ตอนที่ 5 ไม่ถูกชะตา

2103 Words
หลังจากอลิษาแต่งหน้าให้ขุนพลเสร็จ ก็ขอคุยกับกษิณเรื่องที่พรปวีณ์ไม่ขอจูบจริง โดยพาเขาไปนั่งคุยที่ด้านนอก “อะไรนะ น้องพอลลี่เคยจูบจริงในเอ็มวีมาแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมเพิ่งจะมาขอใช้มุมกล้องตอนที่ต้องแสดงกับขุน” กษิณถามขึ้นมา “ใจเย็นๆ ก่อนสิคะพี่กบ” อลิษาพูดเสียงหวาน แตะหลังมือเขาให้ใจเย็นลง “คือน้องพอลลี่เคยจูบจริงในเอ็มวีก็จริง แต่แค่จุ๊บๆ ที่มุมปาก แต่ว่าการแสดงละครกับพี่ขุน พี่กบก็รู้นี่คะว่าผู้จัดและผู้กำกับชอบให้พี่ขุนเขาจูบแบบไหน แบบนี้น้องของอลิสก็เลยกลัวขึ้นมา พูดง่ายๆ ก็คือน้องยังไม่เคยจูบแบบดูดดื่มมาก่อน” “แต่ว่าทางผู้ใหญ่เขาก็ระบุชัดว่าคาแรกเตอร์ของพระเอกคือต้องจูบดุทั้งเรื่อง แล้วเขาก็เลือกขุนเพราะว่าภาพลักษณ์ของขุนมันมาในด้านนี้ไง ถ้าเรื่องนี้ใช้มุมกล้องพี่ว่าคนดูไม่โอเคแน่นอน” เขาพูดอย่างจริงจัง ถึงแม้จะใจสั่นที่โดนอลิษาแตะหลังมือก็ตาม “งั้นพี่กบลองพูดกับพี่ภพก่อนได้หรือเปล่าคะ” เธอถามเขาแล้วมองด้วยสายตาที่ดูกังวล จนกษิณนั้นอดสงสารเธอไม่ได้ ที่เจอว่าที่นางเอกเรื่องมากอย่างพรปวีณ์ให้มาพูดเรื่องไม่อยากจูบจริงแบบนี้ “เดี๋ยวที่จะพูดกับขุนและพี่ภพให้ก็แล้วกัน” “ขอบคุณนะคะ” อลิษาบอกแล้วจับมือของกษิณมาเขย่าด้วยความดีใจ ทำเอาเขากลั้นยิ้มไว้แทบไม่อยู่ “งั้นอลิสขอไปดูพอลลี่ก่อนนะคะ” เธอพูดเสียงหวานแล้วเดินกลับเข้าไป กษิณยิ้มออกมา เขาไม่ใช่เกย์ เขาเป็นผู้ชายทั้งแท่งและเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอด แต่เขากลับรู้สึกชอบอลิษาทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอเป็นสาวประเภทสอง แต่สำหรับเขาแล้วอลิษาคือผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงที่ทั้งสวยและทำงานเก่ง เขาหุบยิ้มแทบไม่ลง ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะชื่นชอบอลิษาได้มากขนาดนี้ โดยเฉพาะช่วงสองปีหลังๆ มาที่เจอกันบ่อย เพราะเธอมักจะถูกเลือกให้มาเป็นช่างแต่งหน้าหลักของกองถ่ายที่ขุนพลแสดงอยู่เสมอ ********************* “อะไรนะ ไม่อยากจูบจริง คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมาจากไหนกัน” ขุนพลพูดออกมาขณะที่อยู่ตามลำพังสองคนกับกษิณ อีกไม่กี่นาทีเขาต้องออกไปถ่ายรูปกับพรปวีณ์แล้ว พอมาได้ยินแบบนี้ก็อดแสดงความไม่พอใจไม่ได้ “อืม แต่พี่บอกอลิสไปแล้วว่าคงไม่ได้ เลยจะลองคุยกับขุนว่าถ้ามุมกล้องไม่ได้ จูบแตะๆ ริมฝีปากเอาก็พอ” กษิณบอก “ไม่ใช่ว่าผมอยากจูบกับผู้หญิงนะพี่กบ เมื่อก่อนตอนเข้าวงการใหม่ๆ ผมก็โดนคนที่เข้าฉากด้วยนอกบทจูบแลกลิ้นผมซะนัวเชียวทั้งๆ ที่ผมเองก็ไม่ได้ชอบใจเลยด้วยซ้ำ เล่นกี่เรื่องๆ ผมก็ถูกขอให้จูบจริงมาตลอดจนมันกลายเป็นจุดขายของผม อยู่ๆ มาวันหนึ่งมีดาราหน้าใหม่บอกว่าไม่ขอจูบจริงกับผมเนี่ยนะ ผมขุนพลนะพี่กบ พระเอกลิ้นสว่านในตำนาน มันจะดูถูกผมไปแล้วนะพี่กบ ผมเริ่มไม่ถูกชะตากับนางเอกของผมแล้วนะ” ขุนพลพูดออกมาด้วยความโมโห ไม่เคยมีนักแสดงสาวๆ คนไหนปฏิเสธจูบจากเขาเลยสักคน แต่พรปวีณ์กลับไม่อยากจูบกับเขา “รับปากไปก่อนเถอะ น้องยังใหม่อยู่ เขายังไม่เคยจูบแบบนั้นเลย เอาเป็นว่าครั้งนี้พี่ขอก็แล้วกัน” กษิณบอก ขุนพลเลยต้องรับปากอย่างเสียไม่ได้ พลางอยากเห็นหน้าว่าที่นางเอกของเขานักว่าจะสวยขนาดไหนถึงได้กล้าเล่นตัวปฏิเสธจูบจากเขาแบบนี้ ในขณะเดียวกันที่ห้องแต่งตัวอีกห้องพรปวีณ์ก็นั่งหน้ามุ่ย เมื่อพี่สาวบอกว่าเรื่องนี้ต้องอาจต้องจูบจริง แต่ว่ากษิณจะขอให้ขุนพลจูบแค่ริมฝีปากเท่านั้น ไม่ได้จูบดูดดื่มอย่างที่เขาเคยทำกับนักแสดงคนอื่น “มืออาชีพหน่อยสิพอลลี่ อย่าทำหน้าอย่างนั้น นี่แค่เริ่มต้นนะ ต่อไปพอลลี่ต้องเจออะไรอีกหลายๆ อย่างที่ตัวเองไม่พอใจ แต่ต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้ และยิ้มรับมันเท่านั้น” “ค่ะ พี่อลิส” พรปวีณ์รับปาก ก่อนจะเตรียมตัวเดินออกไปนอกห้องแต่งตัวเพื่อเริ่มถ่ายรูปร่วมกับนักแสดงคนอื่นๆ พอขุนพลกับพรปวีณ์เจอหน้ากันก็เริ่มมองเขม่นอีกฝ่ายทันที ขุนพลยอมรับว่าพรปวีณ์สวย แต่ว่าเขาไม่ชอบที่เธอนั้นปฏิเสธจูบจากเขา คิดว่าเธอนั้นหยิ่งและแกล้งเรื่องมากเพื่อทำให้ตัวเองดูแพง ส่วนพรปวีณ์นั้นยอมรับว่าในใจลึกๆ นั้นก็ยังชื่นชอบขุนพลอยู่ แต่เธอไม่ชอบคำพูดดูถูกคนจากภายนอก คำพูดที่เขาด่าเธอวันนั้นมันแรงเกิดไป ทั้งด่ารูปร่างหน้าตา และกล่าวหาว่าเธอเป็นโรคจิต นักแสดงบางส่วนไหว้ทักทายกันในห้องแต่งตัวแล้ว บางส่วนก็เพิ่งมาทักทายกันตอนนี้ รวมถึงพรปวีณ์ที่จำใจต้องไหว้ขุนพลเพราะเธออายุน้อยกว่าเขา ขุนพลรับไหว้แล้วต่างคนต่างยิ้มแบบปลอมๆ ให้แก่กัน ตากล้องให้ทั้งพระนางถ่ายรูปคู่ร่วมกัน ทั้งสองเดินไปตรงจุดที่กำหนดแล้วยืนหันหน้าเข้าหากัน ทีมงานเดินมาจัดท่าให้ทั้งคู่ให้ขยับมาชิดกันแล้วจัดท่าให้พรปวีณ์เอามือเกาะไหล่เขาไว้ และให้ขุนพลโอบเอวเธอเอาไว้หันหน้าไปที่กล้อง “ยินดีที่ได้ร่วมงานนะครับ น้องพอลลี่” ขุนพลกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของเธอ “ค่ะ” เธอตอบสั้นๆ สายตามองไปยังกล้อง “หวังว่าเราคงร่วมงานกันได้อย่าง ‘ลื่นไหล’ นะครับ” เขาบอกเป็นนัยว่าฉากเลิฟซีนต้องลื่นไหลตามบทที่ได้รับ “พี่ขุนจะบอกว่า ‘ราบรื่น’ หรือเปล่าคะ” เธอปรายตามองเขาขณะที่ทีมงานมาจัดท่าให้ทั้งสองคนใหม่ ขุนพลเลิกคิ้วสูง คิดว่าคนตรงหน้านี่จงใจท้าทายเขาอย่างแน่นอน และเขาจะทำให้เด็กใหม่นั้นรู้ว่าวงการบันเทิงไม่ใช่สนามเด็กเล่น เธอยังอ่อนประสบการณ์อยู่มากและไม่รู้ว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง เขาต้องสอนบทเรียนให้กับสาวสวยตรงหน้านี้ให้ได้ ********************* หลังจากลองชุดและถ่ายรูปเสร็จแล้ว กษิณก็ถือโอกาสนี้ชวนอลิษาและพรปวีณ์เพื่อไปร่วมทานอาหารเย็นร่วมกัน เพื่อพูดคุยและสร้างความสนิทสนมก่อนที่จะร่วมงานกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ตอนแรกอลิษาจะปฏิเสธเพราะว่าพรปวีณ์ไม่ยอม แต่ว่ากษิณบอกว่าควรละลายพฤติกรรมกันก่อนร่วมงานจะดีที่สุด อลิษาเลยต้องเกลี้ยกล่อมให้พรปวีณ์ยอมไป โดยอ้างสปิริตของนักแสดง ทั้งคู่ไปถึงร้านอาหารตามที่กษิณแนะนำก่อนจะเดินลงจากรถเพื่อเข้าไปยังห้องรับรองบนชั้นสองที่มีความเป็นส่วนตัว พรปวีณ์เดินไปนั่งตรงข้ามกับขุนพล ในขณะที่อลิษานั่งตรงข้ามกษิณ แล้วเธอสังเกตว่าขุนพลนั้นไม่ได้สนใจเธอและพี่สาวเลย เอาแต่ก้มหน้าดูโทรศัพท์ “พี่ยังไม่สั่งอาหารนะ ไม่รู้ว่าอลิสกับพอลลี่ทานอะไรได้บ้าง” กษิณบอก “อลิสกับพอลลี่ทานได้ทุกอย่างค่ะ” อลิษารับเมนูจากเขามาเลือก “งั้นอลิสขอผัดฉ่าปลานิลทอด ทอดมันกุ้ง แล้วก็เครื่องดื่มขอเป็นน้ำเปล่านะคะ” อลิษาบอกกษิณแล้วยื่นเมนูคืน เขารับมาแล้วสั่งกับข้าวเพิ่มอีกสองอย่าง แล้วคืนเมนูให้บริกรไป ขุนพลเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์แล้วทองหน้าของพรปวีณ์ที่ตอนนี้เธอนั้นกำลังเปิดดูโทรศัพท์อยู่เช่นกัน “ดีจังเลยนะครับ ที่น้องพอลลี่ยอมรับตรงๆ ว่าทำศัลยกรรม ตอนนี้นักข่าวหลายสำนักก็ชื่นชมมาก รวมถึงกลุ่มแฟนคลับและผู้ติดตามที่มากขึ้นทุกๆ วันแบบนี้” ขุนพลกำลังพูดเหมือนว่าชื่นชมพรปวีณ์อยู่แต่ว่าต่างคนต่างรู้ดีว่าเขากำลังเหน็บแนมเธออยู่เรื่องศัลยกรรม “ก็ความจริงนี่ค่ะ คนสมัยนี้ชอบมองคนที่ภายนอก ถ้าพอลลี่ไม่ทำจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นนางเอกแบบนี้หรือคะ แล้วอีกอย่างคนที่เขาชื่นชอบพอลลี่ส่วนมากก็เป็นคนที่เปิดใจรับฟังความจริงที่พอลลี่พูด ไม่ใจคอคับแคบเหมือนใครบางคนไงคะ” เธอจ้องหน้าเขาอย่างท้าทาย “นี่คุณว่าใครใจคอคับแคบ” “พอลลี่แค่ว่าคนที่ไม่ยอมเปิดใจรับฟังสิ่งที่คนอื่นพูด มองคนอื่นแค่ภายนอกไงคะ แต่พี่ขุนคงไม่เป็นหนึ่งในนั้น ใช่ไหมล่ะคะ” เธอเอียงคอยิ้มให้เขา ขุนพลเหมือนถูกแทงใจดำเขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อสี่ปีที่แล้วขึ้นมาทันที กษิณและอลิษาจึงรีบปรามทั้งสองคนก่อนที่จะทะเลาะกันบานปลายไปกว่านี้ “ขุนพลเขานั่งค้นหาประวัติพอลลี่ทั้งวันเลย เขาชอบศึกษาคนที่จะมาทำงานด้วยกันเสมอ เรียกว่าทำการบ้านมาดีทีเดียว ใช่ไหมขุน” กษิณบอกเพื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้น “ครับ พี่นี่พยายามค้นหาประวัติของพอลลี่อยู่ตั้งแต่นั่งรถมาที่ร้านแล้ว แต่ส่วนมากรู้เท่าที่มีแฟนคลับหาข้อมูลมาไว้แล้ว พี่อยากให้พอลลี่พูดถึงตัวเองในมุมที่ยังไม่มีใครรู้จัก เราจะได้ทำงานกันง่ายขึ้นไงล่ะครับ” ขุนพลเปลี่ยนท่าทีเป็นพูดจาสุภาพขึ้น เพราะกษิณนั้นสะกิดที่ขาของเขา เลยต้องพยายามวางตัวให้เหมาะสม หลังจากหลุดหัวเสียกับดาราหน้าใหม่ที่ท้าทายเขาอยู่ตอนนี้ “พี่ขุนนี่ทำการบ้านมาดีนะคะ” อลิษาชมเขา “แล้วที่พี่ขุนทำการบ้านมา รู้อะไรบ้างล่ะคะ” พรปวีณ์ถามเขาด้วยน้ำเสียงที่น่าฟัง เหมือนจะบอกเขาเป็นนัยๆ ว่าดีมาก็ดีกลับ “พอลลี่เกิดในราศีสิงห์ ชอบสีฟ้า อาหารที่ชอบคืออาหารเวียดนาม ชอบทานผัก และชอบการออกกำลังกาย” ขุนพลบอกเธอ “ข้อมูลจากแฟนคลับของพอลลี่นี่ใกล้เคียงมากเลยนะคะ แต่ว่าผิดเกือบทั้งหมด พอลลี่เกิดต้นเดือนสิงหาก็จริงแต่อยู่ในราศีกรกฏ อาหารเวียดนามทานเพราะมีผักเยอะช่วยในการลดน้ำหนักแต่ไม่ได้ชอบ ออกกำลังกายก็เพื่อรักษารูปร่าง แล้วจริงๆ พอลลี่ทานอาหารได้ทุกอย่างนะคะ ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษ สีก็เหมือนกัน ไม่มีสีโปรด แต่...” พรปวีณ์หยุดพูดแล้วมองหน้าเขา “แต่ว่าพูดถึงเรื่องชอบเนี่ย พี่ขุนไม่ต้องรู้หรอกค่ะ เอาเป็นว่ารู้ในสิ่งที่พอลลี่ไม่ชอบดีกว่า” พรปวีณ์บอก “แล้วอะไรล่ะครับ ที่พอลลี่ไม่ชอบ” ขุนพลถาม “พอลลี่ไม่ชอบทานอาหารทุกอย่างที่เป็นเส้น โดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยวน้ำตกเส้นเล็ก พอลลี่ไม่ชอบดูฟุตบอล พอลลี่ไม่ชอบสีเทา และพอลลี่เกลียดที่สุดคือคนที่ชอบเอาปมด้อยของคนอื่นมาพูด ชอบใส่ร้ายคนอื่น ยัดเยียดความผิดทั้งๆ ที่คนๆ นั้นกำลังช่วยเหลือเขาอยู่ เพราะมันเหมือนกับการทำบุญบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาป” พรปวีณ์พูดแล้วมองหน้าเขายิ้มๆ ขุนพลอึ้งไปเมื่อได้ยินประโยคนั้นออกมาจากปากเธอ ‘ทำบุญบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาป’ มันเป็นคำพูดของแฟนคลับคนนั้น ที่เธอเคยต่อว่าเขาก่อนที่จะเดินจากไป อีกทั้งสิ่งที่พรปวีณ์บอกว่าไม่ชอบ มันคือสิ่งที่เขาชอบทุกอย่าง ไม่รู้ว่ามันบังเอิญหรือว่าพรปวีณ์ไปรู้เรื่องอะไรมากันแน่ แต่ที่แน่ๆ ขุนพลมั่นใจว่าเธอจงใจเปิดศึกกับเขา *********************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD