่างนึกเจ็บใจโดยที่ได้แต่ยืนนิ่ง ไม่สามารถโต้ตอบอะไรคนตรงหน้าได้ และที่แย่ที่สุดหมอนั่นจงใจเอาความสัมพันธ์ของฉันกับใบอ้อมาเป็นเงื่อนไข
“ว่างๆ ไว้ฉันจะลองไปเลวในตัวเธอบ้างก็แล้วกันนะ”
“นาย!” เขากระตุกยิ้มโชว์ฟันซี่สวยก่อนจะพูดต่อ
“ถ้ามีโอกาส ต่อไปมันจะไม่ใช่แค่ลิ้นแตะลิ้น”
“....” หมอนี่!
“แต่ฉันขออนุญาตใช้ลิ้นแตะกับส่วนอื่นแทนก็แล้วกัน!”