ข่าวการประกาศแต่งานของดารานางแบบสวยเป็นช็อกอ๊อฟเดอะทาวน์ของวันเลยก็ว่าได้ เพราะผู้คนต่างคิดว่าเธอหมั้นหมายกับกรเดช แต่ไหงคนที่ประกาศแต่งงานและเป็นข่าวด้วยดันเป็นคนพี่ลูกกับภรรยาคนเก่ามีศักดิ์ท่านชายเสียได้ ทำเอาสาวๆ ครึ่งช้อนประเทศต่างอิจฉาตาร้อนคนเป็นเจ้าสาวสายฟ้าแลบแบบอรปรียาที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่กับผู้เป็นป๊าและม๊า
"ป๊าทำแบบนี้กับกี้ได้ยังไงกัน ยกลูกสาวให้ใครก็ได้อย่างนั้นเหรอคะ"
อรปรียาโวยวายขึ้น เมื่อผู้เป็นพ่อตัดสินใจเองโดยไม่ถามความสมัครใจของเธอเลย
"ป๊าคิดแล้วคุณภวิศเขาก็เป็นคนดีดีกว่าที่ลูกจะไปเป็นข่าวกับพวกสามีคนอื่นหรือผู้จัดละครนั่นเสียอีก อีกอย่างป๊าจะไม่ยอมให้คนมานินทาและดูถูกลูกสาวป๊าเด็ดขาดเชื่อป๊าสักครั้งนะ "
คุณไพโรจน์บอกเหตุผลและปลอบใจลูกสาวสุดที่รัก เขาไม่ได้สนใจธุรกิจนั่นหรอกแค่สนใจว่าลูกสาวเขาจะโดนสังคมประณามมากแค่ไหนเท่านั้นเอง ที่เป็นถึงลูกเจ้าสัวไพโรจน์แต่ไม่มีใครเอาแม้แต่คู่หมั้นวัยเด็กยังหนีไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น
"แม่ก็เห็นด้วยกับป๊าเขานะลูก เชื่อป๊าเขาเถอะถึงยังไงทางนั้นเขาก็มีลูกมีเมียแล้วแม่ไม่อยากให้หนูต้องไปลมปากชาวบ้านเขา "
คุณหญิงวิภาเสริมขึ้นเพราะเข้าใจว่าลูกสาวคงจะเสียใจที่กรเดชไปมีผู้หญิงอื่น
"ที่ไม่ได้สนใจหมอนั่นเลยค่ะ แล้วกี้ก็ไม่ได้รักพี่แทนด้วย กี้จะไม่แต่งงานกับพี่แทน กี้จะไปบอกเขาเอง"
ว่าเสร็จอรปรียาก็หุนหันพลันแล่นออกไปจากบ้าน ทิ้งให้คนเป็นพ่อและแม่มองตามด้วยความเป็นห่วง
"จะดีเหรอคะคุณที่เป็นแบบนี้ "
คุณหญิงวิภาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น ความเป็นห่วงลูกสาวกลัวผิดหวังจากกรเดชแล้วจะเตลิดไปมากกว่านี้
บริษัทสำนักงานใหญ่
"สวัสดีค่ะ มาพบใครคะ" ประชาสัมพันธ์ถามขึ้นเมื่อเห็นอรปรียาเดินตรงเข้ามา
"ฉันต้องการมาพบคุณภวิศ "
"นัดไว้หรือเปล่าคะ" หญิงสาวถามขึ้นเพราะที่ผ่านมามีผู้หญิงมาตามหาเจ้านายของเธอแทบจะทุกวันวันละ 2-3 คน
"ฉันเป็นคู่หมั้นเขาฉันต้องนัดเจอเขาด้วยเหรอ เดี๋ยวฉันจะไล่เธอออก " อรปรียาตอบด้วยความหงุดหงิดเมื่อไม่ได้ดั่งใจ
"เอ่อ..จะให้ดิฉันแจ้งว่าคุณอะไรมาขอพบคะ "
พนักงานสาวถามขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธออาจจะไม่เชื่อแต่ไม่กี่วันมานี้เจ้านายของเธอพึ่งมีข่าวว่าจะแต่งงาน และหญิงสาวตรงหน้าอาจจะพูดความจริง ถ้าเป็นแบบนั้นมีหวังเธอโดนออกจากงานแน่
"ฉันชื่ออรปรียา แจ้งไปแค่นั้น"
ห้องผู้บริหาร
"ลมอะไรหอบว่าที่คู่หมั้นของผมมาถึงนี่ได้ครับ "
ภวิศถามขึ้นเมื่อออกจากห้องประชุมแล้วเลขามาแจ้งเขาว่าอรปรียารออยู่ที่ห้องทำงานแล้ว
"คุณภวิศเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ จะไม่มีงานแต่งหรืองานหมั้นอะไรทั้งนั้น "
อรปรียาตอบคนที่มาใหม่ด้วยความมั่นใจแล้วกอดอกเชิดขึ้นหน้าด้วยความดื้อรั้นไม่ยอมใคร
"ทำไมถึงไม่เรียกพี่แทนแบบเดิมที่เคยเรียก หรือจำผู้ชายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของตัวเองไม่ได้แล้วเพราะมันเยอะเกินไป "
"คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง จะหาว่าฉันสำส่อนจนคู่หมั้นต้องไปหาผู้หญิงอื่นอย่างนั้นเหรอ" อรปรียาถามขึ้นด้วยความโมโห
"พี่ยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลย น้องกี้คิดไปเองทั้งนั้น แล้วอีกอย่างถึงแม้น้องกี้จะสำส่อนมากแค่ไหนถ้าแต่งงานกับพี่แล้วพี่ไม่มีทางให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่" ภวิศพยายามพูดดีกับเธอ
"เอ๊ะก็บอกแล้วไงคะว่าเราจะไม่แต่งงานกัน ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง "
อรปรียาผู้ขึ้นพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้เพื่อเอาเรื่องชายหนุ่มที่ไม่สนใจคำพูดของเธอเลย ชอบพูดเองเออเองเหมือนวันนั้นไม่มีผิด
แต่แล้วก็เหมือนเป็นการเปิดทางให้ภวิศที่ยืนพิงกับขอบโต๊ะทำงานดึงเธอเข้ามาแล้วเปลี่ยนให้ขึ้นไปนั่งบนโต๊ะทำงานแทนโดยมีเขายืนอยู่ตรงกลางหวางขา แล้วเอามือกันเอาไว้ไม่ให้หญิงสาวดิ้นหลุดไปไหนเพื่อที่จะได้คุยกันได้สะดวก
"นี่!!ทำอะไรของนายน่ะ" เธอถามขึ้นด้วยความตกใจไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำอุกอาจกับเธอแบบนี้ พี่ชายที่แสนดีและสุภาพคนนั้นหายไปไหนนะ
"บอกให้เรียกพี่แทนไง ทำไมสมองไม่ค่อยดีเลยหรือคิดแต่เรื่องผู้ชาย"
ชายหนุ่มถามขึ้นพร้อมกับน้องใบหน้าเข้าไปใกล้จนลมหายใจเป่ารถใบหน้าของเธอ
"อย่ามาสั่งฉันนะอีกอย่างฉันจะมั่วจะเอากับผู้ชายกี่คนมันก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับนาย "
"เกี่ยวสิเพราะฉันต้องใช้งานต่อจากพวกนั้นไง แล้วอย่าต้องให้พูดเป็นรอบที่สามเรียกพี่แทนเดี๋ยวนี้"
ภวิศบอกพร้อมกับบังคับไปในที ผู้หญิงหัวดื้อคนนี้ต้องเจอกับเขา ไม่คิดเลยว่าเด็กสาวที่วิ่งตามเขาตอนเด็กๆโตขึ้นมาแล้วจะมั่วผู้ชายไม่เลือกแบบนี้
"ไม่นายมีสิ..อื้อ!!"
