หลายวันต่อมา ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์จากโทรศัพท์เครื่องหรูที่ดังขึ้นทำให้นาร์มินซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือที่เพิ่งซื้อมาละสายตาไปจากตัวหนังสือตรงหน้ามองไปที่หน้้าจอโทรศัพท์ พอรู้ว่าเบอร์นั้นเป็นของน้องชายจึงหยิบมาปัดหน้าจอเพื่อรับสาย “ว่าไงวิน” “ตอนนี้พ่ออยู่โรงพยาบาล พี่นาร์รีบมาด่วนเลย” “กะ…เกิดอะไรขึ้น พ่อเป็นอะไร” เธอถามน้องชายกลับด้วยน้ำเสียงสั่น ใบหน้าตื่นตระหนกไม่น้อยเมื่อรู้ว่าพ่อตัวเองเข้าโรงพยาบาล “ตอนนี้หมอกำลังวินิจฉัยอยู่ว่าพ่อเป็นอะไร” “อืม เดี๋ยวพี่รีบไปตอนนี้เลย” เธอลุกพรวดหยิบกระเป๋าและกุญแจรถเพื่อเตรียมไปโรงพยาบาล วันนี้ตอนบ่ายโมงเธอมีนัดทานอาหารเที่ยงกับมาร์คิน แต่ดูเหมือนคงไม่ได้ไปแล้ว เธอเหยียบคันเร่งจนเกือบสุดเข็มไมล์เพื่อพุ่งตรงไปโรงพยาบาลที่นาร์วินบอก จิตใจตอนนี้ไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วเพราะมัวแต่เป็นห่วงคนเป็นพ่อ ในใจทำได้แค่ภาวนาขอให้อีกฝ่ายไม่เป็นไรแม้จะ