"ขอบใจหนูมากนะบัว ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมานี้ตารันต์เปลี่ยนไปมากแม่เลือกคนไม่ผิดจริงๆ"
คุณบุษบาแม่ของสามีของเธอเอ่ยขึ้นในตอนเย็นของวันหนึ่งหลังจากที่ทั้งคู่มารับประทานข้าวเย็นที่บ้าน โรจน์ภูรินทร์ และในขณะที่สองคนพ่อลูกกำลังนั่งหารือเรื่องงานกันอยู่ในห้องทำงาน ปล่อยให้ลูกสะใภ้กับแม่สามีนั่งคุยอยู่ด้วยกันตามลำพังที่ห้องนั่งเล่นรับแขก
"ไม่ใช่เพราะบัวหรอกค่ะคุณแม่ จริงๆแล้วพี่การันต์เก่งอยู่แล้วค่ะ แต่แค่ไม่ค่อยมีคนรู้เพราะคนก็มัวฟังแต่ข่าวลือในด้านลบๆของพี่การันต์ค่ะ แต่ถ้าได้สัมผัสอีกมุมหนึ่งที่ไม่มีใครรู้จักจะรู้ว่าพี่การันต์เป็นอย่างไร...บัวรู้จักพี่การันต์มาตั้งแต่เด็กๆบัวรู้จักมุมดีๆของพี่การันต์ค่ะคุณแม่"
บอกด้วยน้ำเสียงที่ดูภูมิใจในตัวสามีมาก แววตาของเธอนั้นมีแต่แววเทิดทูนและรักใคร่เมื่อเอ่ยถึงการันต์
"หนูบัวนี่คงจะรักตาการันต์มากจริงๆนะถึงมองเห็นมุมดีๆของพี่เค้าได้ ยิ่งคิดแม่ก็ยิ่งอยากได้หลานแล้วสิ"
กอบัวแก้มแดงเป็นลูกตำลึงสุกอีกครั้งเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เพราะหลังๆเธอแทบจะไม่ค่อยได้มีอะไรกันแล้วจะเอาลูกที่ไหนมาให้คุณแม่
"คงอีกไม่นานแล้วล่ะครับคุณแม่"
เสียงทุ้มของการันต์โพล่งขึ้นมากลางวงสนทนา ในขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งคุยกันอยู่อย่างออกรส
"ให้มันจริงเถอะตารันต์แม่รอนานหลายเดือนแล้วนะ"
ยิ่งพูดเรื่องนี้กอบัวก็ยิ่งหน้าแดงทำอะไรไม่ถูก คุณบุษบามองลูกสะใภ้ด้วยสายตาเอ็นดูเพราะรู้ว่าลูกสะใภ้กำลังเขินอายอยู่เมื่อเอ่ยถึงเรื่องการมีบุตร
"งั้นคืนนี้เดี๋ยวกลับไปทำเลยครับคุณแม่"
การันต์ปรายสายตาเจ้าชู้หันมามองทางกอบัวอย่างไม่ได้สนใจว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเพราะตอนนี้มีผู้ใหญ่นั่งอยู่ด้วย แต่ดูเหมือนแม่สามีของเธอจะยิ่งยิ้มกว้างรู้สึกมีความสุขกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่มีแววจะไปในทิศทางที่ดีขึ้น
"พี่การันต์!"
กอบัวอดที่จะหันมาค้อนเขาไม่ได้ ที่พูดเรื่องทะลึ่งๆออกมาต่อหน้าผู้ใหญ่
"ครับ..."
ขานรับอย่างหน้าตายแล้วนั่งลงโอบเอวคอดต่อหน้ามารดา คุณบุษบาได้แต่คิดในใจ
'เมื่อหลายเดือนก่อนใครกันนะที่ปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ยอมแต่งานแล้วดูตอนนี้สิ'
กล่าวออกมาในใจพร้อมกับอมยิ้มมองลูกของตนกับลูกสะใภ้ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุขที่ในที่สุดการันต์ก็กลับมาเป็นลูกชายที่น่ารักของตระกูลโรจน์ภูรินทร์ สักทีคราวนี้จะได้นอนตายตาหลับ
ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถเพื่อกลับบ้านทั้งคู่ต่างก็เงียบกริบไม่มีใครพูดอะไร แต่สำหรับกอบัวแล้วมีความสุขความอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้มาบ้านของบิดาและมารดาของแม่สามี
"อ่ะนี่ สมุดบันทึกของเราอ่ะ เห็นมันตกอยู่ในรถเมื่อเช้า"
"ห้ะ!พี่การันต์ได้อ่านบ้างหรือเปล่าคะ?"
กอบัวอดที่จะตกใจไม่ได้เพราะว่าสมุดเล่มนี้เธอบันทึกไว้ทั้งแต่อยู่มอต้นแล้วเรื่องราวทั้งหมดก็มีแต่เรื่องราวของเขา
"เปล่า"
กอบัวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่เขาไม่ได้อ่าน
"ในไดอารี่มีอะไรหรือเปล่าถึงกับถอนหายใจออกมาแบบนั้น"
การันต์ปรายตาหันมาถามกอบัวอย่างสงสัยว่าในสมุดบันทึกสีชมพูเล่มนั้นมีอะไรสำคัญมากน้อยแค่ไหนเธอถึงดูหวงแหนมาก
"เปล่าค่ะ บันทึกส่วนตัวบัวไม่อยากให้ใครเปิดอ่าน"
"เดี๋ยวนี้ใครเขาเขียนอะไรแบบนี้กัน มีอะไรเขาก็โพสต์กระทู้ลงในอินเตอร์เนตหรือไม่ก็โลกโซเชียลหมดแล้วไม่ใช่เหรอ? "
"บัวไม่ชอบโพสต์ลงโซเชียลค่ะ ในแอคเคาท์ของบัวก็มีแต่รูปหมารูปแมวทั้งนั้น"
"อืม เป็นคนทันสมัยแต่ไม่ตามกระแสสินะ เห็นเวลาถามข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้รู้หมด แต่ไม่ได้เอาตัวเองเข้าไปในกระแสแบบนั้นหรือเปล่า?"
การันต์ขับรถไปปรายตาถามคนข้างๆไปไม่รู้เพราะอะไรถึงอยากจะอยู่แบบนี้กับเธอไปนานๆ อยากเรียนรู้นิสัยใจคอว่าเธอชอบอะไรไม่ชอบอะไร ถ้าเป็นเหล่าผู้หญิงของเขาก่อนหน้านี้เขาไม่สนใจหรอกว่าพวกหล่อนจะสนใจหรือชอบอะไร แค่บอกมาเขาก็จ่ายให้แค่นั้นจบ
"บัวเล่นทุกอย่างแหละค่ะ หาข้อมูลในทวีตเตอร์บ้างว่าวันนี้กระแสโลกของเราไปถึงไหนแล้วมีอะไรอะไรที่อัพเดตบ้าง แต่แค่ไม่ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นในโลกโซเชียลแค่นั้นเอง...ผู้หญิงแบบบัวแปลกใช่มั้ย?"
"ไม่แปลก แต่แค่ไม่ค่อยมีในสังคม...ไม่เหมือนคนอื่นไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นคนแย่สักหน่อย"
การันต์พูดออกมาแบบนี้ให้ความรู้สึกย้อนไปถึงอดีต ความทรงจำสมัยเด็กๆ ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาทีละเล็กละน้อย เวลาเธอมีเรื่องทุกข์ใจ เหตุการณ์ในครั้งหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเธอ
'ไม่เป็นไรนะหนูบัว ไม่มีพ่อแม่ก็ไม่ได้แปลว่าเราเป็นคนไม่ดี ในโลกนี้มีคนมากมายที่ไม่มีพ่อแม่ แต่เติบโตมาเป็นคนดีในสังคมมากมาย'
'จริงๆเหรอคะพี่การันต์'
สายตาไร้เดียงสาของเด็กหญิงเริ่มฉายแววแห่งความหวังความดีใจขึ้นมา เมื่อได้ยินพี่การันต์พูดออกมาแบบนั้น หยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มก็หยุดไหลทันที รอยยิ้มแห่งความสุขเริ่มปรากฏอยู่บนใบหน้ากลมๆแก้มยุ้ยๆของสาวน้อย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอนั้นรักและเชื่อฟังการันต์แค่ไหน
'จริงๆสิ และพี่การันต์ก็จะอยู่ข้างๆหนูบัวเสมอนะ'พูดพรางเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอาบแก้มให้สาวน้อยเพราะโดนเหล่าเด็กเกเรแกล้งมา
กอบัวเผลอยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น พี่การันต์ดูเหมือนเป็นผู้ใหญ่ที่คอยปลอบโยนเธอเสมอ และหลายต่อหลายครั้งที่เขามาช่วยเช็ดน้ำตาสาวน้อยที่หน้าตามอมแมมคนหนึ่ง
"ถามอะไรหน่อยสิ"
"อะไรคะ?"
"ที่คุณแม่บอกว่าเรารักพี่มากนั้นเรื่องจริงหรือเปล่า?"
การันต์กะว่าจะไม่ถามแล้วเชียว แต่ เรื่องนี้มันก็รบกวนจิตใจเขามาตลอดอยากรู้ว่าเธอคิดอย่างไรกับเขากันแน่ เพราะกอบัวไม่เคยบอกอะไรเขาเลย
"คือว่า...."
กอบัวอึกอักขึ้นมาไม่คิดว่าการันต์จะถามตรงๆออกมาแบบนั้น แล้วเธอจะตอบอย่างไรหญิงสาวบีบมือของตัวเองจนรู้สึกเจ็บ หัวใจก็เริ่มสั่นระรัวขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเขายังคงปรายตาหันมามองเธอไม่หยุด เพราะยังรอคำตอบของเธออยู่
"ไม่เป็นไร อยากบอกวันไหนก็บอกแล้วกันนะ"