ตอนที่ 1 พระเอกในดวงใจ
พรปวีณ์ สาวน้อยวัยสิบแปดปี กำลังใช้เวลาในช่วงปิดเทอมเปิดดูผลงานของขุนพลพระเอกหนุ่มหน้าใหม่ของวงการอยู่อย่างมีความสุข
เธอกดดูละครที่เขาแสดงย้อนหลังกลับไปกลับมาจนจบไปถึงสามรอบด้วยความชื่นชอบและคลั่งไคล้ในรูปร่างหน้าตาของเขา ตาคมๆ และรอยยิ้มที่ดูร้ายๆ
เวลาแกล้งนางเอกนั้นมันทำให้พรปวีณ์นั่งจิกหมอนด้วยความสุข แววตาของเขาเวลามันสื่ออารมณ์ออกมาทำเอาคนดูนอกจอนั้นแทบละลาย และจินตนาการว่าตัวเองเป็นนางเอกในจอไปแล้วเรียบร้อย
พิไลเดินยกของว่างมาวางให้พรปวีณ์ที่กำลังนั่งดูผลงานของขุนพลอยู่แล้วตีต้นแขนลูกสาวเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้
“โอ๊ย แม่ พรเจ็บ” พรปวีณ์ร้องบอกแล้วลูบต้นแขนทำหน้ามุ่ยใส่มารดา
“ทั้งวันมีแต่กิน นอน แล้วก็เล่นโทรศัพท์ ดูผู้ชาย ไร้สาระจริงๆ ลูกสาวฉัน แทนที่จะเอาเวลาไปออกกำลังกาย ดูแลตัวเองให้ดูดี อีกไม่กี่เดือนก็จะไปเรียนที่กรุงเทพแล้ว จะได้น่าดูกว่านี้” พิไลบ่นให้ลูกสาวทีเล่นทีจริง
“ก็แม่ทำกับข้าวอร่อย พรเลยต้องหุ่นแบบนี้ไง แล้วพรไปเรียนนะแม่ไม่ได้ไปหาผู้ชาย ทำไมต้องทำตัวให้ผอม ให้สวยด้วย” พรปวีณ์บอกมารดาแล้วหยิบของว่างมาทานแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เมื่อได้ทานของโปรดตรงหน้า
“ผิวก็หยาบ หุ่นก็อวบระยะสุดท้าย หน้าก็บาน ถึงตั้งใจจะหาก็หาไม่ได้หรอกค่ะแม่” อลิษา หรือชื่อเดิมคือพลเชษฐ์ พี่ชายในร่างพี่สาวของพรปวีณ์พูดขึ้นแล้วเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น
“พี่พล” พรปวีณ์ร้องเรียกชื่อเขาแล้ววิ่งไปกอดเธอ
“ตบปาก นังน้องชั่ว” อลิษาแกล้งร้องออกมาเสียงแหลม
“พี่อลิส” พรปวีณ์รีบพูดเอาใจพี่สาว พิไลยิ้มแล้วเดินไปกอดลูกคนโตที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านด้วยความดีใจ
“ไหนบอกแม่ว่าเดือนนี้กลับไม่ได้ไงลูก” พิไลถามลูกชายที่ตอนนี้กลายเป็นลูกสาวไปแล้ว
“พอดีว่าหาคนมาทำงานแทนได้แล้วค่ะแม่” อลิษาบอก
“แล้วที่พรขอ พี่อลิสหาให้ได้หรือเปล่าคะ” พรปวีณ์ถามอย่างตื่นเต้น
“รูปพร้อมลายเซ็นของพี่ขุนพล พร้อมคำอวยพรวันเกิดของหล่อนใช่ไหม” อลิษาถามแล้วยิ้มให้น้องสาวผู้ตุ้ยนุ้ยน่ารักด้วยความเอ็นดู
“ค่ะ ได้มาไหมคะ” พรปวีณ์ถาม เธอเชื่อว่าอลิษาที่ทำงานในวงการบันเทิง ต้องมีความสามารถในการหารูปและลายเซ็นพร้อมคำอวยพรของขุนพลมาให้เธอได้อย่างแน่นอน
“ไม่ได้จ้ะ” อลิษาบอก พรปวีณ์หน้าสลดลงทันที
“แต่พี่ได้นี่มาแทน สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้าจ๊ะ น้องรัก” อลิษาบอกแล้วยื่นซองสีน้ำเงินเข้มให้กับน้องสาว
พรปวีณ์เปิดดูการ์ดที่อยู่ด้านในแล้วร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้นและดีใจสุดขีด วิ่งไปกอดพิไลแล้ววิ่งกลับมากอดอลิษาไว้ ดีใจจนร้องไห้ออกมา อลิษากับพิไลมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กับความบ้าดาราของพรปวีณ์
“ขอบคุณค่ะพี่อลิส ขอบคุณมากๆ เลย” พรปวีณ์บอก มองการ์ดเชิญไปงานมีตติ้งส่วนตัวของขุนพลที่เลือกแฟนคลับไปร่วมงานแค่สิบคนเท่านั้น มันเป็นสิ่งที่พรปวีณ์ไม่คิดว่าเธอจะได้รับมัน เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอกำลังจะได้เจอขุนพลตัวเป็นๆ เป็นผู้โชคดีแค่หนึ่งในสิบที่จะได้รับโอกาสสุดพิเศษแบบนี้
*********************
พรปวีณ์ถือโอกาสนี้เดินทางไปพักอยู่กับอลิษาที่บ้านพักของเธอที่กรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมตัวเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในอีกสองเดือนข้างหน้านี้และเพื่อไปงานมีตติ้งกับขุนพลที่กำลังจะจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้านี้
สองพี่น้องไหว้ลาพิไลกับเชษฐา ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของทั้งคู่ก่อนที่อลิษาจะพาพรปวีณ์เดินไปขึ้นรถแล้วขับพาเดินทางไป
ระหว่างทางพรปวีณ์ก็เอาแต่เปิดดูผลงานละครของขุนพลไม่หยุด เธอชื่นชอบและคลั่งไคล้เขามาก รู้ประวัติและผลงานของเขา ท่องได้แม้กระทั่งว่าเขาเกิดวันที่เท่าไร เรียนอนุบาลที่ไหน เรียนต่อชั้นอะไรที่ไหนเมื่อไร และจบปริญญาตรีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ด้วยเกรดเฉลี่ยเท่าไร อาหารที่ชอบและไม่ชอบคืออะไร ชอบสีไหน ชอบไปเที่ยวที่ไหน แนวเพลงโปรดคืออะไร เรียกได้ว่าเป็นแฟนคลับตัวยงที่เรื่องของขุนพลทุกเรื่องที่มีสื่อนำเสนอ
“พี่อลิส พรไม่มีชุดใส่ไปงานมีตติ้งเลย พี่พาพรไปซื้อชุดใหม่หน่อยนะ” พรปวีณ์อ้อนพี่สาว
“จ้า ฉันไม่ให้น้องสาวฉันขายหน้าหรอก” อลิษาบอกแล้วยิ้มขำให้กับความบ้าดาราของน้องสาว
อลิษาเรียนจบแค่ระดับมัธยมปลาย แต่ว่าเธอเรียนเสริมสวยและแต่งหน้าในหลักสูตรสั้นๆ แล้วก็ทำงานเป็นผู้ช่วยช่างแต่งหน้าในกองถ่ายจน ใช้เวลาแค่สองปีในการสร้างผลงานจนพัฒนาฝีมือมาเป็นช่างแต่งหน้าหลักในที่สุด
ดาราระดับพระนางส่วนใหญ่ก็เรียกใช้งานอลิษาทั้งนั้น เธอจึงสามารถได้บัตรเชิญงานมีตติ้งของขุนพลมาอย่างง่ายดาย
“แล้วพี่อลิสจะแต่งหน้าให้พรด้วยใช่ไหมคะ” พรปวีณ์ถามอย่างตื่นเต้น
“อือ แล้วมาเมืองกรุงก็เลิกเรียกตัวเองว่าพรได้แล้ว เดี๋ยวพี่จะเปลี่ยนชื่อเล่นให้ใหม่ เอาแบบแจ่มๆ ไปเลย” อลิษาบอก
“ไม่เอาอะ พรอยากใช้ชื่อนี้แหละ” พรปวีณ์ยืนยัน อลิษาเลยไม่ขัด เธอรักน้องสาวของเธอมาก เหมือนอารมณ์พี่ชายที่ทั้งรักทั้งหวงน้องสาวอะไรประมาณนั้น
พอไปถึงอะพาร์ตเมนต์ของอลิษา พรปวีณ์ก็ทำตาโต ไม่อยากเชื่อว่าพี่สาวของเธอจะสร้างเนื้อสร้างตัวจนมีเงินเช่าห้องขนาดใหญ่ขนาดนี้ในวัยเพียงยี่สิบสองปีเท่านั้น
“ห้องใหญ่มากเลยพี่อลิส” พรปวีณ์บอกแล้วเดินสำรวจไปรอบๆ ห้องพักที่มีห้องนอนสองห้อง ห้องครัวและห้องรับแขกอยู่กลางห้อง และห้องน้ำรวมหนึ่งห้อง
“ตอนแรกก็เช่าห้องเล็กๆ อยู่ แต่ว่าพี่รู้ไงว่าพรต้องขึ้นมาเรียนกรุงเทพในสักวัน ก็เลยตัดสินใจย้ายมาเช่าห้องนี้เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง เป็นไงชอบหรือเปล่า” อลิษาถาม
“ชอบค่ะ ขอบคุณมากนะคะ พี่พลน่ารักที่สุดในโลกเลย” พรปวีณ์แกล้งเรียกชื่อเดิมของเธอ
“เดี๋ยวเหอะยัยเด็กอ้วน” อลิษาพูดแล้วตรงไปใช้นิ้วจั๊กจี้ตรงเอวหนาๆ ของน้องสาว จนพรปวีณ์หัวเราะไปยกมือไหว้ไป
“ยอมแล้วพี่อลิส พรไม่พูดอีกแล้ว” พรปวีณ์บอกเสียงสั่น
“ฉันเฉาะมาเป็นปีแล้วนะ ตอนนี้ฉันเหมือนหล่อนทุกอย่างยกเว้นคำนำหน้าตามบัตรประชาชนแค่นั้นแหละย่ะ” อลิษาบอก แล้วยีผมพรปวีณ์เล่น
เธอเริ่มทำศัลยกรรมทีละนิด กลับมาเยี่ยมบ้านทุกครั้งก็มีพัฒนาการความสวยเพิ่มขึ้นทุกครั้ง ดีที่เชษฐากับพิไลเป็นพ่อแม่ที่เปิดใจ ไม่เคยบังคับให้อลิษาต้องกลับใจเป็นชาย และสนับสนุนให้เธอทำในสิ่งที่ตนเองรักแทน
“พี่อลิสของพรทั้งสวยทั้งเก่งที่สุดในโลกเลย” พรปวีณ์บอก อลิษายิ้มอย่างหมั่นไส้ที่น้องสาวนั้นทำเป็นปากหวานเอาใจเธอ
*********************
ขุนพล ชายหนุ่มหน้าตาดีวัยยี่สิบห้าปี เขาเรียนจบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์มายังไม่ได้ทันเริ่มทำงานตามที่เรียนมาก็ผันตัวมาเป็นนักแสดงเสียก่อน พอรู้ว่าทำได้ดีในด้านนี้ขุนพลก็เลยยึดอาชีพนักแสดงทันที และมีช่วยงานที่บริษัทของลูกพี่ลูกน้องบ้างในบางครั้งพอไม่ให้ลืมวิชา
เขาใช้หน้าตาและฝีมือในการแสดงบทบาทต่างๆ ขุนพลเลยต้องบำรุงผิวพรรณและหุ่นของเขาให้ดูดีอยู่เสมอ เพื่อทำให้สามารถโลดแล่นอยู่ในวงการต่อไปได้อีกนานๆ รวมถึงการทำตัวดีและเป็นกันเองกับบรรดาแฟนคลับของเขา เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนที่ดีต่อไปในอนาคต
ขุนพลใช้เวลาทุ่มเทกับการแสดงและเป็นลูกรักของผู้อำนวยการสร้างหลายๆ คน จึงมักถูกให้รับบทพระเอกในละครฟอร์มยักษ์อยู่เสมอ ผู้กำกับและทีมงานทุกคนในกองถ่ายก็รักและเอ็นดูในความอ่อนน้อมถ่อมตนของเขา และความทุ่มเทของเขาที่เต็มที่กับงานเสมอ
แต่ขุนพลมีชื่อเสียงไม่ดีนักเรื่องของผู้หญิง ไม่ใช่ว่าเขาเจ้าชู้หรือว่าเขาจีบผู้หญิงไม่เลือก แต่เป็นเพราะตอนเข้าวงการใหม่ๆ นักแสดงหญิงสาวหลายๆ คนที่ร่วมแสดงบทเลิฟซีนกับเขา
ส่วนมากพวกเธอจะจูบจริงทั้งที่ซ้อมมุมกล้องมาแล้ว ถึงขุนพลเองก็ไม่ชอบใจนักเพราะรู้ว่าพวกเธอจงใจจะยั่วยวนให้ท่าเขาทางอ้อม แต่เมื่อเรตติ้งละครออกมาดี ผู้อำนวยการสร้างก็ต้องขอให้เขานั้นเล่นแต่บทจูบจริง เลยทำให้เขาได้รับฉายาว่า ‘พระเอกลิ้นสว่าน’ และพอมีละครเรื่องไหนที่มีฉากจูบจริง เขาก็มักจะถูกจับจ้องจากนักข่าวอยู่เสมอ
“ปิดกล้องคราวนี้ผมขอพักก่อนสักอาทิตย์นะพี่กบ” ขุนพลบอกผู้จัดการส่วนตัวของเขา
“ยังเหลืองานมีตติ้งในอีกสองวันนี้อยู่นะ ช่วงบ่ายเป็นการจัดงานรวมแฟนคลับของขุนทั้งหมด และงานตอนค่ำเป็นงานที่คัดเฉพาะแฟนคลับผู้โชคดีสิบคน เพื่อไปทานอาหารเย็นร่วมกัน เสร็จงานแล้วพี่ให้พักต่ออีกห้าวัน แล้ววันจันทร์หน้าค่อยทำงาน พี่รับงานไว้แล้ว คราวนี้คิวยาวสามเดือนติดกันเลย” กษิณบอกขุนพล เขารับหน้าที่จัดการเรื่องตารางงานของขุนพลตั้งแต่เข้าวงการใหม่ๆ แล้ว และเอ็นดูขุนพลเหมือนน้องชายแท้ๆ ของเขา
ตอนนั้นกษิณเป็นแค่ผู้ช่วยผู้จัดการดาราคนหนึ่งซึ่งชอบกดขี่และใช้งานเขาหนักแต่กวาดเปอร์เซ็นต์ค่าจ้างไปแค่คนเดียว ผู้จัดการดาราคนนั้นรับนักแสดงใหม่มาดูแลพร้อมกันสองคน
หนึ่งในนั้นคือขุนพลที่ให้กษิณช่วยดูแล ตอนนั้นขุนพลยังไม่มีผลงาน ผู้จัดการดาราคนนั้นก็ดูถูกขุนพลว่าจะไม่มีทางดังและไปดันคนอื่นแทน ฉีกสัญญาของขุนพลทิ้ง ทำให้กษิณลาออกแล้วตามมาดูแลขุนพลจนถึงทุกวันนี้และช่วยกันจนมาถึงจุดนี้ได้ในที่สุด
“งั้นพรุ่งนี้ผมขอนอนตื่นสายสักวันนะครับพี่กบ” ขุนพลบอกเขา
“อืม ตามสบายเลย” กษิณบอกแล้วทำหน้าที่คนขับรถให้ขุนพลเพื่อพาเขากลับไปยังห้องพัก เพื่อจบภารกิจในวันนั้น
*********************