อรปรียาพูดยังไม่ทันจบคำก็โดนริมฝีปากหนากระแทกลงมาปิดปากเธออย่างรุนแรงคล้ายจะเป็นการลงโทษที่เธอไม่ทำตามที่เขาสั่ง
ชายหนุ่มกดจูบริมฝีปากของเธอไปมาเพื่อให้เธอเปิดปากแล้วสอดลิ้นหนาเข้าไปเกี่ยวกับลิ้นเล็กให้ทั่วปากด้วยความกระหาย
ไม่คิดว่าปากของเธอจะฉ่ำหวานได้ขนาดนี้ แล้วให้ท่าทีเงอะงะเหมือนไม่เคยมีประสบการณ์นั่นอีกที่เหมือนกระตุ้นอารมณ์ดิบของเขาขึ้นมาจนเผลอบทจูบเป็นนานสองนานทั้งที่ตอนแรกแค่จะสั่งสอนเธอเท่านั้น
"ถ้ายังไม่ทำตามที่สั่งจะไม่ใช่แค่จูบแน่"
เมื่อเห็นว่าเธอใกล้จะขาดอากาศหายใจ เขาจึงค่อยๆถอนริมฝีปากออกแต่ก็ยังคลอเคลียแล้วพูดคิดกับริมฝีปากฉ่ำหวานนั้นอยู่ ทำให้เวลาพูดริมฝีปากก็ยังเสียดสีกันไปมาคล้ายคนโดนจูบอยู่เหมือนเดิม
"คุ..เอ่อพี่แทนทำแบบนี้ทำไม ทั้งที่ไม่ได้รักหรือชอบกี้"
อรปรียาถามขึ้นด้วยเสียงอ่อนเมื่อโดนจูบกระชากวิญญาณเข้าไป
"พี่ไม่สนว่ากี้จะรักพี่ไหม พี่สนแค่ว่ากี้ต้องแต่งงานกับพี่และห้ามปฏิเสธเด็ดขาด ไม่ดีหรือไงที่พี่มาช่วยกู้หน้าให้ไม่อย่างนั้นเธอคงโดนคนอื่นเขาหาว่ามีแต่ข่าวคาวๆ คู่หมั้นเลยหนีไปมีผู้หญิงอื่น แบบนี้มันน่าเจ็บใจมากกว่านะ" เขาอธิบายให้เธอฟัง
"แต่กี้ไม่ต้องการที่ต้องการคนที่รักกี้เท่านั้น " เธอปฏิเสธเสียงแข็ง
"แต่กี้รักพี่นิ หรือพี่จำผิดไปว่าใครกันที่มาสารภาพรักพี่ตอนนั้น"
ใช่..เธอรักเขาและรักมากด้วยตอนที่เขาไปเรียนต่อต่างประเทศ เธอพยายามติดต่อพยายามส่งจดหมายไปให้เขาแต่ก็ไม่มีแม้แต่จดหมายตอบกลับมาสักฉบับ
จนเธอมารู้ว่าเขามีผู้หญิงอื่นและไม่เคยชอบเธอเลย เธอจึงตัดใจและสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองโดยการเข้าวงการบันเทิงเพื่อให้ตัวเองมีชื่อเสียงไม่น้อยหน้าผู้หญิงทุกๆคนของเขา
แต่นั่นมันก็เป็นอดีตไปแล้วตอนนี้เธอไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไป เธอสนใจแค่จะแก้แค้นอดีตคู่หมั้นที่หักหน้าเธอไปแต่งงานกับคนอื่นเท่านั้น
"ตอนนี้กี้ไม่ได้รักพี่แทนแล้ว ปล่อยกี้นะคะกี้จะกลับแล้ว "
เมื่อคิดว่าการเจรจาครั้งนี้คงไม่สำเร็จอรปรียาจึงบอกให้เขาไป ถึงอยู่ก็อาจจะเปลืองเนื้อเปลืองตัวไปมากกว่านี้ เธอไม่เคยห้ามเขาได้ หรือเธอใจอ่อนไปกับเขาเองก็ไม่รู้ได้ ที่แน่ๆเธอกลัวใจตัวเองที่จะกลับมาตกหลุมรักเขาอีก เพราะเธอรู้นิสัยตัวเองดีลองถ้าได้รักแล้วก็ไม่คิดจะแบ่งปันให้ใครอีกแน่