bc

ชายาผู้อาภัพของท่านอ๋องผู้โง่เขลา

book_age18+
720
FOLLOW
2.1K
READ
HE
time-travel
drama
secrets
polygamy
like
intro-logo
Blurb

ข้ากลายเป็นชายาผู้อาภัพ เมื่อสามีมาพบข้าอยู่ร่วมเตียงกับบุรุษอื่น ซ้ำร้ายยังถูกตามฆ่า มือสังหารคือคนของสามี ไฉนท่านว่าจะปล่อยข้าไป แล้วเหตุใด องครักษ์ข้างกายท่านถึงต้องการชีวิตข้า…

มันผู้ใดที่เป็นผู้บงการข้าจะขอคิดบัญชีแค้นนี้ด้วยตัวเอง…

"เจ้าช่างกล้านัก ที่บุกเข้ามาทำร้าย 'คนของข้าถึงในตำหนักนี้ ' "

หวงลี่ผิงกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ นางรู้สึกเจ็บไปทั่วทั้งทรวงอก หญิงสาวยกมือขึ้นกุมอกเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด นางเงยหน้าขึ้นมาก็พบเข้ากับดวงหน้าของบุรุษ ผู้ที่นางมิคิดว่าเขาจะกล้าลงมือกับตนได้

"ศิษย์พี่…!!!"

"อย่าเรียกข้าด้วยสรรพนามเช่นนั้นอีก"

สายตาของเขาที่ทอดมองมาที่นางเต็มไปด้วยความดูแคลน กลิ่นคาวเลือดที่อบอวลอยู่ในลำคอ ทำให้นางรู้สึกขมฝาดอย่างน่าประหลาด เพียงแค่ได้สบสายตานั้น เมื่อคิดว่าจะเอ่ยถ้อยคำบางประโยคออกไปก็ได้กลืนมันลงไปเสีย หลังจากที่ได้เห็นว่าเกาลี่ฉีเดินเข้าไปประคองหูยวี่ถิงด้วยสายตาที่อ่อนโยนยิ่ง

หวงลี่ผิงแทบอยากจะ หัวเราะออกมาเสียเดี๋ยวนั้นนางได้แต่คิดในใจ หญิงสาวหลับตาลง เพื่อไม่ให้ผู้ใดเห็นความเจ็บปวดของนางผ่านดวงตา

