"แม่ขา กินข้าวกลางวันเสร็จ สักบ่ายๆ บัวขอพาเจ้าสีนิลออกไปที่ท้ายไร่นะคะ มันคงได้กลิ่นบัวตั้งแต่เมื่อคืน ส่งเสียงตลอดเลยค่ะ บัวก็อยากออกไปเหมือนกัน เห็นลมพัดเย็นๆแบบนี้แล้ว อยากพาสีนิลไปวิ่งออกกำลังกายค่ะแม่"
"ไปซิลูก ช่วงนี้ไร่ไม่รก ลุงบุญให้คนงานจัดการถางป่าเตียนเลย แต่ระวังตรงลำธารนะ น้ำยังไม่แห้งเดี๋ยวจะลื่น สีนิล กับมังกร มันคงอยากไปวิ่งเล่นเต็มที อย่าลืมใส่หมวก ใส่เสื้อแขนยาวนะ แดดบ้านเราแรง" นางจันทราบอกลูกสาว
"อ่อ...ขากลับ บัวเลยไปเอาใบเตยที่บ้านยายจันทร์ให้แม่ทีนะลูก ยายโทรมาบอกแม่หลายวันแล้ว แม่ไม่มีเวลาออกไปเอาสักที ฝากพ่อให้รับมาให้ พ่อเขาก็ลืมทุกครั้ง บัวจะได้ไปทักทายยายจันทร์ด้วย แกถามหาบัวกับบุตร อยู่บ่อยๆ คงคิดถึงแหละ"
"ได้เลยค่ะแม่ เดี๋ยวบัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ "
"จ๊ะลูก ชุดบัวอยู่ในตู้ แม่เอาออกมาซักทำความสะอาดไว้รอลูก หยิบใส่ได้ทุกตัวเลย"
"ขอบคุณมากค่ะแม่" หญิงสาวยกมือไหว้นางจันทราผู้เป็นมารดาอีกครั้ง
สโรชา และองอาจ จะเป็นแบบนี้ นิดหน่อยก็ยกมือไหว้ตลอด สมัยเด็กๆ พ่อกับแม่สอนเธอกับน้องตลอด เห็นพ่อกับแม่ทักใคร ไม่ต้องรอให้พ่อกับแม่บอก เด็กๆก็ยกมือไหว้โดยอัตโนมัติ รวมถึง เมฆ และพายัพด้วย เพราะเวลาบ้านเราไปไหนมาไหน จะพ่วงน้องทั้งสองคนไปด้วยเสมอ พ่อกับแม่ก็จะหน้าบาน เมื่อผู้ใหญ่ชมลูกหลาน มีสัมมาคารวะ มือไม้อ่อน
นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้คนที่ได้พบเจอสโรชา เอ็นดู กระทั่งที่ทำงาน เจอแม่บ้าน รปภ. คนสวน เธอก็จะยกมือไหว้ตลอด ลูกน้อง ช่าง คนงาน ถ้าเห็นว่ามีอายุมากกว่า เธอก็ยกมือไหว้ ไม่ได้คิดว่าตัวเองมีตำแหน่งหน้าที่ ไม่มีการแบ่งแยกแต่อย่างใด เธอคิดว่าบ้านเธอก็แค่คนธรรดา ไม่ได้ร่ำรวยวิเศษวิโสมากกว่าใคร
หญิงสาวไม่ค่อยยุ่งวุ่นวายกับใคร ไม่นินทาใคร แต่ถ้ามีคนมายุ่งเรื่องของเธอ เอาไปพูดในทางที่ไม่ถูกต้อง เธอก็ไม่ยอมเหมือนกัน เป็นความโชคดีของเธอที่ได้ทำงานดี เจ้านาย ได้เพื่อนร่วมงานดี แต่ก็มีบ้าง ที่เจอกับลูกค้าที่ทำตัวเหมือนอยู่บนฟ้า แต่ก็ไม่เกินความสามารถของเธอไปได้ งานของเธอไม่ค่อยมีปัญหา เพราะเวลาทำงานสโรชาจะละเอียดมาก น้อยครั้งที่พลาด อาจมีบ้างแต่ก็เล็กน้อย สามารถแก้ไขได้ทันเวลา
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อเกิดเรื่องที่กริช และภรรยา มาวุ่นวายถึงที่ทำงาน จริง ๆ เจ้านายก็ยังไม่อยากให้เธอลาออก เขาเข้าใจ แต่นั่นแหละมีคนเข้าใจ ก็ต้องมีคนไม่เข้าใจ เพื่อนร่วมงานบางคนก็มีซุบซิบนินทาไปสารพัด เธอไม่ชอบให้มันเป็นแบบนี้ เลยตัดสินใจลาออกดีกว่า ไม่อยากให้บานปลาย และเป็นขี้ปากชาวบ้าน
ที่ทำงานไม่มีใครรู้ว่าทางครอบครัวหญิงสาว ฐานะอย่างไร เพราะความที่เธอสนิทกับคนยาก เพื่อนที่สนิทจริงๆเท่านั้นถึงจะได้มาเที่ยวที่บ้าน และรู้ถึงฐานะครอบครัว ส่วนที่ทำงานก็รู้เพียงแต่ว่า เธอเป็นคนต่างจังหวัด ที่บ้านทำนา ทำไร่ เป็นคนธรรมดาทั่วไป เพื่อนสนิทบัวบางคนยังไม่รู้ว่า พ่อเป็นหุ้นใหญ่โรงแรมดัง มีร้านกาแฟดังในตัวเมือง มีรีสอร์ทบนภูที่นักท่องเที่ยวไม่ขาด มีไร่ มีนา มีสวน อีกพอสมควร เพราะเธอคิดว่าไม่รู้จะต้องบอกให้คนอื่นรู้ทำไม อยู่แบบธรรมดาแบบนี้ดีกว่าอีก
อันที่จริงเมื่อเรียนจบแล้ว เธอกับน้องไม่จำเป็นต้องไปทำงานที่ไหนก็ได้ แต่พ่อกับแม่ตามใจ เอาที่ลูกสบายใจ อยากทำอะไรก็ทำ ถือว่าหาประสบการณ์ อย่างน้อยถ้าเธอกับน้องไม่กลับมาช่วยพ่อกับแม่ ก็ยังมีเมฆกับพายัพ แต่น้องทั้งสองก็เหมือนเธอและน้องชาย อยากออกไปดูโลกภายนอก เบื่อเมื่อไหร่ ก็ถึงค่อยกลับมาบ้าน
ลุงบุญกับป้าเดือน ก็อยากให้เมฆกับพายัพ กลับมาช่วยงานพ่อ เพราะเกรงใจว่า พ่อกับแม่ส่งเสียให้เรียน แต่พ่อกับแม่ไม่ได้คิดมาก อยากให้พวกเราได้เปิดโลกกว้าง เรียนรู้ด้วยตัวเอง พร้อมเมื่อไรก็ถึงค่อยกลับมา ทางบ้านก็ไม่ลำบากอะไรมาก มีลุงบุญ มีคนงานหลายครอบครัวที่รักและเคารพพ่อกับแม่ ทุกคนเต็มใจช่วยทุกอย่าง
สโรชาเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงยีนส์ เสื้อแขนยาวตัวหนาติดกระดุมถึงคอ พร้อมหมวกปีกกว้าง หญิงสาวรูปร่างดีเป็นคนมีหน้าอก มีเอว สะโพกผาย เครื่องหน้าคมเข้ม ตาเธอดำมาก ผิวขาวอมชมพู ผมหยิกยักศกดำเหมือนนางจันทราผู้เป็นมารดา จมูกได้รูป ปากอิ่มน่ามอง มีคนบอกว่าบางเวลาสวยมาก บางเวลาน่ารัก บางเวลาก็ดูเท่ รวมๆแล้วมีเสน่ห์ ทุกสิ่งคือเพื่อนบอก คนรอบข้างบอกมาทั้งนั้น ตัวเธอเองไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ปล่อยไปตามช่วงเวลาของชีวิต
บางคนที่เห็นบัวบางมุม จะบอกว่าคล้ายดาราคนหนึ่ง แรกๆเธอไม่ได้คิดอะไร หลังๆมีคนทักเยอะตั้งแต่สมัยอยู่ มหาวิทยาลัย เลยลองมานั่นดูรูปตัวเอง เออ...คล้ายจริงๆ และดาราหญิงคนนี้บัวก็ปลื้ม เขาไม่มีข่าวเสียหายอะไร เก่ง นิสัยดี เอาเป็นว่าโชคดีหน้าตาคล้ายดารา รู้ตัวเองว่าเป็นคนหน้าตาค่อนข้างดีแต่ก็ไม่ถึงขนาดว่าสวย แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับผู้หญิง ไม่ต้องสวยมากอยู่ที่การกระทำ และนิสัยมากกว่า เรื่องหน้าตาไม่สำคัญแต่งเติมเสริมได้
สมัยที่เรียนมหาวิทยาลัย เธอเคยได้รับคัดเลือกได้เป็นดาวคณะ หลังจากนั้นก็มีพวกรุ่นพี่ชวนถ่ายแบบโน่นนี่นั้นบ้าง ส่วนมากก็จะเป็นงานเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่งานใหญ่อะไร แต่เธอไม่ได้สนใจมากนัก ที่รับงานเพราะเห็นว่าได้ค่าขนม บางงานรุ่นพี่ก็เลี้ยงข้าวบ้าง จบงานแล้วหลังจากนั้นก็ตั้งใจเรียนอย่างเดียว ไม่รับงานถ่ายแบบอีกเลย
"บัวไปก่อนนะคะแม่ เดี๋ยวจะเลยไปหายายจันช้า เสร็จแล้วจะรีบกลับบ้านค่ะ"
"จ๊ะลูก ระมัดระวังนะลูก อย่าลืมเอาโทรศัพท์ไปด้วยนะลูก เผื่อฉุกเฉิน"
"สีนิล.....เป็นไงบ้างแกคิดถึงฉันไหม" หญิงสาวตะโกนเรียกเจ้าสีนิลเสียงดัง เจ้าสีนิลทำจมูกฟุดฟิด พร้อมกระโดดโลดเต้น มันดีใจมากที่เจอเธอ หลายเดือนเลยที่สโรชาไม่ได้กลับบ้าน สีนิลเป็นม้าที่สวยมาก เป็นม้าคู่ใจของเธอ อย่างที่บอกว่าสีนิลไม่ให้ใครขึ้นหลังง่ายๆ มันยอมแค่เธอกับน้องชาย 2คน เท่านั้น เธอเข้าไปกอดเจ้าสีนิล พร้อมเอาแก้มแนบกับหน้าของมัน ฉันคิดถึงแกจังเลยสีนิล ต่อจากนี้ไปฉันจะพาแกไปเที่ยวให้บ่อยๆนะ ฉันรู้แกอยากวิ่งแล้วใช่ไหม ไปเที่ยวที่ไร่ จะพาแวะไปหายายจันด้วยนะ เจ้าสีนิลเหมือนรู้ที่บัวพูด ตาของมันเป็นประกาย
หญิงสาวหยิบอานรองขี้นวางบนหลังเจ้าสีนิล แล้วเหวี่ยงตัวเองขึ้นไปนั่งบนหลังของมัน ใจของบัวอบอุ่นอย่างประหลาด รวมถึงเจ้าสีนิลด้วย ถ้ามันพูดได้มันคงตะโกนบอกบัวว่า มันมีความสุขที่สุด
"แม่ขา บัวไปก่อนนะคะ จะรีบไปรีบกลับค่ะ"
บ่ายสองโมงแดดกำลังร้อนเลย แต่สำหรับเธอไม่มีปัญหา อยู่กรุงเทพเธอออกหน้างานเจอแดดบ่อยๆ แดดในเมืองร้อนแรงแถมอบอ้าวไม่สดชื่น แต่แดดที่บ้านถึงจะแรงก็มีลมธรรมชาติพัดมาเรื่อยๆ สำหรับเจ้าสีนิลแล้วมันชอบมากมันค่อยๆ พาสโรชาเหยาะย่างไปที่ไร่ ผ่านบ้านคนงาน พ่อจะปลูกบ้านให้คนงานอยู่นอกเขตบริเวณบ้าน พ่อบอกว่าพวกเขาจะได้มีชีวิตส่วนตัว ช่วงนี้คนงานน่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่ง บ้านทุกหลังปิดประตูหมด
เธอบังคับให้สีนิลวิ่งลัดเลาะไปตามทางไปนาก่อน เธออยากเห็นทุ่งนา ลืมถามพ่อว่าปีนี้พ่อทำนาข้าวเหนียวดำไหม เธอชอบกินข้าวเหนียวมาก ในทุกมื้อที่แม่ทำกับข้าว จะต้องมีข้าวเหนียวกระติ๊บน้อยๆไว้ให้เธอเสมอ
วันนี้แดดแรงจริงๆ ลมร้อนโชยมาความร้อนมาปะทะแก้มขาวใสของหญิงสาว ร้อนทีเดียว ดีที่หญิงสาวหยิบหมวกใบใหญ่มา ไม่งั้นหน้าคงปะทะความร้อนมากกว่านี้แน่ๆ คราวหน้าต้องหาผ้าห่อหน้าซะแล้ว สีนิลพาหญิงสาวเดินลัดเลาะดูผืนนาจนพอใจ เลยไปท้ายไร่ต่อ ผ่านสวนส้มเขียวหวาน ดูโล่ง สะอาด กำลังให้ผลผลิตมองเห็นใบส้มสีเขียวผลส้มสีเหลือง สลับกันบนต้น สวยดี
ไกลออกไปมีกลุ่มคนงานน่าจะประมาณ 7-8 คน ทุกคนโบกไม้โบกมือให้เธอ คนงานจำหญิงสาวได้ เพราะมีแค่ 2 คนเท่านั้นที่เจ้าสีนิลจะยอมให้พามาไร่ สีนิลพาเธอไปหาคนงาน สโรชายกมือไหว้คนงานที่อายุมากแล้ว ลุงแก้วอยู่กับพ่อมานานมากเช่นกัน เป็นหัวหน้าคนงานรองจากลุงบุญอีกที ทุกคนยิ้ม และรับไหว้จากหญิงสาว
คนงานในไร่ ชื่นชมลูกสาวลูกชายของนายอาทิตย์มาก ทั้งสองคนไม่เคยถือตัว อ่อนน้อมถ่อมตนตลอด แม้กระทั่งคนงาน ถามไถ่สารทุกข์ ต่างๆ ตั้งแต่ตัวเล็กๆจนกระทั่งโตมีการมีงานทำ ลูกเจ้านายก็ยังคงปฏิบัติตัวกับคนงานเหมือนเดิม
"ลุงแก้วสบายดีไหมคะ ทุกคนสบายดีนะคะ" สโรชาทักทายทุกคนหลังจากลงจากหลังเจ้าสีนิล
"สบายดีครับคุณหนูบัว ทุกคนสบายดี ลุงยังแข็งแรง ทำงานได้อีกยาวนานครับ เสียแต่ว่าแดดร้อนมากขึ้นทุกวันครับหน้าหนาวก็หนาวมาก หน้าฝนก็ฝนมาก ฤดูกาลเปลี่ยนแปลงตลอดเลย" ลุงแก้วบ่น "คนแก่ก็แบบนี้แหละครับ บ่นไปเรื่อย" นายแก้วพูดพลางหัวเราะตัวเอง
"ธรรมดาค่ะลุงแก้ว บ้านเราอากาศยังดีอยู่มาก กรุงเทพฯ แย่กว่านี้ค่ะ นี่บัวไปดูนามาข้าวงามมากเลย สวนส้มก็ดูดีสะอาด โล่ง บัวขอบคุณทุกคนนะคะที่ช่วยพ่อกับแม่มาตลอดเลย"
"ไม่เป็นไร มิได้เลยครับคุณหนูบัว พวกเราเต็มใจ ตั้งใจทำเต็มที่ ให้สมกับที่คุณท่านเมตตาครับ พวกเราต้องขอบคุณมากกว่า" นายแก้วพูดแทนทุกคน
"เอาเป็นว่าเราต่างขอบคุณ และดูแลกันนะคะลุงแก้ว ทุกคนด้วย บัวขอตัวไปท้ายไร่ก่อนนะคะ มีอะไรก็โทรหาบัวได้เลย บัวใช้เบอร์เดิม" พูดแล้วหญิงสาวก็ขึ้นหลังเจ้าสีนิลพาเดินไปท้ายไร่
"ครับ /ค่ะ คุณหนู" ทุกคนพูดพร้อมกันพร้อมกับยิ้มตามหลังเธอไป เป็นรอยยิ้มที่มีแต่ความเอ็นดู คนงานจะนับถือ สโรชาและองอาจ เหมือนกับที่เคารพและนับถือนายอาทิตย์และนางจันทรา
ที่สโรชาชอบพาสีนิลมาท้ายไร่เพราะมีพื้นที่กว้างและไกล เหมาะที่จะพาสีนิลวิ่งเร็วๆ อีกฝั่งจะไปบรรจบกับหมู่บ้าน ตรงนั้นจะมีบ้านยายจัน จะได้แวะเอาใบเตยให้แม่
หญิงสาวรู้ว่าสีนิลอยากออกมาวิ่ง เพื่อออกกำลังกายบ้าง นอกจากเธอกับน้องแล้วก็ไม่มีใครได้พาสีนิลออกมา สีนิลเริ่มเร่งฝีเท้า เร็วขึ้น ทำให้หมวกที่บัวใส่ปลิวไปข้างหลังดีที่เธอมัดสายหมวกไว้ ไม่งั้นคงหลุดแน่ๆแรงลม และความเร็วของสีนิล ทำให้โบว์ผ้าที่ผูกผมหลุดปลิวไป ผมยาวปลิวไปตามแรงลม ช่างมันเถอะเธอขี้เกียจกลับไปหา ไม่รู้ลอยปลิวไปที่ไหนแล้ว กลับบ้านค่อยไปสระผมเอาล่ะกัน
ข้างหน้าไกลออกไปลิบๆ เหมือนกับมีสิ่งปลูกสร้างอะไรสักอย่าง ถ้ามีต้นไม้เหมือนแต่ก่อนก็อาจมองไม่เห็น พ่อบอกให้ลุงบุญพาคนงานมาตัดต้นไม้ออก ให้เตียน ทำให้มองเห็นบรรยากาศรอบไร่ สีนิลหยุด เหมือนมันก็รู้ว่าเธอกำลังสงสัยอะไรอยู่ มันทำจมูกฟุดฟิด เหมือนได้กลิ่นอะไรสักอย่าง ช่างเถอะอะไรก็ตาม ไม่เกี่ยวกับเรา คนละพื้นที่ และก็ห่างจากท้ายไร่บัว น่าจะประมาณ 3-4 กิโลเมตรได้ ไปหายายจันดีกว่านะสีนิล นี่ก็บ่ายสามกว่าแล้ว
สีนิลพาเจ้านายมันห้อตะบึงไปตามทางถนนดินลูกรัง มันชอบที่สุด อยากจะวิ่งให้นานกว่านี้ ให้สมกับที่ไม่ได้ออกมานาน หญิงสาวก็น่าจะรู้ใจสีนิล เธอจึงปล่อยให้มันพาวิ่งไปตามสบายใจ เร็วบ้าง ช้าบ้าง แดดเริ่มอ่อนลงบ้างแล้ว
ข้างทางยอดหญ้าคาไหลเอนลู่ไปตามแรงลมพลิ้วสวยมาก ใจเธออยากเอาสายบังเ**ยนของสีนิลออกให้หมด อยากให้มันเป็นอิสาระ เธอคิดว่าสีนิลคงจะรำคาญ แต่ก็ไม่ค่อยไว้ใจสินิลนัก กลัวมันพยศ เอาไว้เหมือนเดิมแหละดีแล้ว ปลอดภัยดีทั้งตัวเธอและเจ้าสีนิล
ทางเส้นนี้จะเป็นทางเส้นเก่า แต่ก็ยังมีคนใช้บ้าง ระหว่างทางก็จะมีรถยนต์วิ่งไปมา สีนิลไม่ตื่นตกใจ อาจเป็นเพราะชินแล้ว สมัยก่อน เธอกับน้องชายพามังกรกับสีนิลเข้าตลาด หรือในเมืองออกบ่อยไป ไปซื้อของให้แม่ ไปธุระที่ร้านกาแฟบ้าง ไปหาอาชาติที่โรงแรมบ้าง แล้วแต่พ่อกับแม่จะใช้ให้ไป ยิ่งเห็นคนเห็นรถเยอะๆ เจ้าสีนิล กับมังกร ดูเหมือนจะชอบ
ชาวบ้านที่นี่ ส่วนมากก็จะมีม้าไว้ใช้กัน เพราะแต่ละบ้านก็มีสวน เอาไว้ให้พาไปดูไร่บ้าง ไปโน่นนี่บ้าง เห็นคนขี่ม้าตามถนนถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าคนต่างถิ่นมาเห็นก็จะดูว่าแปลกๆ วันนี้ดูรถราเยอะจัง ป้ายต่างจังหวัดทั้งนั้นเลยเธอเดาว่าน่าจะเป็นนักท่องเที่ยวของรีสอร์ท ช่วงนี้อากาศกำลังดี ใครๆก็อยากขึ้นมาเที่ยวภาคเหนือ ทั้งสถานที่ วัฒนธรรม วัดวาอาราม ต่างๆ ดีงามใครๆก็อยากมาเที่ยวชม มาพักผ่อน
ถ้ามีเวลามากกว่านี้เธออยากไปที่รีสอร์ท เหมือนกันแต่ไม่เอาดีกว่า ไว้ไปวันหลัง ตอนนี้ไปหายายจันก่อน สีนิลพามาหายายจันถูกทางแบบไม่ต้องบอกเลย มันจำได้
"ยายจัน สบายดีไหมคะ " สโรชาทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ยายจัน พร้อมกับฉีกยิ้มหวานให้
"หนูบัว ตายแล้ว....มายังไงนี่ ไม่ร้อนเหรอลูก ทำไมไม่เอารถมา สีนิลเอ็งพาหนูบัวตากแดดตากลมมาได้ยังเนี้ยฮ่ะ" ยายจันพูดพรางจ้องเจ้าสีนิลอย่างเอาเรื่อง แต่สีนิลมันรู้ว่ายายจันหยอกเล่นแค่นั้น มันก็แกว่งหาง ยกขา ส่ายหัวไปมา เหมือนรู้ความ
อย่าไปว่าสีนิลเลยค่ะยาย บัวอยากพาสีนิลออกเที่ยวค่ะ ไม่ได้วิ่งนานแล้ว พาออกกำลังบ้าง พอดีบัวมาดูไร่ด้วยค่ะ ให้สีนิลพามาสะดวกที่สุดแล้ว นี่บัวแวะมาเอาใบเตย แม่อยากได้ไปปลูก กอเก่าตายเกือบหมดแล้วค่ะ
เอาไปเลยลูก ยายเตรียมไว้ให้หลายวันแล้ว เดี๋ยวยายใส่ถุงปุ๋ยให้ จะได้ถือถนัด ขากลับไม่ต้องกลับทางไร่แล้วนะ มันมืดไปตามถนนเลย เย็นมากแล้ว
"ไปเถอะลูกเดี๋ยวจะค่ำ ไอ้สีนิล เอ็งพาหนูบัวกลับบ้านดีๆนะ ไปๆได้แล้ว" ยายจันพูดกับสีนิลพร้อมตบก้นมัน ยายจันเป็นญาติห่างๆ ของนางจันทรา อายุเกือบ 80 แล้วแต่ยังแข็งแรงมากๆ เดินเหินคล่องแคล่ว ญาติของแม่เหลือแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น แม่จะไปมาหาสู่ยายจันตลอด แกอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีลูกหลานที่ไหน สามีก็เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ไม่ต้องทำมาหากินอะไร มีรายได้จากการให้เช่าตึกในเมือง ให้เช่าสวนส้ม สวนลำไย ลำพังตัวคนเดียวก็ล้นเหลือ ที่เหลือยายจันก็แบ่งทำบุญอยู่เรื่อยๆ แกเป็นคนอารมณ์ดี ทำให้อายุยืน เพราะไม่มีลูกทำให้แกเอ็นดู บัว บุตร และเลยไปถึง เมฆ พายัพ ด้วย
ด้วยออกจากบ้านยายจันได้สีนิลก็พาสโรชา ห้อกลับบ้านแบบไม่ผ่อนฝีเท้าเลย ประหนึ่งว่ามันฟังคำสั่งของยายจันรู้เรื่อง ว่าต้องพาเจ้านายมันกลับบ้านก่อนมืดค่ำ มีรถบางคันชะลอเพื่อดูว่าผู้หญิงที่ไหนขี่ม้าเร็วจัง ทำไมมีคนขี่ม้าแถวนี้ คงคิดกันไปต่างๆนา ๆ ถือว่าเป็นเรื่องแปลก แต่คนละแวกนี้ก็คิดว่าปกติ ไม่บ้านเธอก็บ้านอื่น ถ้ามีม้าก็ขี่ม้า ใช้ม้าให้เกิดประโยชน์ แถมม้าได้วิ่งก็ได้ออกกำลังกายไปในตัว ประหยัดน้ำมันด้วย
พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงสวยมาก ข้างทางอีกฝั่งถนนเป็นต้นยางนาใหญ่โต ขึ้นเรียงกันเป็นแถว สวยงาม แสงอาทิตย์ส่องแสงกระทบกับต้นยางนาสวยมาก เสียดายเธออยู่บนหลังม้า ถ่ายวีดีโอไม่ได้ ไหนจะกอใบเตยของแม่อีก รุงรังไปหมด
มีรถนักท่องเที่ยวบางคันจอดรถ เพื่อถ่ายรูปกับต้นยางนาสูงใหญ่ และทิวหญ้าคา บางกลุ่มก็โอบรอบโคนต้นยาง พลัดเปลี่ยนกันถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ คงเป็นลูกค้าที่รีสอร์ท ของบ้านเธอทั้งหมด ถนนเส้นนี้มีแค่รีสอร์ทบ้านเธอเท่านั้น เห็นนักท่องเที่ยวก็ดีใจนั่นหมายถึง พนักงานมีงานทำ มีเงินใช้กัน รีสอร์ทเองก็มีรายได้