บทที่5
หยิบก้อนหินริมน้ำขึ้นมาเชยชม...
ช่วงเช้าจวนเสนาบดีอวี้
"วันนี้ท่านพ่อไม่เข้าประชุมท้องพระโรงหรือเจ้าคะ?? " ร่างบางเอ่ยขึ้นขณะจัดเตรียมโต๊ะสำรับอาหารเช้าอยู่เมื่อเห็นบิดาเดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ ใบหน้าของบดาเต็มไปด้วยความสุขและผ่อนคลาย
"พ่อลาป่วย7วันนะพ่ออยากพักด้วยจะได้มีเวลาทานข้าวฝีมืออีอีบ่อยๆ ดีหรือไม่??" ชายชราเอ่ยอย่างอารมณ์ดีพลางมองบุตรสาว
"ดีเจ้าค่ะ ลูกจะทำเมนูที่ท่านพ่อชอบเยอะๆๆ เลยนะเจ้าค่ะ"ร่างเอ่ยตอบพลางยกยิ้ม
บิดาเจ้าของร่างเดิมนั้นใจดีไม่น้อย
" พ่อจะล้างท้องรออาหารของอีอีนะ" เสนาบดีอวี้ลูบหัวบุตรสาวอย่างรักใคร่ บรรยากาศภายในจวนช่างสงบสุขอบอวลไปทั่วบริเวณ
ณ ห้องทรงอํกษรวังหลวง
" เฮ้อ..."
ฉิงกงกงมองสุรเสียงของฮองเต้ที่นั่งถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าหลังจากประชุมที่ท้องพระโรงเสร็จสิ้น
" นี่เจิ้นคงไม่มีเวลาดูเเลอบรมสั่งสอนบุตรชายใช่หรือไม่ เหตุจึงโง่เง่ามิรู้จักรักษาหยกงามไว้กลับหยิบยกก้อนหินที่อยู่ริมน้ำขึ้นมาเชยชมกันนะ"โอรสสวรรค์เอ่ยขึ้นอย่างปลงตก
"ฝ่าบาท..." ฉินกงกงตอบเพียงเท่านั้นไม่ได้พูดอะไรด้วยรับรู้ความรู้สึกของเจ้าของเเคว้นเพียงอยากจะระบายเรื่องราวต่างๆ เท่านั้น
"เจิ้นว่าการที่ต้าเหลียนไม่ยอมมาทำงานนั้น คงเเก้ทางเจิ้นที่ไม่ยอมเขียนราชโองการถอนหมั้นในทันทีใช่หรือไม่"
" กระหม่อมมิบังอาจเอ่ยเช่นนั้นพะยะค่ะ"ฉินกงกงก้มลงเล็กน้อย
" ใช่สินะ..."ฮองเต้มองฎีกาที่กองบนโต๊ะมากมายอย่างขมขื่น ใบหน้ามืดครึ้มถึง5ส่วน
"เตรียมราชโองการให้ข้า" ฮองเต้หลงซือหยางจึงเริ่มเขียน ไปด้วยกระตุกยิ้มไปด้วย
อยากหยุดงานนักเช่นนั้นหรือสหายข้า...
__________________________
หน้าจวนเสนาบดีอวี้
ฉินกงกงนำราชโองการมาด้วยตนเอง ด้วยราษฎรในเเว่นเเคว้นต่างรู้ฉินกงกงมักอยู่ข้างกายฝ่าบาทตลอดมา
สมาชิกในจวนเสนาบดีอวี้ต่างก้มลงรับราชโองการอย่างรวดเร็ว
'ราชโองการนี้มอบเเด่.. เสนาบดีอวี้ที่เริ่มสูงอายุ สุขภาพไม่ค่อยเเข็งเเรง เนื่องจากเสนาบดีอวี้มีความชอบที่ช่วยเจิ้นบริหารบ้านเมืองไม่น้อย เจิ้นอนุญาติให้พักรักษาตัว3วันเท่านั้นในวันที่4วันจะมีการประชุมเตรียมพร้อมรับหน้าเหมันต์ในอีก1เดือนข้างหน้า หากเสนาบดีอวี้เดินไม่ไหว อนุญาติให้คนยกเปลหามเข้าท้องพระโรงเพื่อเข้าประชุมได้ พระราชทานโสมพันปี1หีบสมุนไพรบำรุงร่างกาย2หีบ จบราชโองการ'
สิ้นเสียงฉินกงกง เสนาบดีอวี้คิ้วกระตุกอะไรคือเริ่มสูงอายุ อะไรคือไม่สบาย ได้เเต่กดข่มอารมณ์ไม่ดีวางมาดเสนาบดีผู้มีอำนาจ รับมอบราชโองการเท่านั้น
"ฉินกงกงข้าไม่ส่งนะ..." เเล้วเสนาบดีอวี้ก็กลับเข้าจวนอย่างไม่รอเสียงตอบรับ อีอีเห็นเช่นนั่นคิดว่าแย่แล้ว จึงรีบเอ่ย
"ขอบคุณฉินกงกงเจ้าค่ะ" ร่างบางหยิบถุงเงินจากสาวใช้ส่งให้ฉินกงกงอย่างนอบน้อม
"ไม่เป็นไรคุณหนูอวี้ คุณหนูช่างรู้ความ กระหม่อมขอลา" ฉิงกงกงรีบเอ่ยเเม้จะรับถุงค่าน้ำชาที่มามอบราชโองการได้หรือไม่ได้นั้นหาใช่เรื่องใหญ่ไม่ เมื่อมองคุณหนูตรงหน้า สายตาคนที่ผ่านร้อยผ่านหนาวมานาน นับว่าคุณหนูตรงหน้าช่างแตกต่างจากข่าวลือไม่น้อย ทั้งงดงาม รู้ความวางตัวเหมาะสม องค์ไทจื่อคงพลาดหยกงามก้อนนี้เเล้วจริงๆ
กลับมีเสียงบุรุษเอ่ยขึ้นจากอีกด้านหนึ่ง
เสียงดังฟังชัด
"อีอี เจ้ากำลังเข้าใจผิดพี่ขอให้พี่ได้อธิบายก่อนได้หรือไม่"
"อีอี เจ้ากำลังเข้าใจผิดเรา ให้เราได้อธิบายสักครั้งก่อนได้หรือไม่"เสียงดังของหนึ่งบุรุษเอ่ยขึ้นอย่างคุ้นเคย ขณะที่ร่างหนารีบเร่งลงจากรถม้า เดินตรงดิ่งหน้าจวนเสนาบดีอวี้อย่างรวดเร็ว
"หม่อมฉันไม่มีเรื่องต้องคุยกับพระองค์เเล้ว ที่พระองค์ทรงทำชัดเจนแล้วว่าเลือกคุณหนูหนิงเล่อเยียนในเหลาอาหารเมื่อ2วันก่อนเหตุใดจึงบอกกล่าวกับหม่อมฉันว่าเข้าใจผิดเล่า"อีอีเอ่ยขึ้นเสียงเเข็งกระด้างสร้างความสนใจให้เเก่ชาวบ้านที่พบเห็นเดินผ่านหน้าจวนเสนาบดีอวี้ไม่น้อย
ผู้คนต่างหันมาซุบซิบเรื่องราวที่ตนเองเคยได้ยินเล่าลือมาก่อน
"เป็นเจ้าเข้าใจผิดจริงๆ เรากับเยี่ยนเออร์ไม่ได้เป็นอะไรกันทุกคนทั่วแคว้นต่างรู้ว่าเรากับเจ้าหมั้นหมายกันไม่ใช่หรือ??"ไทจื่อเล่อเหยี่ยนเอ่ยขึ้นเอาใจสตรีตรงหน้าทั้งที่ในใจเกลียดชังแต่เพื่อให้ตำแหน่งที่มั่นคงเขาต้องเอาใจสตรีตรงหน้านี้ ยิ่งชาวบ้านได้ยินเสียงพูดคุยต่างเริ่มสงสารองค์ไทจื่อที่มาพูดคุยคู่หมั้นคู่หมายหน้าจวนอย่างให้เกียรติ
ทางด้านอีอีมองผู้คนที่ผ่านไปมาเริ่มมุงดูต่างลงความเห็น เห็นใจไทจื่อผู้สูงศักดิ์ตรงหน้า การพบหน้าไทจื่อครั้งแรกนี้น่าจดจำไม่น้อยมืองามจับมือกันแน่นกดข่มอารมณ์ตนเองไว้
สร้างความชอบธรรมต่อหน้าผู้คนเช่นนั้นหรือ...
ข้าจะทำลายลงด้วยตัวของข้าเอง...
"ใช่เพคะ หม่อมฉันเป็นคู่หมั้นพระองค์ทุกคนต่างรู้ทั่วแคว้น และทุกคนต่างรู้เช่นกันว่าองค์ไทจื่อเข้าออกจวนเจ้าเมืองทุกวี่วันเพื่อรับคุณหนูหนิงจริงหรือไม่เพคะ และจวนเสนาบดีอวี้ล้วนมีเกียรติที่ต้องรักษา"สิ้นเสียงอีอีต่างมีชาวบ้านที่อยู่ละเเวกใกล้จวนเจ้าเมืองต่างเอ่ยซุบซิบ
'ข้าเห็นรถม้าเข้าออกจวนเจ้าเมืองทุกวันอย่างที่คุณหนูอวี้เอ่ยจริงๆๆนะ'
'ใช่ๆๆๆข้าเห็นคุณหนูออกมากับองค์ไทจื่อบ่อยครั้ง'
'ข้าก็เห็นคุณหนูหนิงไปกับไทจื่อไปซื้อเครื่องประดับต่างพูดคุยกระหนุงกระหนิงดั่งคู่รัก ข้าอดเห็นใจคุณหนูอวี้ไม่ได้ เป็นคู่หมั้นเเท้กลับไม่ไปมาหาสู่ กลับไปกับสตรีอื่นช่างหยามเกียรติคู่หมั้นนัก'
หลายเสียงเล่าลือที่เกิดขึ้นการเเสดงความคิดเห็นของชาวบ้านทำให้อีอียิ้มกริ่ม องค์ไทจื่อสีหน้ามืดครึ้มถึงแปดส่วน เหตุใดชาวบ้านพวกนี้ช่างปากไม่มีหูรูด
"เราเพียงไปทำงานที่จวนเจ้าเมือง เเล้วเยี่ยนเออร์ขอติดรถม้ามาเที่ยวเล่นเท่านั้น เจ้าอย่าไปโทษว่าเยียนเออร์เลยนะ นางใสซื่อเเละยังไม่รู้ความยิ่ง" องค์ไทจื่อเอ่ยปกป้องคนรักไม่ให้ชื่อเสียงเสียหาย เขาต้องการรับนางเป็นชายารอง เเละให้สตรีตรงหน้าเป็นไทจื่อเฟยของเขา
"ไปทำงานหม่อมฉันไหนเลยจะกล้าเเย้ง เยี่ยนเออร์อย่างนั้นเยียนเออร์อย่างนี้หากไม่สนิทสนมจะเรียกสนิทสนมได้อย่างไร หากใสซื่อบริสุทธิจริงอายุ17หนาวยังยุ่งขอติดตามบุรุษที่มีคู่หมั้นคู่หมายเเล้วได้ทุกวี่วัน จวนเสนาบดีอวี้เลี้ยงคนด้วยข้าวนะเจ้าค่ะไม่ได้เลี้ยงด้วยหญ้า"
สิ้นเสียงอีอี..ชาวบ้านต่างเข้าข้างอีอีไม่น้อยต่างเริ่มส่งเสียงต่อว่าองค์ไทจื่อเป็นการใหญ่
'ใช่ข้าว่าเเล้วเชียว เหตุใดจึงเพียงเดินตลาดจับมือคล้องเเขนสนิทสนมกันนัก คุณหนูหนิงน่าไม่อายจริงๆๆที่เเย่งคู่หมั้นคนอื่น'
'ใช่ข้าทำงานเป็นเด็กรับใช้ที่เหลาอาหารไทจื่อทรงจองห้องส่วนตัวไปถึงเดือนหน้า เเถมยังมากับคุณหนูลูกเจ้าเมืองเป็นประจำ หาใช่คุณหนูอวี้ไม่'
' เช่นนี้ถอนหมั้นเถอะ'
' ใช่ๆๆๆๆ'
เเละความคิดเห็นอีกมากมายอีอีทำได้เพียงยิ้มกริ่มในใจ.. สีหน้าท่าทางตอนนี้นางมีน้ำใสๆๆร่วงหล่นจากดวงตาท่าทางเสียใจยิ่งนัก
"ขอบคุณพ่อเเม่พี่น้องชาวบ้านทุกท่านที่เป็นห่วงข้าผู้นี้ ท่านพ่อของข้าได้ทูลขอราชโองการถอนหมั้นเเล้วจะถูกประกาศในอีก7วันข้างหน้า อีก10วันข้าจะตั้งโรงทานเพื่อทำบุญให้มารดา3คืน3วัน หวังว่าทุกท่านจะมารับอาหารนะเจ้าค่ะ" อีอีเอ่ยอย่างเคารพนอบน้อมต่อทุกคนที่ร่วมเเสดงความคิดเห็น
"ไม่ได้!!! ถอนหมั้นไม่ได้ พี่ขอโทษเจ้าเเล้วรับคำขอโทษจากพี่เถิด"
" หม่อมฉันหรือจะกล้าโกรธองค์ไทจื่อ"
" เจ้ายกโทษให้เราแล้วใช่หรือไม่"ไทจื่อหยงเล่อเอ่ยอย่างมีความหวัง
" ใช่เพคะ"ไทจื่อหยงเล่อยิ้มกว้าง
" แต่พระราชโองการถอนหมั้นของหม่อมฉันและพระองค์คงเช่นเดิมเพคะ" อิงอิงเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยวเหล่าชาวบ้านต่างเห็นด้วยกับคุณหนูอวี้หากมีชายใดที่หมั้นหมายกับบุตรสาวเเล้วทำตนอย่างนี้คงถอนหมั้นไปนานเเล้ว
" ไม่ได้!! ถอนหมั้นไม่ได้เราจะคุกเข่าหน้าจวนอยู่เช่นนี้จนกว่าเจ้าจะยกเลิกราชโองการถอนหมั้นเรา"
องค์ไทจื่อเอ่ยอย่างดื้อดึงเขาเป็นไทจื่อเเละคุกเข่าถือว่าลดเกียรติเขามากแล้ว
" เชิญตามสบายเพคะ"อีอีเอ่ยอย่างไม่สนใจ
ทางด้านไทจื่อหยงเล่อร่างกายแข็งค้างสีหน้ามืดครึ้มเต็มสิบส่วน เขาคุกเข่าลงไปแล้วจะลุกขึ้นก็กระดากอายยิ่งนัก หากวันนี้ไม่ได้คืนดีกับสตรีตรงหน้าเสด็จแม่เอาเขาตายแน่ อีอีไม่สนใจบุรุษตรงหน้ากำลังจะเดินเข้าผ่านประตูหน้า
จู่ๆๆมีเสียงสตรีอ่อนหวานเอ่ยขึ้นพร้อมนั่งลงคุกเข่าข้างไทจื่อ
" คุณหนูอวี้กำลังเข้าใจไทจื้อผิดอยู่นะเจ้าค่ะ เรื่องนี้สามารถอธิบายได้"