วาสนาของข้าและท่านคงต้องจบลงเพียงเท่านี้แล้ว…

chap-preview
Free preview
ตอนที่ 1 ถูกให้ร้าย
"นี่ข้าอยู่ที่ใด เหตุใดถึงได้รู้สึกเหมือนหัวจะระเบิดเช่นนี้" หวงลี่ผิงรู้สึกหนักอึ้งไปทั่วสรรพางค์กาย นางพยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมาอย่างยากลำบาก ภาพที่เห็นทำให้นางถึงกับต้องเบิกตากว้าง และเมื่อสำรวจตนเองอย่างถี่ถ้วนก็ทำให้นางแทบสิ้นสติ "จางหยวนเหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่แล้วเหตุใดข้าถึงได้มีสภาพเช่นนี้…" "เจ้าพูดอะไร ผิงเอ๋อร์เป็นเจ้าไม่ใช่หรือที่ต้องการเช่นนี้ ข้าเต็มใจทำเพื่อเจ้า องค์ชายจะไม่มีทางรู้เรื่องนี้โดยเด็ดขาด ข้ารู้ว่าเจ้ารักเขามาก และข้าก็รักเจ้ามากมิต่างกัน เรื่องนี้จะเป็นความลับของพวกเราตลอดไป ข้าให้สัญญา" "เจ้าพูดบ้าอันใด…." ยังไม่ทันที่นางจะกล่าวจบ ประตูก็ถูกเปิดออก พร้อมกับใบหน้าถมึงทึนของคนผู้นั้น หวงลี่ผิงถึงกับดวงหน้าเผือดสี นางพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบา "ลี่ฉี" "ใช่ ข้าเอง…!!! หวงลี่ผิงข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทรยศหักหลังข้าเช่นนี้" "ลี่ฉีท่านเข้าใจผิดแล้ว มันไม่ใช่อย่างที่ท่านคิด" "มาถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังคิดว่าข้าโง่งมอยู่อีกหรือ" เขาตวาดนางออกมาเสียงดัง พร้อมกับแววตาที่จ้องเขม็งไปที่นางอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ "ข้าไม่คิดเลยว่าสตรีที่ข้ารัก จะทำเรื่องไร้ยางอายถึงขนาดไปมีสัมพันธ์กับบุรุษอื่นลับหลังข้า" เกาลี่ฉีหลับตาข่มความเจ็บปวด เขาเอ่ยเสียงลอดไรฟันว่า "หวงลี่ผิงความรักที่ข้ามีให้เจ้า มันยังไม่สามารถพิสูจน์อันใดได้อีกหรือ ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายหญิงให้กับข้าได้ ข้าก็จะเป็นผู้รับมันไว้เองทั้งหมด แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้…เจ้าปันใจให้องครักษ์ข้างกายข้านานเท่าใดแล้ว" เขาทอดมองร่างเปลือยเปล่าที่นอนอยู่ข้างกายบุรุษอื่นอย่างยากจะบรรยายได้ ว่าตอนนี้เขารู้สึกเจ็บปวดมากเพียงใด "ลี่ฉีท่านต้องเชื่อข้า ข้าไม่รู้ว่ามันเกิดอันใดขึ้นจริงๆ " หวงลี่ผิงหันไปทางจางหยวน ที่เป็นองครักษ์คนสนิทของสามี และเป็นสหายสนิทของนางอย่างละล่ำละลัก สายตาของนางทอดมองไปที่เขาคล้ายกับเป็นที่พึ่งแห่งสุดท้าย "จางหยวนเจ้าบอกลี่ฉีไปสิ ว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอันใดขึ้น" "ลี่ผิงเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเราคงไม่สามารถปิดบังองค์ชายได้อีกต่อไปแล้ว" เมื่อกล่าวกับนางเสร็จจางหยวนก็หันมาเอ่ยกับเกาลี่ฉีพร้อมกับคุกเข่าลง "องค์ชายเพราะลี่ผิงกังวลใจยิ่งนัก ที่ไม่สามารถให้กำเนิดทายาทสืบสกุลกับพระองค์ได้ จึงได้คิดทำเรื่องโง่เขลานี้ลงไป พระองค์อย่าได้โทษนางเลย ในหัวใจของนางมีเพียงแค่พระองค์ เป็นกระหม่อมที่รับปากช่วยนางเอง เห็นแก่ความสัมพันธ์ของพวกเรา ไว้ชีวิตนางด้วยเถิด แล้วเอาชีวิตของกระหม่อมไปแทน" "เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่กล้า ถึงเจ้าจะเติบโตมาด้วยกันกับข้า ข้าก็ไม่ลังเลแม้สักนิดที่จะปลิดชีวิตเจ้า" "จางหยวนนี่เจ้าเอ่ยเรื่องบ้าอันใด เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ ข้าไปขอร้องให้เจ้าทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด" หวงลี่ผิงแทบจะกรีดร้องออกมา นางไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน นางและองค์ชายห้าเกาลี่ฉีเรียนอยู่สำนักอาจารย์เดียวกัน จนเกิดความผูกพัน กลายเป็นความรักที่ลึกซึ้ง ถึงแม้ว่านางจะเป็นสตรีที่ไม่มีภูมิหลังอันสูงส่ง เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทิ้งไว้ยังตีนเขา และถูกอาจารย์นำมาชุบเลี้ยงจนเติบใหญ่ แต่เกาลี่ฉีก็ไม่เคยรังเกียจฐานะของนาง เขาตกแต่งนางเข้ามาในฐานะชายาเอก และไม่เคยแตะต้องสตรีใด และยิ่งไม่เคยนำสตรีใดมาเชิดชูให้จางต้องหมองใจ ความรักที่ลึกซึ้งเช่นนี้ เหตุใดนางจะต้องทำลายตนเองด้วยเรื่องโง่งม แค่เพียงเพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายหญิงให้กับเขาได้ ในตอนนี้นางและเขายังมีโอกาสทั้งชีวิต เพราะพวกเขาอายุยังน้อย แล้วนี่มันเกิดเรื่องบ้าอันใดขึ้น องครักษ์ที่เฝ้าติดตามดูแลเขามาตั้งแต่วัยเยาว์ ที่เปรียบเสมือนพี่น้องและเป็นสหายสนิทเพียงคนเดียวของนาง ถึงได้กล่าววาจาให้ร้ายโดยไร้ซึ่งมูลความจริงเช่นนี้ออกมาได้ เกาลี่ฉีสบัดมือก็เกิดลำแสงพาดผ่านลำคอของนางไปอย่างฉิวเฉียด หวงลี่ผิงรู้สึกแสบที่ลำคอพร้อมกับมีของเหลวสีแดงไหลซึมออกมา หากลำแสงนั้นกดลงลึกกว่านี้ เกรงว่านางคงไม่มีโอกาสมีชีวิตต่อไปได้ "หวงลี่ผิงหลักฐานคาตาเช่นนี้ เจ้ายังจะกล้าโป้ปดข้าจะเห็นแก่ความผูกพันที่เคยมีมา…ไปให้พ้นหน้าข้าเสีย ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ" "ลี่ฉี" นางเรียกชื่อเขาแผ่วเบา อย่างไม่อยากจะเชื่อ นางเอาแต่จดจ้องไปที่เขา หูทั้งสองข้างอื้ออึงจนไม่รับรู้ว่าตอนนี้จางหยวนได้เข้ามาโอบกอดนางเอาไว้ "ลี่ผิงไปกันเถิดต่อจากนี้ข้าจะดูแลเจ้าเอง" หวงลี่ผิงคล้ายกับตกลงมาจากที่สูง สมองของนางเลอะเลือนไม่รู้เหนือใต้ จนนางถูกนำขึ้นรถม้าออกมาจากตำหนักของเกาลี่ฉี มุ่งตรงไปที่นอกเมืองหลวงนานแล้วก็ยังไม่รู้ตัว จนเมื่อปลายดาบคมแหลมจดจ่อไปที่ลำคอ จึงทำให้นางฟื้นคืนสติได้อีกครั้ง "ลี่ผิงอย่าโทษข้าเลยนะ เพราะการมีอยู่ของเจ้า ทำให้แผนการที่ถูกวางเอาไว้มาเนิ่นนานไม่เป็นไปอย่างที่คิด ชาติหน้าข้าจะชดใช้ให้เจ้าเอง" หวงลี่ผิงนิ่งฟังถ้อยคำนั้น นางเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่กล่าวมันอย่างไม่เข้าใจ "จางหยวนเจ้าทำเช่นนี้เพราะเหตุใด ในใจของเจ้าเคยคิดว่าข้าคือสหายหรือไม่" "เจ้าคือสหายเพียงคนเดียวของข้า แต่ข้าจำเป็นต้องกำจัดเจ้าเสีย