เสียงแหลมหวาน ของคนบนตักโพล่งขึ้นด้วยความอยากรู้ ใบหน้าสวยเซ็กซี่ห่อเหี่ยวลงโดยพลัน “น่าเสียดายนะคะ ยังหนุ่มยังแน่น ไม่น่าจะรีบมีคู่ครองเลย...” ปลายนิ้วของคนพูดกำลังเกลี่ยเบาๆ บนแผงอกกว้าง
“คือ...”
“ว่ายังไงคะ คุณภพมีภรรยาแล้วจริงๆ หรือ เธอคงสวยมาก”
“ผมไม่มีหรอกครับ จะมีก็แต่สาวๆ ในคลังเท่านั้น”
ชายหนุ่มรีบตอบรัวเร็ว เหยียดรอยยิ้มกรุ้มกริ่มเต็มดวงหน้า มือข้างขวาเลือกวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะ ขยับมาลูบผะแผ่วบนต้นขาเนียนๆ ซึ่งชายกระโปรงของอีกฝ่ายร่นจนถึงไหนต่อไหน ล้วงอีกนิด สะกิดอีกหน่อย เชื่อว่าซับในตัวบางคงถูกถอดออกจากเรียวขาอย่างง่ายดาย
“จริงหรือคะ ดีจังเลย”
เจ้าหล่อนว่า แล้วกดปลายจมูกเชิดๆ นั้น จมลงบนแก้มสากทั้งสองข้าง “แบบนี้ เราก็...”
“อะแฮ่ม!” หนุ่มเซอร์รีบส่งเสียงกระแอมในลำคอ “แกจะไปต่อที่ไหนกับใครไม่ได้นะเว้ยไอ้ภพ แกรู้ไหม ว่าคุณแม่อรัญญาสั่งให้ฉัน พาแกกลับไปส่งบ้าน นี่ก็จวนถึงเวลากลับแล้วด้วย ไม่อยากคิดถ้าหากกลับช้า หูฉันคงถูกดึงจนยานลงมาถึงตาตุ่ม”
“แม่...”
ภีรภพทวนคำแผ่วเบา “แม่ฉันเนี่ยนะ...”
“ทำไม หรือแกไม่กลับ ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ถ่ายภาพแกกับผู้หญิงคนนี้ เอาไปให้แม่ทูนหัวของแกดูให้เห็นจะจะ อยากรู้นักว่าเธอจะว่าอย่างไรบ้าง จะงอนจนไล่นายออกจากบ้าน ไปนอนที่อื่นสักกี่วันกัน” คนรู้ความเป็นไปของเพื่อนทุกอย่าง รีบเน้นคำในท้ายประโยค “เอาสักสิบภาพปะไร ได้ทั้งกอด จูบ และลูบคลำ”
“ไม่ต้อง!”
รีบปฏิเสธเสียงกร้าว ทำหน้าเหมือนเจออาหารบูด ก่อนจะรีบยกร่างอ้อนแอ้น เบียดเบียนเนื้อกายไปนั่งนิ่งๆ แล้วคว้าเอาเหล้าที่มีอยู่ตรงหน้ามาเทลงคอไปจนหมด เหลือบสายตามองเพื่อนรักทั้งสองด้วยไรฟัน ขบกันดังกรอดๆ ไอ้สองตัวนี้ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ร่วมใจกันขัดคอเขาดีซะเหลือเกิน แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะเขาชอบเนื้อขาวๆ ที่คอนโด มากกว่าเนื้อนุ่มๆ ของผู้หญิงพวกนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าผ่านผู้ชายมากี่ร้อยราย สู้ลูกหว้าก็ไม่ได้ เธอเป็นของเขาเพียงคนเดียว
รอยยิ้มระรื่นจึงเคลื่อนประดับบนดวงหน้าอีกครั้ง นั่งดื่มกันต่ออีกร่วมชั่วโมง ทั้งสามคนก็เอ่ยชวนกันกลับ ต่างคนต่างแยกย้าย อคิราห์นั้นคงรีบกลับบ้านไปทำลายหลักฐานของการเที่ยวในคืนนี้ ณัฐคภาคหิ้วสาวสวยติดมือไปหนึ่งราย ส่วนตัวเขา เลือกจะประคองสติตัวเอง ก้าวขึ้นรถ และมุ่งสมาธิอยู่บนท้องถนน เป้าหมายปลายทางที่ใจจดจ่อ ก็คือบนเตียงคิงไซซ์ ซึ่งมีเรือนร่างขาวผ่องเนียนมือ นอนรอด้วยใบหน้าหวานแชล่ม
นักธุรกิจหนุ่ม นำพาช่วงขาปัดเป๋ และอาการเมามายเกือบไร้สติ นำพาตัวเองมาจนถึงหน้าห้องพัก มือหนาค้ำกับผนังห้อง ขณะมืออีกข้าง กำลังล้วงหยิบคีย์การ์ดในกระเป๋า กว่าจะเปิดห้องได้ก็ทุลักทุเลไม่น้อย เมื่อพ้นสู่ด้านใน ร่างกายหล่อเหลาแทบหัวคะมำลงไปจูบกับพื้นห้อง บังคับให้ตัวเองเดินตรงสู่ห้องนอน พร้อมกับครางอ้อแอ้ไปตลอดทาง
“ลูกหว้า...”
ร้องเรียกร่างบางด้วยเสียงครางยาน “อยู่ไหนน่ะ...”
เมื่อปรือตาขึ้นมอง ก็เห็นร่างบางนอนอยู่บนเตียงหรู ปากหยักจึงคลี่ยิ้มกว้าง รีบเดินไปใกล้ๆ ไม่อยากจะรบกวนให้เธอตื่นหรอก แต่เพราะร่างกายมันโงนเงน จึงล้มทับร่างแน่งน้อยเข้าอย่างจัง
อะไรบางอย่างหล่นตุ้บทับเนื้อจนรู้สึกหนักอึ้ง ทำให้แพขนตางามเริ่มปรือขึ้นอย่างช้าๆ เธอต้องนิ่วหน้าเพราะเจ็บร้าวไปทั้งอก ก่อนจะตกใจ รีบผลักเจ้าของกลุ่มผมสีดำนุ่มให้ออกห่าง จนแทบจะหวีดเสียงร้องลั่นให้คนช่วย แต่เธอก็ต้องยกมือปิดปากตัวเองโดยพลัน เพราะคนที่เธอเพิ่งผลักไปจนเกือบตกเตียงนั้น คือผู้ชายใจร้ายที่เธอคุ้นเคย
“คุณภพ!”
เรียกร้องเขา แล้วชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ พลันต้องเบือนหนี เมื่อได้กลิ่นเหล้าพวยพุ่งมาแตะจมูก “นี่คุณไปดื่มเหล้า หรือว่าอาบมาทั้งโรงงานกันแน่คะ กลิ่นหึ่งเชียว” เผลอตัวต่อว่าเขา ชั่วครู่ต้องรีบเม้มปากแน่นฉับพลัน ได้แต่ถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ ค่อยๆ ขยับตัวมาเขย่าร่างแข็งแรงแผ่วเบา ทั้งๆ ที่บางความรู้สึก เธออยากจะหาอะไร มาฟาดหัวเขาเสียมากกว่า
“คุณภพ ลุกไปอาบน้ำก่อนสิคะ”
“หือ....ไม่อาบ อาบทำไม...” คนเมาตอบกลับมาด้วยเสียงอ้อแอ้
“ไม่อาบแล้วจะนอนได้ยังไงคะ ตัวเหม็นขนาดนี้” มือบางของสลิลลา รั้งร่างแกร่งให้ลุกขึ้น น้ำหนักที่มากกว่าของเขา เล่นเอาตัวเธอเกือบล้มคะมำ พยายามประคองให้ชายหนุ่มได้ยืนทรงตัว แต่ก็ล้มเค้เก้ไปนอนอยู่บนเตียง และตอนนี้ ร่างของเขาทาบทับร่างของเธอจนไร้ช่องว่าง ปลายจมูกโด่งๆ นั้นจมอยู่บริเวณซอกคอเนียน จนเธอต้องเอนเอียงหนี
“ลุกก่อนสิคะ ลูกหว้าหนัก”
“ฮือ...นอนกันเถอะ ผมง่วงเต็มที”
“ค่ะๆ นอนก็นอน แต่คุณต้องลุกก่อนนะคะ ลูกหว้าหนัก”
หญิงสาวพยายามบอกเขา มือน้อยทั้งผลักทั้งดันกายแกร่งให้ออกห่าง กว่าคนตัวโต จะยอมล้มตัวลงนอนดีๆ เหงื่อเม็ดใหญ่ก็ผุดพรายเต็มกรอบหน้า หอบหายใจแฮกๆ จนหน้าดำหน้าแดงไปหมด
ร่างบางวาดขาลงจากเตียงกว้าง ยืนกอดอกมองคนตัวโตด้วยสีหน้าระอา เธอส่ายหน้าวืดๆ ด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ ในยามที่เขาเมามายขาดสติช่างสิ้นฤทธิ์เหลือเกิน ต่อให้เธอผลัก เธอทุบขนาดไหน เขาก็ไม่บ่นสักแอะเดียว แต่ในยามที่เขามีสัมปชัญญะเต็มเปี่ยม เขาก็เป็นเหมือนผีห่าซาตานซึ่งทำให้เธอตื่นกลัวได้เสมอไป
สลิลลาทอดถอนหายใจทิ้ง เดินไปคว้าเอาอ่างแก้วใส่น้ำมาครึ่งค่อน พร้อมหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กติดมือ หย่อนสะโพกลงนั่งข้างๆ เขา แล้วชุบผ้าลงน้ำบิดพอหมาดๆ ซับไปตามเสี้ยวหน้าและลำคอ อย่างน้อยเธอก็เห็นแก่คุณป้าอรัญญา ไม่อาจปล่อยให้ลูกชายที่คุณป้ารัก ต้องนอนท่ามกลางกลิ่นเหม็นๆ คละคลุ้งตัว
กว่าหญิงสาวจะจัดการเช็ดหน้าเช็ดตัว ให้คนครางอืมอาแล้วเสร็จ ก็กินเวลาเกือบสิบนาที และที่ลำบากสุดๆ ก็คือการลากร่างแข็งแรงนี้ไปนอนอยู่กลางเตียงนั่นแหละ เธอทั้งลากทั้งดึง เหนื่อยหอบจนตัวโยน แต่ก็ไม่สำเร็จ จนต้องทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
“ผู้ชายบ้า ตัวหนักยังกับยักษ์”
เบ้ปากใส่เขาด้วยความหมั่นไส้ แต่แล้วเธอแทบจะกระโจนออกห่างชายหนุ่มโดยพลัน เมื่อจู่ๆ คนหลับตามานาน เบิกตากว้าง แถมยังขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วจ้องเธอเอาๆ ชนิดที่ทำให้เธอได้แต่แค่นยิ้มจืดๆ
“เอ่อ...”
“เมื่อกี้ลูกหว้าบ่นว่าอะไร”
คิ้วเข้มของคนสร่างเมาเลิกขึ้นสูง มือหนาเอื้อมคว้าแขนเรียวเล็ก และรั้งแรงๆ จนร่างอรชรถลามาชิดอกกว้าง ใช้จังหวะนั้น จับร่างแน่งน้อย ยกขึ้นมานั่งบนหน้าขา ฝ่ามือวาดสำรวจเรือนร่างนุ่มนิ่มอย่างเอาแต่ใจ “ว่าไง ทำไมไม่พูดล่ะ เลิกทำหน้าเหมือนเห็นผีสักทีเถอะนะลูกหว้า” ท้ายประโยคไม่ลืมเปรยเบาๆ
“เอ่อ...”
“ช่างมันเถอะ ฉันไม่เอาเรื่องก็ได้ แต่ตอนนี้...”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยประกายตากรุ้มกริ่ม พร้อมกับขยับฝ่ามือไต่ไปตามผิวเนื้อ รั้งชายกระโปรงนอนผ้านิ่มขึ้นมา จนเห็นต้นขานวลลออ แต่มือน้อยๆ ของคนตัวเล็กก็รีบดึงรั้งปกปิด จนต้องข่มขู่ด้วยเสียงกร้าว “ไม่เอาน่า อย่าดื้อรู้ไหมฮึ อย่าขัดใจฉัน” สั่งแล้วก็กดปลายจมูกโด่งๆ จมไปกับเนินอกอวบ
“แต่ว่า...” ใบหน้างามๆ นั้นเบือนหนี
“ทำไมฮึ! หรือว่าตัวฉันเหม็นเหล้า”
ชายหนุ่มทำจมูกฟุตฟิต แล้วกระตุกยิ้มร้ายกาจ “ดีเลย ตัวเธอก็เหม็นเหงื่อเหมือนกัน เพราะฉะนั้นตอนนี้ เราไปอาบน้ำด้วยกันดีกว่านะลูกหว้า” กล่าวจบ ช่วงแขนกำยำก็ช้อนร่างบางขึ้นแนบอก โดยไม่สนใจเสียงร้องวี้ดว้ายของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย หายเข้าไปในห้องน้ำเพียงห้านาที ภีรภพก็สามารถเปลี่ยนเสียงร้องโวยวาย ให้กลายเป็นเสียงครางสั่นพร่าสุดรัญจวน และดังต่อเนื่องอยู่แบบนั้นอย่างยาวนาน นานเสียจนร่างอ้อนแอ้นหมดแรงเซซบกับอกกว้าง