“ขอบคุณครับ” ณภกรณ์กล่าวอย่างมีหวัง แล้วเดินออกจากช่องนั้น ไปยังช่องถัดไป ทุกช่องที่เขาถามไม่มีใครเคยเห็นภัศสร ความหงุดหงิด ที่เต็มไปด้วยความห่วงใยเกือบทำให้เขาหมดหวัง เมื่อช่องขายตั๋วที่กลับไปยังบ้านเกิดหล่อนเองก็ไร้เงา
“เอ่อ... ขอโทษนะครับ เห็นผู้หญิงคนนี้มาซื้อตั๋วช่องนี้มั้ยครับ” พนักงานหญิงก้มมองมือถือที่ยื่นมาตรงหน้า คิ้วเรียวขมวดมุ่น ณภกรณ์ใจเต้นแรงรอลุ้นคำตอบ โดยสายตาคมเข้มจับจ้องใบหน้าพนักงานตรงหน้า รอความหวัง เพราะคิดว่าหากสอบถามช่องนี้ไม่ได้ความคงเป็นที่สุดท้าย และจำเป็นต้องโทร.ให้คนที่บ้านทราบ รวมถึงพี่ชายภัศสรด้วย
“เอ่อ เธอชื่อภัศสรใช่มั้ยคะ” เสียงหวานนุ่มเอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ ว่าหญิงสาวสวยสะดุดตาก่อนหน้านั้น ได้ลงชื่อนี้ไว้ ก่อนที่เธอยื่นบัตรใบสุดท้ายให้ ในรอบที่เพิ่งปล่อยรอบออกไปไม่ถึงสิบห้านาที
“ชะใช่ครับ คุณเห็นเธอหรือครับ” น้ำเสียงตื่นเต้นระคนคาดไม่ถึงเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ พนักนักงานยิ้มเจื่อนๆ และตอบกลับไป
“รถเที่ยวที่เธอขึ้นไป ออกไปเกือบสิบห้านาทีแล้วค่ะ” ณภกรณ์ยืดตัวเต็มความสูง พร้อมถอนหายใจ เก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง มองหน้ากระจกสี่เหลี่ยมที่มีตัวหนังสือระบุอยู่ สายตาคมเข้มเจือแววฉงน
ภูเก็ต...!
ประตูรถสปอร์ตเปิดออกพร้อมกับร่างหนาแทรกตัวเข้าไปนั่งประจำที่ โดยใบหน้าคมเข้มยังคงตึงเครียด ก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาจดจ้อง ลังเล แล้วตัดสินใจกดโทร.ออกอีกครั้ง
“ว่าไง?” ปลายสายกรอกเสียงเข้ามาแบบไม่ถามไถ่ว่าเป็นใครโทร.ไป
“รบกวนหน่อยสิ”
“ได้ ว่ามา”
“นายมีญาติที่ภูเก็ตหรือเปล่า” ปลายสายเงียบไป ณภกรณ์รอลุ้น พร้อมคิดหาคำพูดให้ตัวเอง ดูดีที่สุดเอาไว้
“ไม่มีนิ แต่หากนายต้องการหาที่พัก เพื่อพายายสรไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ละก็…”
ด้วยความดีใจ จึงไม่นึกไปเรื่องอื่น อีกทั้งลืมไปว่าเพื่อนตนได้ไปเปิดโรงแรมอยู่ที่นั้นเหมือนกัน “ฉันแนะนำให้นาย ถามน้องสร เพราะรู้สึกว่ายายสร จะมีเพื่อนสนิทที่มีพ่อไปเปิดโรงแรมอยู่ที่นั่น เห็นบอกว่าหรูซะด้วย” คำตอบออกในแนวชื่นชมปลายสาย ทำให้ริมฝีปากหนาบิดเบะ กระหยิ่มสมความตั้งใจ แต่ไม่พอแค่นั้น
“เหรอ เอ่อคือ ฉันอยากให้เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์นายพอจะบอกได้มั้ย ว่าโรงแรมนั้นมีชื่อว่าอะไร” คนปลายสายยกมือถือที่แนบหูออกมามอง ไม่อยากเชื่อ ก่อนจะแนบกลับไปจุดเดิมและเอ่ยขึ้น
“พันวา กริชรีสอร์ท... เอ่อ ประมาณนี้แหละ หรือทางที่ดี นายลองเข้าไปถามอากู๋ดูนะ เพื่อความแน่ใจ” ว่าที่พี่เขยแนะนำตามที่รู้กัน
“โอเค ขอบใจมากเพื่อน” ณภกรณ์ตัดสายทันที โดยไม่รู้หรอกว่า คนปลายสายได้แต่อ้าปากค้าง สบถด่าตามหลังอย่างหัวเสียเมื่อตนเองมีความประสงค์จะคุยต่ออีกหน่อย แต่อีกฝ่ายชิงตัดสายไปก่อน ส่วนณภกรณ์เมื่อตัดสายจากว่าที่พี่เขยไปแล้ว ก็ต่อสายไปยังเพื่อนอีกคน...
ตอนนี้ ณภกรณ์ไม่กลัวอะไรแล้ว เมื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ ช่วยบรรเทาความร้อนใจเขาได้เยอะทีเดียว อีกทั้งรู้สึกชื่นชมตัวเอง ด้วยความนึกครึ้มอกหรืออะไรไม่รู้ เพราะช่วงก่อนสั่งอาหาร เขาได้แอบหยิบมือถือกดหาอะไร ดูเพลินๆ ในโลกโซเชียล ก่อนจะกดตั้งกล่อง แล้วบันทึกภาพหนึ่งไว้ ช่วงจังหวะที่หล่อนเผลอ
ระยะทาง 862 กิโลเมตร ระหว่างกรุงเทพ ภูเก็ต ณภกรณ์ซัดยาว ถึงที่หมาย ในเวลาเกือบสามทุ่ม ก่อนจะโทร.หาบุญชัย เพื่อนเก่า ที่ผันตัวเองมาเปิดโรงแรมอยู่ที่ภูเก็ต โดยร่วมหุ่นกับเพื่อนอีกสองคน คือ โกมลและบริรักษ์ โดยการโทร.บอกครั้งนี้ เพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าตนเองได้มาถึงแล้ว
“นายก็ยังเป็นนายอยู่วันยังค่ำนะ กร...นึกจะมาก็มา” คนรับหน้าที่บริหารโรงแรมเพียงลำพัง เอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ คนยืนหน้าเมื่อยตรงหน้าค้อนให้ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
“ได้ข่าวอะไรมาบ้าง”
“เฮ้ย จะถามคราวข่าวคราวเพื่อนก่อนไม่มีนะ” เสียงทุ้มพ้อ เมื่อเพื่อนไม่สนใจตัว
“จะถามอีกทำไม เมื่อเห็นอยู่แล้วว่านายสบายดี ยืนพูดปาวๆ อยู่ต่อหน้าฉัน”
คนถูกย้อนส่งสายตาจิกกัดกลับไป ก่อนจะเดินนำเข้าด้านใน และหาที่เหมาะนั่งคุยกัน
“ฉันให้เด็กไปสืบมาแล้ว”
“ได้ความว่าไง”
“ก็ถ้าเป็นผู้หญิง ที่นายส่งรูปมาให้ ก็คงใช่ เพราะยายน้องโทรมาบอก ว่าเห็นลูกชายเจ้าของโรงแรมไปรับมาด้วยตนเอง โดยเป็นคน คนเดียวกับในภาพที่ฉันส่งไปให้”
“เชื่อได้หรือ ยายน้องอะไรของนายนะ”
“ไอ้ บ้า ยายน้อง น้องสาวฉันนะโว้ย อีกอย่างยายน้องทำงานอยู่หน้าโต๊ะประชาสัมพันธ์เป็นหัวหน้าแผนก ไม่มีทางที่ข่าวคลาดเคลื่อนหรอก” ณภกรณ์ทำสีหน้าไม่เชื่อ
“ไหนบอกเป็นลูกชายคนเดียว”
“แต่กัน ไม่ได้บอกนิ ว่าไม่มีญาติพี่น้อง” คำย้อนของเพื่อนรัก ทำให้ณภกรณ์สงบปาก
“กันง่วง ขอนอนก่อนได้ป่าววะ” เมื่อทำใจ ให้เชื่อในสิ่งที่เพื่อนให้ข่าวมา สมองก็รู้สึกล้าขึ้นมาทันที
“ได้ เดี๋ยวกันไปส่ง แต่นอนคนเดียวนะ” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ เจ้าของโรงแรมหนุ่มค้อนข้างเจ้าเนื้อจึงเดินนำไป หากแต่ปากยังคุยจ้อ และหยุดลง เมื่อส่งเพื่อนเข้าห้อง โดยอีกฝ่ายเกือบปิดประตูใส่หน้า เมื่อดูท่าเจ้าของโรงแรมหนุ่ม นำคุยเรื่องที่เขาไม่อยากเอ่ยถึงเท่าไหร่