หาไม่แล้ว…" เขากล่าวเพียงเท่านั้น ก็ทอดมองไปที่นางอย่างรู้สึกสงสาร "ถ้าอย่างนั้น ก่อนที่ข้าจะตาย ข้าก็อยากจะรู้ว่าข้าต้องตายด้วยเหตุอันใด" "ขอโทษด้วย เรื่องนี้ข้าไม่สามารถบอกแก่เจ้าได้ ข้าบอกได้เพียงว่า หากเจ้าหายไปสักคน เรื่องทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น" "เจ้าเลยใส่ร้ายข้า เพื่อทำลายความรักที่ลี่ฉีมีต่อข้าอย่างนั้นหรือ" "ไม่ผิด เจ้าทำใจเสียเถิด ชะตากรรมของเจ้าถูกกำหนดให้เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่แรก ข้าได้เตือนเจ้าแล้วว่าให้ถอยห่างจากเขา หากตอนนั้นเจ้าเชื่อข้าแม้นสักนิด เรื่องราวน่าเศร้าในวันนี้คงจะไม่เกิดขึ้น" "งั้นก็ลงมือเถิด" หวงลี่ผิงหลับตาลงคล้ายกับยอมรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อไม่เห็นท่าทีต่อต้านจางหยวนยกดาบในมือขึ้น แต่ก่อนที่เขาจะตวัดดาบลงไปที่ลำคอของนาง หวงลี่ผิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในศิษย์ของปรมาจารย์หวง ที่โด่งดังและมากความสามารถ ในชีวิตของเขายอมรับศิษย์แค่เพียงสองคน หนึ่งคือองค์ชายห้าเกาลี่ฉี สองก็คือนางที่เขาเป็นผู้ชุบเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ แล้วเช่นนี้นางจะยอมรับชะตากรรมที่นางไม่ได้เลือกเองนี้ได้อย่างไรกันแต่ในขณะที่นางกำลังจะสร้างม่านพลัง เพื่อป้องกันคมดาบเล่มนั้น ก็รับรู้ได้ว่านางไม่สามารถดึงพลังปราณออกมาใช้ได้เลย ผู้คนในยุคสมัยนี้มีพลังปราณติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ที่แตกต่างกันออกไป พวกเขาจะถูกฝึกให้นำพลังปราณเหล่านี้ออกมาใช้ตั้งแต่รู้ความ และความสามารถของแต่ละคนก็มีไม่เท่ากันตามระดับพลัง โดยพื้นฐานแรกเริ่ม ปราณของพวกเขาจะมีสีตามความสามารถ จากสีอ่อนจางไปจนถึงสีเข้ม หากว่าคนผู้นั้นสามารถฝึกฝนจนมีพลังปราณที่แกร่งกล้า ระดับสีของพลังที่เปล่งออกมาก็จะมีความเข้มขึ้นเรื่อยๆ สีของพลังปราณจะบ่งบอกถึงความสามารถของแต่ละคน และจะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นสีอื่นได้ นั่นหมายถึงว่า สีของพลังปราณจะเป็นตัวกำหนดความสามารถของคนผู้นั้น อย่างเช่นว่า หากผู้ใดที่มีพลังปราณสีเหลืองก็จะมีพลังปราณสีเหลืองไปจนตลอดชีวิต แต่สีของพลังปราณที่เข้มขึ้นนั้น จะเป็นตัวบ่งบอกความสามารถในการพัฒนาของคนผู้นั้น แต่สีที่บ่งบอกถึงผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดคือผู้ที่มีพลังปราณสีทอง ซึ่งแทบจะหาไม่ได้เลยในแคว้นต้าหยางนี้ ร้อยปีถึงจะพบได้สักคน และเกาลี่ฉีก็เป็นบุรุษเพียงคนเดียวที่มีพลังปราณสีทองเข้มในแคว้นต้าหยาง นั่นจึงทำให้ผู้คนต่างนับถือยกย่องเชิดชูเขายิ่งกว่าผู้ใด ซึ่งถือว่าเขาคล้ายจะเป็นตำนานที่ผู้คนกล่าวถึงมากที่สุด เพราะหลายร้อยปีที่ผ่านมา ระดับพลังปราณที่สูงที่สุด คือผู้ที่ถือครองพลังปราณสีแดงเพียงเท่านั้น และหวงลี่ผิงเองก็เป็นผู้ที่มีพลังปราณสีแดงเข้มที่หาได้ยากยิ่งผู้หนึ่งเช่นกัน ในจังหวะคับขันหญิงสาวจึงได้ใช้วิชาที่ร่ำเรียนมาเบี่ยงกายหลบอย่างพลิ้วไหวจนปลายดาบเฉียดลำคอของนางไปได้อย่างหวุดหวิด "หึ…ลี่ผิงเจ้าอย่าทำให้มันเป็นเรื่องยากเลย พลังปราณในกายเจ้าถูกข้าสะกดไว้หมดแล้ว เกรงว่าอีกหลายชั่วยามกว่าเจ้าจะใช้พลังปราณได้อีกครั้ง" จางหยวนเปลี่ยนทิศทางดาบที่แฝงพลังปราณสีแดงจางไล่ตามนางไปอย่างไม่ลดละ "ถึงกับต้องใช้แผนการชั่วช้าเช่นนี้ ไม่สมกับเป็นเจ้าเลยนะ" "หากไม่ทำเช่นนี้ มีหรือที่ข้าจะสามารถรับมือกับผู้ที่มีพลังปราณสีแดงเข้มเช่นเจ้าได้" "ในเมื่อรู้เช่นนี้ ก็ยังกล้าใช้แผนการชั่วช้านี้กับข้า ต่อให้วันนี้ข้าต้องตาย ก็จะขอลากเจ้าให้ตายตกไปกับข้าด้วย" แววตาของจางหยวนวูบไหวเพียงชั่วครู่หลังจากได้ยินถ้อยคำของนาง ในขณะที่ฝ่ามือก็ยังคงวาดดาบที่ใส่พลังปราณสีแดงจางไปมา เพื่อหมายปลิดชีวิตของนางอย่างไม่ลดละเช่นเดียวกัน หากในยามปกติแน่นอนว่าจางหยวนคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวงลี่ผิง แต่ในตอนนี้เนื่องด้วยว่าพลังปราณของนาง ไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ จึงทำให้นางเป็นฝ่ายรับเสียมากกว่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าอีกไม่นานนางคงจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเพราะหมดแรงเสียเอง "นี่เจ้าใช้ยาพิษกับนางประสาอะไร เหตุใดจนถึงตอนนี้ นางยังสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อีก" ทันใดนั้นก็ได้มีบุรุษชุดดำหลายสิบคนปรากฏกายขึ้นมา จางหยวนถึงกับแววตาสั่นไหว แต่ก็ยังพยายามควบคุมสีหน้าของตนเองให้เป็นปกติ "นางเป็นคนธรรมดาเสียเมื่อใด เกรงว่าทั่วทั้งยุทธภพนี้ คงจะมีเพียงองค์ชายห้าเท่านั้นกระมัง ที่สามารถจัดการนางได้" "ขนาดโดนพิษไปขนาดนั้น แล้วยังสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างปกติเช่นนี้ สมกับเป็นผู้ใช้พลังปราณสีแดงเข้ม ข้าให้นับถือในความสามารถของนางจริงๆ " เมื่อหวงลี่ผิงเห็นว่าศัตรูเพิ่มจำนวนขึ้น และยังคำกล่าวเมื่อสักครู่นี้ ที่ทำให้นางรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยเพราะนอกจากนางจะได้ร่ำเรียนวรยุทธ์กับท่านอาจารย์แล้ว นางยังได้ร่ำเรียนวิชาการแพทย์กับเขาติดตัวมาด้วย นั่นจึงทำให้ทราบว่าร่างกายของนางตอนนี้ หาได้ต้องพิษอันใดอย่างที่คนพวกนั้นกล่าว แต่เมื่อหันไปสบตากับจางหยวนก็คล้ายกับว่าเขากำลังพยายามจะบอกบางอย่างกับนาง…

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

ข้านี่แหล่ะ ฮูหยินของท่านแม่ทัพ

read
3.4K
bc

รอยตรวน

read
1K
bc

เกิดใหม่พร้อมกับมิติฟาร์มส่วนตัว

read
4.4K
bc

พิษรักซาตาน

read
5.0K
bc

รอยรักคนใจร้าย

read
9.4K
bc

ฮูหยินกลับมาเถิดข้าไล่พวกนางไปหมดแล้ว

read
9.4K
bc

ทาสรักของจอมมาร

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook