หวงลี่ผิงประมือกับจางหยวนอยู่นานก็ไม่ทราบผลแพ้ชนะ จึงทำให้บุรุษชุดดำนับสิบที่มาทีหลังเกิดความไม่พอใจขึ้น
"จางหยวนเหตุใดฝีมือของเจ้าถึงได้อ่อนด้อยถึงเพียงนี้ แค่สตรีเพียงคนเดียวก็ไม่สามารถจัดการได้เสียที พวกเจ้าไปจัดการนางเสียให้จบๆ พวกเราจะได้กลับไปรายงานให้นายท่านทราบ"
ดูเหมือนว่าบุรุษชุดดำที่เป็นหัวหน้า จะไม่สามารถอดทนรอต่อไปไหว จึงได้สั่งการลูกน้องของตนเอง ให้ไปจัดการหวงลี่ผิงให้จบไปเสียที จางหยวนได้ยินเช่นนั้น ก็เกิดความกังวลขึ้นมาเพราะดูเหมือนว่าตอนนี้หวงลี่ผิงจะอ่อนแรงเต็มทีแล้ว
"พวกเจ้าอย่าได้ยื่นมือเข้ามาสอด ข้าจะเป็นผู้จัดการนางด้วยมือของข้าเอง"
"ในเมื่อเจ้าไร้ความสามารถก็ถอยออกไปเสีย"
หวงลี่ผิงถึงกับกำมือแน่น นางรับมือกับจางหยวนด้วยมือเปล่าก็ถือว่ายากแล้วตอนนี้จะต้องรับมือกับบุรุษนับสิบเหล่านั้นอีก เกรงว่านางคงจะไม่สามารถมีชีวิตรอดไปได้ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับตนเองเสียแล้ว บุรุษชุดดำเหล่านั้นพุ่งตรงมาที่นางจากทุกทิศทุกทาง โดยพลังปราณของคนเหล่านี้ก็หาได้อ่อนด้อย เพราะพวกเขามีพลังปราณสีส้มเข้มที่ถึงแม้จะพบเห็นได้บ่อยครั้งในแคว้นต้าหยาง แต่พวกเขาไม่เคยมารวมตัวกันมากเพียงนี้ แน่นอนว่ามันทำให้ยากต่อการรับมือ ถึงแม้ว่าคนผู้นั้นจะไม่ได้มีพลังปราณสีแดงเข้มอย่างหวงลี่ผิงก็ตาม
หากในยามปกติเกรงว่าคงไม่สามารถทำอะไรนางได้ แต่ในตอนนี้หญิงสาวทำได้เพียงใช้วรยุทธ์ที่ไร้ซึ่งพลังปราณรับมือกับบุรุษนับสิบ นั่นจึงทำให้นางถึงกับกระอักเลือดออกมา ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล หญิงสาวใช้แรงเฮือกสุดท้าย เพื่อรับคมดาบที่แฝงด้วยพลังปราณสีส้มเข้าใส่ตนเองแทงเข้าที่หัวไหล่ด้านซ้าย ก่อนที่นางจะใช้มือเปล่าบั่นคอบุรุษผู้นั้นจนขาดสะบั้นออกจากกัน
บุรุษชุดดำที่เหลือกำลังจะเงื้อดาบพุ่งตรงมาที่ลำคอของนาง หมายจะใช้จังหวะที่นางอ่อนแรงนี้จัดการนางเสีย แต่ในจังหวะนั้น ก็ได้มีบุรุษชุดดำปกปิดใบหน้าโผล่ออกมาหลายสิบคน ร่างที่อ่อนแอของหวงลี่ผิงได้ถูกชายคนหนึ่งโอบกอดเอาไว้
"จัดการพวกมันให้หมด"
เมื่อเขาสั่งการเสร็จ ก็ได้พาร่างที่อ่อนแรงของหวงลี่ผิงเหินกายจากไป ดูเหมือนว่าพลังปราณของคนผู้นี้จะเป็นผู้ที่มีพลังปราณสีทองเข้ม เพราะเพียงแค่เขาสะบัดมือ แสงสีทองก็พุ่งตรงใส่ชายชุดดำก่อนหน้า จนกระเด็นกระดอนออกไปหลายจั้งอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
"เจ้าอย่าพึ่งถอดใจตายไปก่อนที่จะได้แก้แค้นให้กับตนเอง ข้าอุตส่าห์ยื่นมือช่วยเจ้าเอาไว้ ก็อย่าได้ทำให้ข้าเสียแรงเปล่า"
เมื่อเห็นว่าหวงลี่ผิง เอาแต่นิ่งเงียบ ร่างกายโงนเงนไปมา จึงคิดว่านางคงได้รับบาดเจ็บสาหัส จนไม่สามารถมีลมหายใจต่อไปได้เขาจึงได้กล่าวกับนางเพื่อให้นางมีแรงสู้ต่อ
"ข้าไม่ยอมตายง่ายๆ หรอก"
"หึ…" เมื่อเห็นสตรีในอ้อมกอดยอมเปิดปาก เขาจึงได้แสยะยิ้มออกมาอย่างพอใจ พร้อมกับพานางเหยียบกิ่งไม้ต้นแล้วต้นเล่าไปยังบางแห่ง…
"รักษาอาการให้กับนางอย่าให้นางตายโดยเด็ดขาด"
"ขอรับ"
เมื่อเดินทางจนมาถึงกระท่อมร้างในเชิงเขาแห่งหนึ่ง หวงลี่ผิงก็ได้พบกับคนแปลกหน้ามากมายที่คาดว่าจะมีพลังปราณที่ไม่ธรรมดา
"บาดแผลเพียงเท่านี้ไม่สามารถทำอะไรข้าได้หรอก" นางเอ่ยออกมา เมื่อเห็นว่ามีสตรีผู้หนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นหมอ เข้ามาตรวจอาการให้กับตน
"ข้าลืมไปได้อย่างไร ว่าเจ้าก็มีความสามารถทางด้านวิชาแพทย์เช่นกัน" บุรุษที่ช่วยนางเอาไว้ในตอนแรกเอ่ยขึ้น เขาทอดมองไปที่นาง พร้อมกับรู้สึกนับถือหญิงสาวออกมาด้วยใจจริง ที่จนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้ยินแม้นถ้อยคำโอดโอยใดๆ จากปากของนาง หากเป็นสตรีทั่วไป เกรงว่าตอนนี้คงจะกรีดร้องออกมาอย่างเสียสติ ที่ต้องมาพบเจอกับเรื่องราวไม่คาดฝันเช่นนี้
แต่สายตาของนางกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างที่เขาไม่เคยได้พบเจอ
"ตอนนี้เจ้าคงจะรู้สึกสับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอให้รักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าแล้ว ข้าจะเป็นผู้เล่ารายละเอียดทั้งหมดให้เจ้าได้ทราบด้วยตนเอง"
กล่าวจบบุรุษผู้นั้นก็เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงถ้อยคำที่ทำให้นางอยากจะรู้ในตอนนี้มากที่สุด
ดังนั้น…
นางจะตายไม่ได้ นางจะต้องรู้ให้ได้ว่าเรื่องบ้าๆ ที่เกิดขึ้นกับนางในตอนนี้ผู้ใดกันที่เป็นผู้บงการอยู่
'มันผู้ใดที่คิดจะใส่ร้ายนาง'
"หากแม่นางเจ็บก็ให้บอกแก่ข้า"
"ท่านหมอเชิญลงมือเถิด"
หวงลี่ผิงไม่แม้แต่จะร้องออกมาแม้นแต่เพียงครึ่งคำในตอนที่หมอหญิงผู้นั้นได้ทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้กับนาง ในขณะที่หมอหญิงกำลังจับไปที่ชีพจรของนางก็ต้องขมวดคิ้วขึ้น
"แม่นางข้าได้ยินว่าท่านมีความรู้เกี่ยวกับวิชาแพทย์ช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้ ท่านได้ตรวจดูอาการของตนเองบ้างหรือไม่"
หวงลี่ผิงที่กำลังจมอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเองถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงได้ทอดมองไปที่ใบหน้าของหมอหญิงผู้นั้นอย่างสงสัยนางจึงได้คลำไปที่ชีพจรของตนเอง ดวงตาทั้งสองข้างจึงได้เปิดกว้างขึ้น
"เป็นอย่างที่แม่นางเข้าใจไม่ผิด"
หวงลี่ผิงลูบไปที่หน้าท้องแบนราบของตน ใบหน้าของนางแสดงถึงประกายความหวังออกมา คล้ายกับว่าตอนนี้ ชีวิตที่เหลืออยู่ไม่ใช่เพียงต้องการแก้แค้นอย่างเดียวเสียแล้ว
"แม่จะมีชีวิตอยู่เพื่อเจ้า"
สายตาของนางเหม่อมองไปแสนไกลคล้ายกับ กำลังคิดถึงใครบางคนอยู่
'ลี่ฉีท่านจะดีใจหรือไม่ ข้าหวังว่าท่านจะทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้อย่างถี่ถ้วน' เพราะเรื่องนี้มีเงื่อนงำหลายอย่างที่ชวนให้น่าส่งสัย เขาและนางใช้ชีวิตร่วมกันมาหลายปี หากตรองดูให้ถี่ถ้วนจะพบว่านางหาใช่สตรีที่โง่เขลาเช่นนั้นแต่อย่างใด นางหวังเหลือเกินว่าเขาจะพบความผิดปกตินี้ และเลือกที่จะเชื่อใจนางมากกว่าสิ่งที่เห็น
แต่ดูเหมือนว่าความหวังของหวงลี่ผิงจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่นางคิด เพราะเกาลี่ฉี ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี กำลังจมอยู่กับความผิดหวังอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้ ภาพที่เขาเห็นมันบาดลึกเข้าไปในใจจนยากจะเชื่อได้ลง
"หวงลี่ผิงเพราะเหตุใด การที่ข้ามีเจ้าเพียงคนเดียวมันยังไม่พออีกหรือ"
ภาพของสตรีคนรักอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษอื่น ช่างเป็นภาพที่สร้างรอยแผลบาดลึกให้กับหัวใจของเขาอย่างยากที่จะลบเลือน
หวงลี่ผิงถือเป็นสตรีเพียงคนเดียวที่องค์ชายห้า เกาลี่ฉีให้ความสนิทสนมด้วยตั้งแต่ที่เขาได้กราบปรมาจารย์หวงเป็นอาจารย์ตอนอายุสิบหนาวจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาได้สิบสองปี สตรีเดียวที่เขาให้ความใกล้ชิดก็มีเพียงนาง ถึงแม้ว่าหวงลี่ผิงจะไม่ถึงขั้นเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อม แต่นางก็สามารถกอบกุมหัวใจของเขาเอาไว้ได้ทั้งดวง จึงไม่แปลกที่ตอนนี้ความรู้สึกคล้ายกับโลกได้พังทลายลงนี้ ทำให้เขาแทบจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
เงาร่างของบุรุษผู้หนึ่งได้เคลื่อนผ่านหน้าต่างเข้ามา คุกเข่ายังเบื้องหน้าของเขา
"กราบทูลองค์ชาย หลังจากที่กระหม่อมได้ไปสืบความจริงทั้งหมดมาแล้ว พบว่าจางหยวนและพระชายาลอบมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันมาหลายครั้ง ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่องค์ชายทรงทราบ หาใช่มีเบื้องหลังอันใดอย่างที่พระชายาได้กล่าวเอาไว้"
เกาลี่ฉียกกาสุราใส่ปาก ก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับเหวี่ยงกาสุรานั้น ลงพื้นจนแตกกระจัดกระจาย
"นี่พวกมันถึงขนาดลอบทำเรื่องเลวทรามนี้ภายใต้จมูกของข้ามาหลายครั้งแล้วอย่างนั้นหรือ"
จากเสียงหัวเราะแปรเปลี่ยนเป็นความเงียบ แววตาของเขาฉายแววความโหดเหี้ยม รังสีสังหารถูกแผ่ออกมาจนทำให้องครักษ์ผู้นั้นกระอักเลือดออกมาอย่างยากที่จะควบคุม
"แล้วตอนนี้พวกมันเดินทางถึงไหนแล้ว"
"พระชายาและจางหยวนได้เดินทางออกไปจากเมืองหลวงตั้งแต่ตอนนั้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
แน่นอนว่าเกาลี่ฉีได้ส่งคนออกไปจับตาดูทั้งคู่เพื่อค้นหาความจริง เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เขาไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่เห็นได้โดยที่เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลังจากที่ได้สืบทราบความจริงทั้งหมดแล้ว ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่นางได้กล่าวเอาไว้ ใบหน้าของนางที่ฉายชัดถึงความไม่เข้าใจอย่างชัดเจนนั้น ยังปรากฏเป็นภาพเบื้องหน้าของเขา ที่ไม่สามารถสลัดมันออกไปได้ จนเขายังแอบหวังว่าทุกอย่างอาจจะมีอะไรมากกว่านั้น เพราะด้วยนิสัยของสตรีคนรักหาใช่สตรีที่เบาปัญญา เขารู้ว่านางมีใจให้กับตนอย่างแท้จริง นั่นจึงไม่มีเหตุผลอันใดที่นางจะต้องเลือกทำเช่นนั้น แต่เมื่อได้รับทราบรายงานทั้งหมดจากคนสนิทของตนแล้ว เขาก็แทบอยากจะหัวเราะออกมา ความจริงปรากฎยังเบื้องหน้ายากจะหาข้อปฏิเสธ แท้ที่จริงแล้วสตรีผู้นี้มีกี่ใบหน้ากัน เหตุใดนางถึงได้แสดงละครออกมาอย่างแนบเนียน จนแม้นแต่เขาที่ใช้ชีวิตมากับนางครึ่งชีวิต ยังไม่สามารถดูออก
'หวงลี่ผิงแท้จริงแล้ว ข้าไม่เคยรู้จักเจ้าเลยอย่างนั้นหรือ'