“งานมันยุ่งมาก ๆ ว่ะ นี่พอมีเวลา จึงได้รับคำเชิญนะครับ”
“ใช่สิ ได้ข่าวว่าจับโปรเจกต์ใหญ่ได้ ฉะนั้นค่ำนี้เราต้องฉลองกัน กูรู้ว่ามึงน่ะมันแน่มาก เก่งไม่เคยมีใครล้มลง” นายหัวศีลพูดพลางมองไปเห็นอินทุภา เพราะเขาไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน
วันนี้อินทุภาอยู่ในชุดเดรสสีขาวลายกุหลาบสีชมพูอ่อน เธอตั้งใจจะแต่งตัวให้สวยประชดธีรุตม์
เรือนผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายท่ามกลางแสงตะวันกลางหาดทรายสีขาวสะอาดตา
“นั่นใครน่ะ มึงพาใครมาด้วยอีกคน มึงจะไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยหรือ”
ธีรุตม์หันกลับไป เห็นสายตาของนายหัวศีลที่มองอินทุภาอย่างสนอกสนใจแล้วก็ใจคอไม่ดี คิดหึงหวงขึ้นมาเฉย ๆ ทั้งที่เขามีมายาวีเกาะเกี่ยวแขนอยู่ไม่ห่างกาย
“บอกนายหัวศีลไปสิคะรุต” มายาวีมองลุ้น ๆ อยากจะรู้เหมือนกันระหว่างคนรักกับภรรยาในนามใครจะชนะ
ธีรุตม์ตอบ “อ้อ... เป็นคนในบ้านน่ะ เธออยู่บ้านเดียวกับกู อืม... เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังได้ไหม ตรงนี้ร้อนชะมัดเลย อยากนั่งที่เย็น ๆ แล้วจิบอะไรเย็น ๆ แล้วสิ”
อินทุภาก็อายเกินกว่าจะเอ่ยปากเองว่าเธอคือเมียของเขา
นายหัวศีลผายมือเชิญทุกคนเดินตามเขา มายาวีรีบซบหน้าไปกับไหล่ของธีรุตม์ทันที
“ถ้าช้ากว่านี้อีกนิด วีจะเป็นลมตายแน่ ๆ ค่ะ”
“พักให้หายเย็น แล้ววีค่อยอาบน้ำนะ”
“ค่ะรุต”
อินทุภามองอย่างหมั่นไส้ ใครเป็นเมียกันแน่ และเธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะตามมากับเขาทำไมกัน อินทุภาทำสีหน้าเซ็ง
มีคนมายกกระเป๋าของเธอให้ แต่อินทุภาเลือกที่จะลากเอง เธอเดินตามหลังพวกเขามาไว ๆ มายาวีพาธีรุตม์เดินไว
นายหัวศีลหันกลับมาเห็นอินทุภา จึงหยุดรอให้อินทุภาเดินเข้ามาใกล้
“ให้ผมช่วยนะครับคุณ...” เขามองหน้าแบบถามชื่อ
“อินค่ะ”
นายหัวศีลเอื้อมมือไปช่วยหิ้วกระเป๋าเดินทางที่เธอลากอยู่
“ผมศีลนะครับ กระเป๋าของคุณดูหนักนะครับ ผมช่วยดีกว่า”
“อินลากไหวค่ะ ลากจะถึงบ้านของนายหัวอยู่แล้ว”
ได้ยินอินทุภาเรียกเขาแบบนั้น นายหัวศีลจึงหัวเราะ
“คนบนเกาะเรียกไม่แปลกหูเท่าไรครับ แต่พอคุณเรียก มันฟังแปร่ง ๆ พิกลน่ะครับ เรียกศีลธรรมดาก็ได้ครับ”
“ค่ะคุณศีล” แต่กระเป๋าลากของเธอก็ติดร่องไม้
“สะพานไม้มักจะเป็นแบบนี้ล่ะครับ ให้ผมช่วยดีกว่า” นายหัวศีลไม่รอให้เธอปฏิเสธอีก
พอดีลูกน้องเขาเดินเข้ามาช่วยยกไป
“ขอบคุณมากค่ะคุณศีล”
“คุณก็เป็นแขกเหมือนกัน ว่าแต่... คุณเป็นอะไรกับนายรุต” อินทุภาพูดไม่ได้ เธอได้แต่ยิ้ม
“แล้วเขาบอกคุณว่าฉันเป็นอะไร ก็เป็นแบบนั้นแหละค่ะ”
“เอ้อ... คุณกับนายรุตนี่ พอ ๆ กันเลยนะครับ”
“ยังไงคะ”
“เปล่าครับไม่มีอะไร” และศีลก็ชวนอินทุภาคุยมากมาย ศีลเป็นคนคุยเก่ง และเป็นคนมีเรื่องเล่า
ท่าทางที่คุยกันถูกคอ มายาวีหันกลับไปมอง พบภาพที่ทั้งคู่กำลังเดินคุยกันมาอย่างสนิทสนม
“แหม... ท่าทางแม่เด็กในบ้านของรุตจะได้เพื่อนคุยถูกคอแล้วละค่ะ อ่อยเก่งใช่ย่อยนะคะ หรือว่าไงคะรุต” มายาวีเอ่ย พร้อมหัวเราะแบบสาแก่ใจเบา ๆ ในลำคอ
แต่คำพูดนั้นกลับทำให้ธีรุตม์ที่กำลังเดินอยู่ข้างหล่อนไม่พอใจ เขาเร่งฝีเท้าแล้วเดินจากไปโดยไม่รอมายาวี
“รุตคะ” เธอตะโกนเรียกเขา แล้ววิ่งตามเดินตาม
“ทำไมไม่รอวีคะ” มายาวีบ่นกระปอดกระแปด ธีรุตม์ทิ้งตัวลงไปนั่งที่เก้าอี้ที่ตั้งอยู่หน้าตึกด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง
อินทุภาเห็นไกล ๆ สองคนนั่นเหมือนทะเลาะกันอีก เธอเริ่มไม่สบายใจกับสถานการณ์ที่น่าพะอืดพะอมนี่
“คุณอิน มีเรื่องอะไรให้เครียดหรือเปล่าครับ สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย” อินทุภารีบยิ้มกลบเกลื่อน
“ออเปล่าค่ะ แค่ทึ่งว่าที่นี่ทำไมแดดแรงขนาดนี้ค่ะ หน้าจากขาว ๆ จะดำไหมคะเนี่ย” เธอพูดติดตลก
นายหัวศีลหัวเราะขึ้นมาอีกกับมุกของอินทุภา
“ไม่ต้องกังวลนะครับ ที่นี่ ผมให้สถาปนิกออกแบบเอาไว้ให้สามารถรับลมทะเลได้รอบด้าน แต่หรือถ้ากลัวไม่สบายตัว ในห้องส่วนนอนจะมีเครื่องปรับอากาศทุกห้องครับ”
“ว้าว จริงหรือคะ สุดยอดเลยค่ะ แต่ที่อินพูดแบบนี้ ไม่ได้ติค่ะ แค่รู้สึกว่าท้องฟ้าโล่งจัง ไม่มีอะไรกันแสงแดดเลย ไร้ก้อนเมฆ”
“ใช่ครับ วันนี้ท้องฟ้าสดใสมากกว่าทุกวัน” นายหัวศีลไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหน ที่สามารถยิ้มแล้วทำให้เขาหลงใหลได้เท่าอินทุภา ยิ่งเมื่อรู้ว่าอินทุภาเป็นเพียงเด็กในบ้านของธีรุตม์ ทำให้นายหัวศีลคิดว่าเขาจะเอ่ยกับธีรุตม์ว่าขอจีบเธอจะได้ไหม ศีลคิดว่าเขาได้พบของล้ำค่าแล้ว
“คุณยิ้มสวยมากนะครับคุณอินรู้ตัวหรือเปล่า” เขาหยอดคำหวาน ๆ
“มีคุณศีลนี่แหละค่ะที่ชมอินเป็นคนแรก”
“เชิญแขกของนายหัวข้างในก่อนนะคะ” ลูกตาลออกมาเชื้อเชิญ
“มีอะไรหรือจ๊ะ”
ลูกตาลผายมือเชิญมายาวีเข้าไปข้างใน
“มาร้อน ๆ ดื่มชาก่อนค่ะ จะได้ชื่นใจ”
มายาวีเห็นโต๊ะน้ำชาถูกจัดวางไว้อย่างสวยงามก็ตรงดิ่งเข้าไปชม ธีรุตม์ยังคงละสายตาจากอินทุภาไม่ได้ เขามีสีหน้าบึ้งตึงมาก ยังคอยมองมายังคู่หนุ่มสาวที่กำลังเดินมาถึง รอยยิ้มของอินทุภาสดใสกว่าที่เขาเคยเห็นเสียอีก
เหมือนดั่งวันที่เขาเจอเธอครั้งแรก ตอนนั้นแม่ยังไม่ได้แนะนำว่าเธอเป็นใคร อินทุภายิ้มแย้ม และเธอก็ได้ยิ้มให้เขา
ธีรุตม์จำได้ว่า นั่นคือรอยยิ้มที่ดูดีที่สุด เขายังจำได้ แต่พอรู้ว่าเธอเป็นคู่แต่งงานคลุมถุงชน เขาก็ทำให้หน้าที่ยิ้มของเธอหุบลงไปได้ และหลังจากวันเข้าหอ เขาไม่เคยเห็นรอยยิ้มของเธออีกเลย
“รุตคะมาชิมชาค่ะ ห้อม หอมค่ะ” มายาวีเข้ามาควงแขนของเขา
ธีรุตม์พ่นลมหายใจเสียงดัง เขาค่อยหาโอกาสปรามอินทุภา
“ว่าแต่ห้องนอนของเราสองคนเรียบร้อยหรือยัง เหนียวตัวมาก จะขออาบน้ำสักหน่อย”
“ได้ค่ะคุณ เชิญด้านนี้เลยค่ะ ลูกตาลพาไปเองค่ะ”
“รุตคะ ไปเถอะค่ะ วีร้อนจนจะอ้วกแล้ว”
“แต่...”
“ห่วงแม่นั่นหรือคะ จะห่วงทำไม แหม... เจ้าของเกาะดูแลใกล้ชิด นี่รุต เช็กเอาต์ให้นายหัวศีลไปเลยสิคะ ฮ่า...” แล้วก็หัวเราะชอบใจ ธีรุตม์ปิดอาการที่โกรธกรุ่นจนควันออกหูเอาไว้
“ไปค่ะรุต” มายาวีลากตัวของธีรุตม์ไป