บทที่ ๔ กรงมัจจุราช(๒)

1399 Words
ปากอิ่มสั่นระริกตัดพ้อต่อว่า เรียวแขนนั้นกอดตัวเองให้แน่นขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาชื้นฉ่ำ ซุกลงแนบเข้ามน และร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนตัวหอบโยน ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ตอนนี้ร่างระหงซึ่งนั่งนิ่ง ก็เริ่มล้มลู่จนนอนตัวงออยู่กับพื้นกระเบื้องเย็นๆ แม้ดวงตาทั้งสองข้างจะหลับสนิทเพราะความเหนื่อยอ่อน หากหางตาทั้งสองข้าง กลับมีน้ำตานั้นซึมไหลออกมาเป็นทางยาว ผู้บริหารหนุ่ม กำลังนั่งทำงานด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข รู้สึกเหมือนร่างกายหนุ่มแน่นกระปรี้กระเปร่า ราวปลากระดี่ได้น้ำไม่มีผิด จะไม่ให้เขารู้สึกแบบนี้ได้ยังไง ก็ในเมื่อนาทีนี้ อะไรก็ช่างลงตัวไปเสียหมด ลูกค้าก็เยอะ ยอดจำหน่ายก็สูงลิบลิ่ว และสำคัญ ไม่ไกลจากที่นี่ มีเนื้อนุ่มๆ ตัวหอมๆ รอคอยเขาอยู่บนเตียง อาการทำงานด้วยท่าทีสุขเสียเต็มประดา ล้วนทำให้เลขาส่วนตัวแปลกใจไม่น้อย เพราะผ่านมา ถึงแม้คุณภีรภพจะไม่ทำหน้าบึ้งๆ แต่ก็ไม่ได้ฉีกยิ้มจนหน้าบานเป็นจานดาวเทียมเช่นนี้ ทว่าความสุขในการทำงาน ที่เพิ่งได้รับมาร่วมสามชั่วโมงก็จบลง เมื่อประตูห้อง ถูกผลักเข้ามาโดยไร้เสียงเคาะอนุญาต นึกอยากจะด่าทอให้สาสม แต่เพียงเงยหน้าละเอกสาร เรียวปากก็เปลี่ยนเป็นกระตุกอย่างช่วยไม่ได้ “มาทำไมวะ ไอ้ภาค” ทักทายด้วยเสียงกระด้าง ก่อนจะหรี่ตาแคบมอง “หรือว่าธุรกิจก่อสร้างของแกล้มละลายวะ ถึงได้ถ่อมาที่นี่ แต่เสียใจด้วยนะเว้ย! ฉันไม่มีเงินให้แกกู้หรอก โน่น...เชิญไปหาไอ้โฬมโน่น หมอนั่นน่ะ มันปล่อยเงินกู้” กล่าวพลางยักคิ้วหลิ่วตาให้ ก่อนจะผุดลุกเต็มความสูง เดินมาตบไหล่เพื่อนแรงๆ “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เท่าที่จำได้ ก็ตั้งแต่ไอ้โฬมมันแต่งงานไปสินะ” “ปากแกนี่ยังหมาเรียกพ่อเหมือนเดิมนะไอ้ภพ” ภาค หรือณัฐคภาค กัจวานิษฐ์ ลูกชายเสี่ยใหญ่ เจ้าของกิจการก่อสร้างพันล้านกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มๆ ขยับมือตบบนไหล่กระด้างของเพื่อนรักเช่นกัน “ว่าแต่...คืนนี้แกว่างหรือเปล่า” “ว่างหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเรื่องที่แกจะพูด” นักธุรกิจหนุ่มยียวนใส่ทั้งหน้าทั้งตา “ไม่ว่างก็ไม่เป็นไรเว้ย! ให้มันรู้ไปสิ เพื่อนนัดรวมตัวกันทั้งที แกจะไม่ไป” หนุ่มเซอร์ผมยาวประบ่าว่า พลางยักคิ้วให้น้อยๆ “คืนนี้ฉันนัดกับไอ้โฬมไว้ ว่าจะไปนั่งดื่มเคล้านารีกันสักหน่อย สาวๆ หุ่นสะบึมเพียบทีเดียว!” “เหล้าเคล้านารี...” ทวนคำด้วยประกายตาขบขัน อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง “ถามจริงๆ เถอะ ไอ้โฬมมันไปด้วยจริงหรือวะ นี่มันไม่กลัวคุณพิมพ์หักคอเอาหรือไง แกไม่รู้หรอก ว่าตั้งแต่สองคนนั้นแต่งงานกันน่ะ ไอ้โฬมมันก็เป็นลูกไก่ดีๆ นี่เอง คุณพิมพ์จะบีบเมื่อไร มันก็ตายเมื่อนั้น เรื่องเที่ยวเรื่องดื่มเหล้า อย่าได้เฉียดใกล้เชียว คุณพิมพ์ดุสุดๆ ฉันคิดว่าเธอคงเอาคืน ในช่วงที่โดนไอ้โฬมมันรังแกน่ะ” “ไปได้แน่ๆ เว้ย!” คนตอบกระตุกยิ้มบนมุมปากน้อยๆ “เพราะคุณพิมพ์เธอไม่อยู่ พาคุณพ่อกับคุณแม่ของเธอ ไปดูสวนที่ชัยภูมิ” “แล้วทำไมไอ้โฬมมันไม่ไปด้วยล่ะ” “คุณพิมพ์ไม่ให้มันไปน่ะ ก็เลยต้องนั่งทำหน้ายู่อยู่ที่บริษัท” ณัฐคภาคกล่าวเสียงเรียบๆ หากประตายตานั้นแอบขันคนที่ตกอยู่ในวงสนทนาจนดวงตายิบหยี เพราะเพื่อนคนนี้กลายเป็นผู้ชายว่าง่ายไปเสียแล้ว หลังจากนั้นก็หันมาจ้องหน้าเพื่อนตาไม่กะพริบ “ตกลงแกจะไปไหม ไม่ไปเสียใจแย่นะเว้ย!” “ของอย่างนี้ มีหรือวะ ที่ไอ้ภพคนนี้จะพลาด” ว่าพลางยื่นกำปั้นไปชกกับหนุ่มเซอร์แรงๆ ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานตัวเดิมอย่างอารมณ์ดี ทว่าเพียงฉุกคิดไปถึงร่างอ้อนแอ้นก็อยากจะเปลี่ยนใจขึ้นมาซะดื้อๆ แต่ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นเป็นของตาย เขาจะไปช้าหรือเร็ว ก็ต้องได้กลืนกินเธอทั้งตัวอยู่แล้ว หาของว่างทานชั่วครั้งชั่วคราวจะเป็นไรไป คิดอย่างเข้าข้างตัวเอง พลางไหวไหล่ไม่สนใจ ก่อนจะหันมาตั้งหน้าตั้งตาสนทนากับเพื่อนรักอย่างออกรส ร่วมชั่วโมงเต็มนั่นแหละ ทายาทธุรกิจก่อสร้างถึงได้เดินตัวปลิวออกไป ปล่อยให้ภีรภพกลับมาจมปลักอยู่กับเอกสารตรงหน้าอีกครั้ง ภีรภพนำพาเรือนร่างกำยำของตัวเอง มาถึงคอนโดหรูชั้นที่ห้าสิบห้าของตัวเอง ในเวลาเกือบทุ่มตรง เพียงสอดคีย์การ์ด ให้บานประตูกว้างเปิดออกเรียบร้อย ก็รีบแทรกกายแกร่งเข้าสู่ด้านใน ดวงตาอ่อนแสง กราดมองหาร่างอรชรโดยพลัน และก็ต้องแปลกใจเมื่อร้องเรียกเท่าไร ก็ไม่มีเสียงเล็กๆ ตอบรับให้ชื่นใจ อะไรบางอย่าง ผุดขึ้นจนม่านตาขยายกว้าง รีบสืบเท้าเร็วๆ วิ่งควานหาร่างเล็ก และต้องรีบถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นร่างอ้อนแอ้นหมอบราบอยู่กับพื้น อย่างน้อยเธอก็ยังอยู่ที่นี่ ไม่ได้หนีไปอย่างที่เขาเป็นกังวล ดังนั้นมุมปากหยักจึงกระตุกยิ้มนิดๆ แล้วรีบสืบเท้าไปใกล้ร่างบาง โน้มหน้าเข้าไปเรียกใกล้ๆ “ลูกหว้า...มานอนทำอะไรตรงนี้ฮึ!” ปลายนิ้วแกร่งลูบเบาๆ บนเรียวแขนขาวนวล “ตื่นเถอะลูกหว้า นี่ก็ค่ำแล้ว” เห็นคนตัวเล็กยังนอนนิ่ง ใบหน้าหล่อๆ ส่ายไปมาจนหัวสั่นหัวคลอน นึกระอาใจกับผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน จึงรีบช้อนร่างบางขึ้นอุ้มแนบอก สืบเท้าเร็วๆ ไปยังห้องนอนกว้าง วางร่างหอมกรุ่นลงบนเตียงสีขาวคิงไซซ์ด้วยแรงมือแผ่วเบา ชายหนุ่มจัดท่าจัดทางให้หญิงสาวได้นอนหลับสบาย รั้งผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงบริเวณอกอิ่ม รอยยิ้มอบอุ่นเคลื่อนประดับบนเสี้ยวหน้า ขณะที่ปลายนิ้วแข็งแรง เกลี่ยไรผมระตามกรอบหน้าออกให้อย่างนุ่มนวล นั่งมองคนตัวเล็กหลับใหลอย่างไม่คิดจะละไปทางไหน กระทั่งโทรศัพท์ในมือถือ มีข้อความเตือนจากเพื่อนตัวดีนั่นแหละ ร่างสูงถึงได้ผุดลุกขึ้นเต็มความสูง แล้วหายเงียบเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ เตรียมตัวสำหรับการไปโลดแล่นเป็นมนุษย์ค้างคาว ภีรภพ ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำร่วมครึ่งชั่วโมง ถึงได้ก้าวออกมาด้วยผ้าเช็ดตัวพันเอวสอบเอาไว้หมิ่นเหม่ ปลายเท้าหนักชะงักนิดหน่อย เมื่อร่างเล็กบนเตียงเริ่มมีปฏิกิริยาบางอย่าง ไม่นานเธอก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง และงัวเงียตื่นขึ้นมามองรอบตา ด้วยดวงตาปริบๆ “ชูวส์...อย่ากรีดร้องนะลูกหว้า” รีบเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เพราะเหลือบไปเห็นดวงตาของคนตัวเล็กเบิกกว้าง ตอนนี้จึงได้เห็นเจ้าหล่อนก้มหน้ามองเพียงตักเล็กเท่านั้น ชายหนุ่มจึงขยับนำพาเรือนร่างเกือบเปลือยไปใกล้ๆ หย่อนสะโพกลงนั่งข้างๆ แล้วคว้าเอามือนุ่มมาบีบเบาๆ ทันทีที่อีกฝ่ายเงยหน้ามองจึงกล่าวด้วยสุ้มเสียงเรียบๆ “คืนนี้ฉันจะไปทำธุระ อยู่ห้องดีๆ ล่ะ” “ค่ะ” ได้แต่พยักหน้ารับรู้ “ถ้าหิว ก็หาอะไรทานในตู้เย็นนะ คงพอมีอะไรให้ทานบ้าง หรือไม่ก็โทรสั่งก็ได้” พูดพลางโน้มตัวไปหยิบกระเป๋าสตางค์ เลือกบัตรเครดิตกับเงินสดปึกใหญ่ยื่นให้ แต่ในเมื่อสลิลลาไม่ยอมรับไป จึงได้แต่วางไว้บนเตียง ก่อนจะถอยห่าง แล้วก้าวอาดๆ เดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัว ปล่อยให้ร่างบอบบางนั่งตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น สลิลลาเงยหน้าขึ้นจากตักเล็กของตัวเอง ก็พอดีกับร่างสูงเดินออกไปจากห้อง หางตาชื้นฉ่ำ ปรายไปมองบัตรและเงินที่คนตัวโตทิ้งไว้ ด้วยอาการหน้าร้อนผ่าว ก้อนสะอื้นวิ่งขึ้นมาจุกจนถึงลิ้นปี่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD