สามเดือนผ่านไป
ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ความเจ็บปวดในวันนั้นไม่มีผลอะไรต่อความรู้สึกของฉันอีกต่อไปแล้ว
“พรุ่งนี้สอบวันสุดท้ายแล้ว อย่าลืมอ่านหนังสือนะ”
“แอล เธอพูดแบบนี้กี่รอบแล้ว?”
“ฮ่า ๆ อย่ารำคาญเลยเราแค่อยากให้เพื่อนทำข้อสอบได้เท่านั้นเอง”
“รู้แล้วจ้า... ย้ำยิ่งกว่าแม่เราอีกนะเนี่ย” ฉันพูดออกไปอย่างไม่จริงจังมากนัก วิถีเด็กเรียนเขาย้ำคิดย้ำทำเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วค่ะ แต่เกเรอย่างฉันนี่มันน่าเบื่อเอามาก ๆ เลย
“กลับด้วยกันดิ ฝนจะตกแล้วเนี่ย”
“เอางั้นก็ได้” ไม่นานรถคันหรูก็จอดเทียบตรงหน้าเราสองคน
“พี่แชมป์สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้เฉกเช่นทุกครั้ง
“ครับ ไม่เจอกันพักนึงอ้วนขึ้นนะเนี่ย”
“อ้วนขึ้นนะ มันไม่ใช่คำทักทายนะคะคุณพี่”
“ฮ่า ๆ โทษทีพี่แค่พลั้งปากอย่าโกรธพี่เลย” จะว่าไปฉันก็อ้วนขึ้นอย่างเขาว่าจริง ๆ นั่นแหละรู้สึกได้เลยว่าเอวหนาขึ้นมาก สงสัยกินนอนมากไปมั้งคะเลยเป็นแบบนี้
“ขอบคุณนะคะ ขอบใจมากนะถ้าเป็นไปได้ก็อ่านหนังสือเผื่อเราด้วย” ประโยคหลังฉันหันไปพูดกับแอลค่ะ
“แบบนี้ก็ได้เหรอ”
“ฮ่า ๆ”
โบกมือบ้ายบายจนรถแล่นไปไกลสุดสายตา กำลังจะหันหลังเดินเข้าซอยแต่สายตาดันเหลือบไปเห็นทุเรียนเข้าสิ จู่ ๆ ก็อยากกินขึ้นมาซะงั้นควักเงินในกระเป๋าขึ้นมาดูเหลืออยู่สองร้อยห้าสิบบาทน่าจะพอซื้อได้นะคะ
“เอ่อ ป้าคะหนูเอาแค่สองร้อยห้าสิบบาทค่ะ” ไม่ได้ถามด้วยว่ากิโลละกี่บาท ความอยากครอบงำค่ะนาทีนี้
“ได้จ้า”
ยืนรอด้วยความอยาก... เออนี่ฉันเป็นอะไรไปปกติไม่เคยนึกอยากกินผลไม้เลยนะ ถ้าเป็นช็อคโกแลตก็ว่าไปอย่าง
กลับมาถึงบ้านก็เหวี่ยงกระเป๋าหนังสือไว้ที่โซฟาแล้วจัดการกินจนหนำใจ กินให้หายอยากกันไปข้างนึงเลย
วันนี้แม่ไม่อยู่ค่ะเข้ากะดึกมื้อเย็นของฉันเลยต้องพึ่งพาร้านสะดวกซื้อซะส่วนใหญ่ เนื่องจากทำกับข้าวไม่เป็นอย่างเก่งก็ไข่เจียวกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั่นแหละ
“...”
“ขอโทษครับ ผมไม่ทันได้มอง” ผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นขณะที่เขากำลังพ่นควันบุหรี่อยู่ซึ่งมันโพยพุ่งมาทางฉัน
“ไม่เป็นไรค่ะ” ตอบกลับตามมารยาทก่อนจะเดินเข้ามาเลือกของกิน
สังเกตผู้ชายคนนั้นอีกครั้งเขาใส่ชุดสูทสีดำเหมือนพวกบอดี้การ์ดเลยค่ะ หรือว่าหมู่บ้านที่ฉันอยู่จะมีคนใหญ่คนโตมาซื้อนะ ช่างสิ! ฉันจะไปอยากรู้ทำไม
สะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระเลิกสนใจพวกเขาแล้วหันมาเลือกของกินสองสามอย่างจ่ายเงินเสร็จก็รีบกลับบ้านล็อคประตูทันที อยู่บ้านคนเดียวต้องระวังตัวค่ะ
เช้าวันใหม่
มีความรู้สึกว่าไม่อยากตื่น อยากนอนต่อเพลียเป็นบ้าเลยหรือว่าฉันกำลังจะป่วย?
“อุ๊ป! อ้วก... แหวะ!!” จู่ ๆ ก็เกิดอยากอาเจียนขึ้นมาซะงั้น
แกรก!
“สายธารเป็นอะไร ไม่สบายเหรอลูก” แม่รีบเปิดประตูเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงฉันอยู่ในห้องน้ำ
“เวียนหัวอ่ะแม่ อยู่ดี ๆ ก็หน้ามืดเพลียไปหมดเลย” พูดออกไปเสียงแผ่วเบามันหมดแรงไปเฉย ๆ เลยค่ะ คลื่นไส้ตลอดเวลาด้วยซ้ำ
“กินอะไรผิดแปลกมาหรือเปล่าเนี่ย”
“เมื่อวานตอนเย็นหนูกินทุเรียนไปเยอะเลย”
“บางทีมันอาจจะเสาะท้องก็ได้นะ นอนพักดีกว่าเดี๋ยวแม่โทรไปลาครูให้เอง”
“ไม่ได้ ๆ หนูสอบวันสุดท้ายแล้ว ขาดสอบไม่ได้นะ”
“งั้นเอาไงดีล่ะ”
“ยาดมค่ะ ขอยาดม” ได้ยินดังนั้นแม่จึงรีบไปหายาดมมาให้ฉันทันที มันช่วยได้เยอะเลยค่ะพอหายใจโล่งขึ้นมาหน่อยอย่างน้อยก็ลดอาการคลื่นไส้ลงได้บ้าง
“ทำไมหน้าซีดแบบนี้ล่ะ” แอลเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของฉัน
“ไม่สบายนิดหน่อยอ่ะ เมื่อวานตอนเย็นกินทุเรียนไปเยอะมั้ง”
“แกเนี่ยนะจริง ๆ เลยสายธาร”
“อย่าบ่นดิ ก็คนมันอยากกินนี่”
“จ้า! ไหวเปล่าจะเข้าห้องสอบแล้วนะ”
“ไหว ๆ”
ระหว่างเข้าสอบอาการเวียนหัวของฉันก็ดีบ้างแย่บ้างสลับกันไปอย่างกับห้องหมุนได้เลยค่ะ ดีนะที่ไม่มีอาการคลื่นไส้แบบนั้นแล้วจนกระทั่งสอบเสร็จ
“ไปหาหมอกันไหมคลินิกหน้าโรงเรียนเราพาไปเอง”
“ไม่เป็นไร กลับไปนอนพักก็หายแล้วขอบใจนะที่เป็นห่วง”
“แกนี่ดื้อยิ่งกว่าเด็กน้อยซะอีก”
“ฮ่า ๆ ไม่เลยฉันแค่...”
“สายธารแกเป็นอะไรไม่สบายเหรอ?” น้ำเสียงคุ้นเคยเอ่ยก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าฉัน
“ขอบใจนะพะแพงที่ถาม แต่ไม่เป็นไร” จบประโยคฉันก็ลากแอลออกมารอพี่แชมป์ที่หน้าโรงเรียนทันที
“แกยังไม่ดีกันอีกเหรอ”
“ไม่ล่ะ ตายจากกันค่อยญาติดีล่ะมั้ง”
“...”
ไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียด แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ไม่น่าทำความรู้จักกันตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ
“สายธารพี่คนนั้นมาหาแกหรือเปล่า” หันไปมองตามที่แอลบอกเป็นพี่เวย์ค่ะ ในมือเขามีดอกไม้ช่อใหญ่มาด้วย
“คงมาแสดงความยินดีเรียนจบกับแฟนเขามั้ง”
“เหรอ... แต่เขาเดินมาหาแกแล้วนะ”
“...” มองตามที่แอลบอกเขาเดินมาหาฉันจริง ๆ ค่ะ
“ตรงนี้ไม่มีพะแพง พี่คงมาผิดที่แล้ว”
“ขอโทษ ไม่ต้องให้อภัยก็ได้แต่อย่าเกลียดกันเลยนะ”
“เลิกพูดเหอะน่ารำคาญ” ฉันสบทออกไปอย่างไม่สบอารมณ์มากนัก “มึงมาก็ดีละเอาผัวมึงกลับไปด้วย” ประโยคหลังฉันหันไปพูดกับพะแพงที่ยืนดูพวกเราอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้
“สายธาร แกฟังฉันก่อนเรื่องนี้ฉันผิดฉันรู้ไม่มีข้อแก้ตัวอะไรทั้งนั้นแหละแต่แกอย่าเกลียดพี่เวย์เลยนะเขารักแกมากจริง ๆ ไม่ว่าฉันจะพยายามยังไงก็ไม่สามารถแทนที่แกได้เลย”
“ไปพล่ามกันที่อื่นเหอะกูไม่ได้อยากรู้”
“ใจเย็น ๆ” แอลพูดแทรกขึ้นเหมือนรู้ว่าฉันกำลังโกรธและอีกไม่นานคงระเบิดอารมณ์ออกมาแน่นอน
“พี่แชมป์มาละ เรากลับกันเถอะ”
“ใครเหรอ” กำลังจะเปิดประตูรถแต่พี่เวย์พูดขึ้นซะก่อน
“เสือก!!” ฉันพูดออกไปอย่างไม่แยแส ไม่สนใจด้วยว่าพี่เวย์จะรู้สึกยังไงมันควรจะจบและพอได้แล้ว ชีวิตฉันยังต้องเจอผู้คนอีกเยอะถึงจะเสียใจแต่ฉันไม่เสียดายหรอก เขาไม่ใช่ผู้ชายคนเดียวที่ฉันจะรัก
“โอเคใช่ไหม?”
“ทำไมจะไม่โอเคล่ะ”
“งั้นก็เลิกทำหน้ายุ่งได้แล้ว”
“เฮ้อ... อยากกินเค้ก”
“เดี๋ยวนะ นี่โมโหหิวหรือว่าไง” พี่แชมป์ว่ายิ้ม ๆ
“ไม่รู้ค่ะ แต่อยากกิน”
“ฮ่า ๆ อารมณ์โคตรแปรปรวน” แอลว่าก่อนจะหัวเราะให้กับท่าทีของฉัน
“งั้นเราไปกันมื้อนี่พี่เลี้ยงเอง”
“หูย... พี่แชมป์ใจดีนะเนี่ย”
“แน่นอนครับ”
พี่แชมป์พามาห้างสรรพสินค้าค่ะ ฉันกับแอลนี่กินอิ่มสบายใจเลย เข้าร้านนั้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่นแต่ไม่ได้ซื้ออะไรหรอกนะเพราะยังไม่มีอะไรถูกใจคุณผู้ชายเขาสักอย่าง
“รอเดี๋ยวนะสาว ๆ เหมือนพี่เจอคนรู้จักขอตัวแวะไปทักทายหน่อย”
“ค่ะ หนูเดินเล่นอยู่แถวนี้แหละ” ขานรับอย่างเข้าใจ
มองตามพี่แชมป์ไปเขาเดินไปทักใครคนหนึ่งมันคุ้นหน้าแปลก ๆ แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอเขาที่ไหน สายตาที่เขามองมามันทำลายล้างมากผู้ชายอะไรโคตรมีเสน่ห์ แต่เสียอย่างหนึ่งหน้านิ่งไปหน่อย
“ที่เวียนหัวบ่อย ๆ หายหรือยัง” เสียงของแอลทำเอาฉันตื่นจากภวังค์และละสายตาจากเขาคนนั้น
“อื้อ หายแล้วล่ะ จู่ ๆ มันก็หายเอง”
“เป็นเองหายเองได้ด้วย แปลกดีแฮะ”
“...” เลิกสนใจก่อนจะดูนั่นดูนี่ไปตามประสา
แค่เพียงไม่นานพี่แชมป์ก็กลับมาค่ะ เดินดูของกันอีกนิดหน่อยจากนั้นก็พากันกลับ
“แม่ หนูอยากกินยำกุ้งสด” ฉันเอ่ยปากบอกผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้กำลังสวมบทบาทเป็นเชพอยู่
“ได้สิ รอก่อนนะ”
“จ้า”
ระหว่างรอก็เล่นมือถือเพื่อค่าเวลาเขี่ยหน้าจอไปมาดันไปเจอเข้ากับบทความเกี่ยวกับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ฉันบรรจงอ่านตั้งแต่บรรทัดแรกยันบรรทัดสุดท้ายมันทำให้รู้ว่ายังมีผู้หญิงอีกมากมายที่เก่งและแกร่งกว่าผู้ชายมากทั้งด้านจิตใจและความรู้สึกรวมไปถึงความสามารถในการหาเงินก็เช่นกัน แต่ที่สะดุดใจฉันมันไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะ แต่มันคืออาการเริ่มแรกของคนท้องต่างหาก
“แม่! ตอนท้องแม่รู้ได้ยังไงว่ามีหนูอยู่ในนั้น” แม่ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันมาฉีกยิ้มกว้างให้ฉันพร้อมคำตอบ
“ก็แพ้ท้องไง ประจำเดือนขาด ลองตรวจดูมันก็ขึ้นสองขีดแล้วแกก็โผล่มาเถียงฉันจนถึงทุกวันนี้”
“แม่อ่า... หลอกด่าอีกแล้วและไอ้แพ้ท้องนี่มันเป็นยังไงอ่ะ” ฉันยังคงตั้งคำถามต่อด้วยความอยากรู้
“อ้วกเช้า อ้วกเย็น อารมณ์แปรปรวน อยากกินไปเรื่อย บางทีก็เบื่ออาหารไปเลยก็มีนะ แล้วแกถามทำไม?” ว่าจบก็ละมือจากการทำอาหารแล้วหันมามองฉันด้วยสีหน้าโคตรจริงจัง
“แค่ถามเป็นความรู้ อย่ามองแบบนั้นหนูไม่มีแฟนสักหน่อย”
“ถึงมีก็ไม่ว่าหรอกแต่อย่าปล่อยให้ท้องก็แล้วกัน ชีวิตวัยรุ่นถ้าใช้ไม่คุ้มมันเอากลับคืนมาไม่ได้นะ”
“...” ท้องงั้นเหรอ ... คงไม่หรอกมั้งแค่ครั้งเดียวเอง