เช้าวันต่อมา
ดุจตะวันมาฝึกงานตามปกติ แต่เธอก็ต้องแปลกใจอยู่เล็กน้อยเมื่อเข้ามาในห้องของเคลลี่กลับไม่เจอเขาอยู่ข้างในอย่างเช่นทุกวัน
“สงสัยจะมีธุระข้างนอก” เธอพูดกับตัวเองแล้วก็วางกระเป๋าลงบนโต๊ะ มันก็คงเป็นปกติของผู้บริหารระดับสูง ที่บางครั้งอาจจะต้องออกไปคุยธุรกิจข้างนอก
เมื่อเคลลี่ยังไม่มาทำให้ดุจตะวันก็ไม่มีงานอะไรที่จะต้องทำ เธอจึงตัดสินใจช่วยเขาเก็บโต๊ะและจัดของต่าง ๆ ให้เข้าที่และเป็นระเบียบ ระหว่างที่กำลังจัดโต๊ะทำงานของเคลลี่ดุจตะวันก็หันไปมองรูปของตะวันที่อยู่บนโต๊ะ แล้วจ้องมองนิ่งอยู่แบบนั้น
“คุณไม่ต้องคิดมากนะคะ หนูเป็นเด็กฝึกงาน ไม่ได้คิดจะมาแทนที่คุณ ท่านประธานน่ะ เขารักคุณมากเลยรู้ไหมคะ”
ดุจตะวันยืนพูดกับรูปภาพเลยไม่ทันสังเกตว่าเคลลี่เข้ามาข้างในและยืนมองเธออยู่นานแล้ว ยิ่งมองก็ยิ่งตอกย้ำความเจ็บในใจที่เมื่อวานได้รู้ว่าเธอมีคนรักอยู่แล้ว
“อ้าวคุณ ! มานานแล้วเหรอคะ” เมื่อหันกลับมาแล้วเจอเคลลี่ยืนอยู่ดุจตะวันก็เอ่ยทักขึ้น
“พึ่งมาถึงเมื่อกี้เอง ว่าแต่ซันทำอะไรอยู่เหรอ” เคลลี่ถามพลางเดินเอากระเป๋าของตัวเองมาวางที่โต๊ะ
“ก็คุณไม่มาสักที หนูก็เลยช่วยจัดโต๊ะเก็บของไปเรื่อยค่ะ ว่าแต่..คุณไม่สบายหรือเปล่าคะ หน้าตาดูหมอง ๆ ไม่สดใสเอาซะเลย” พูดพลางก็เขยิบเข้าไปมองหน้าเขาใกล้ ๆ
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ทำงานดึกไปหน่อย เลยนอนไม่พอน่ะ” ไม่ใช่แค่นอนไม่พอ เรียกว่าน่าจะไม่ได้นอนเลยเสียมากกว่า กว่าจะกลับจากบาร์ก็เกือบตีสอง ถึงบ้านเกือบตีสาม นั่งคิดนอนคิดเรื่องคนตรงหน้าอีก เอาไปเอามาเช้าพอดี ก็เลยต้องอาบน้ำแต่งตัวมาทำงานทั้งที่ยังไม่ได้นอน
“อย่างนั้นเหรอคะ” เคลลี่พยักหน้าเล็ก ๆ ให้เธอแทนคำตอบ
“วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำหรอก เดี๋ยวซันรอตรวจทานเอกสารช่วงบ่ายก็แล้วกัน” เขาบอกกับคนตัวเล็กไปแบบนั้น ที่จริงแล้วเพราะตัวเองมึน ๆ หัวเพราะไม่ได้นอนก็เลยไม่มีอารมณ์จะทำงาน
“ถ้างั้น แสดงว่าตอนนี้คุณว่างอยู่ใช่ไหมคะ พอมีเวลาสักนิดไหมคะ หนูอยากจะถามอะไรสักหน่อยค่ะ” รอยยิ้มหวานนั้นถูกส่งมาให้เขาและกำลังรอคำตอบ แล้วเคลลี่จะปฏิเสธลงได้ยังไง
“ได้สิ ซันมีอะไรจะถามฉันเหรอ”
“คุณว่า ถ้าเราทำสร้อยคอที่มีจี้เป็นเพชรพลอยให้ผู้ชาย เขาจะชอบไหมคะ พอดีหนูจะทำของขวัญวันเกิดให้แฟนน่ะค่ะ” คำถามของเธอเหมือนกับเอาค้อนมาทุบลงบนหัวของเขาซ้ำ เมื่อวานพึ่งจะรู้ว่าเธอมีแฟน วันนี้ยังจะต้องมาเป็นที่ปรึกษาเรื่องทำของขวัญให้แฟนเธออีก
“จริง ๆ ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบนะ มันก็ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนที่จะชอบเพชรพลอย แต่ถ้าเป็นฉัน ถ้าแฟนทำอะไรให้ฉันก็ชอบทั้งนั้นแหละ”
“หนูมีแบบมาด้วยนะคะ ยังไงคุณช่วยดูหน่อยนะ” ดุจตะวันเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองแล้วก็เปิดกระเป๋าเอากระดาษแผ่นหนึ่งออกมา จากนั้นเธอก็วางมันลงบนโต๊ะตรงหน้าของเคลลี่
เคลลี่จ้องมองแผ่นกระดาษที่มีรูปวาดเครื่องประดับที่เธอว่าอยู่เนิ่นนาน แทบไม่อยากจะเชื่อสายตา ว่าสิ่งที่เธอวาดมามันจะเหมือนกับแหวนรูปดวงตะวันที่เขาเคยออกแบบและทำให้กับตะวันไม่มีผิด
“ซันไปได้แบบจี้ดวงตะวันนี้มาจากไหน” เขาเงยหน้าขึ้นมาถามดุจตะวัน
“หนูฝันเห็นมันค่ะ ฝันว่ามีผู้ชายคนหนึ่งสวมแหวนรูปดวงตะวันให้หนู ฝันเห็นบ่อยจนจำได้ คิดว่าสวยดีก็เลยลองวาดแบบออกมาค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอ มันสวยดีนะ ฉันว่าแฟนของซันจะต้องชอบมันแน่ ๆ”
“จริง ๆ เหรอคะคุณ ถ้างั้นหนูจะสั่งทำให้พี่เมฆเป็นของขวัญวันเกิด ขอบคุณมากนะคะ”
เคลลี่มองตามดุจตะวันที่เอากระดาษแผ่นนั้นเก็บลงกระเป๋า ก้อนน้ำตามันจุกอยู่ในอก เธอคือคนรักของเขากลับชาติมาเกิดแน่ ๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีความฝันที่คล้ายกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ของขวัญที่เขาตั้งใจออกแบบและทำมันออกมาให้เธอ ตอนนี้เธอกำลังจะทำมันให้ผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่เขา เธอจำเขาไม่ได้แม้แต่นิดเดียวด้วยซ้ำ
//////////
ตลอดทั้งบ่าย เคลลี่ได้แต่นั่งมองดูดุจตะวันทำนั่นทำนี่ตามคำสั่งที่เขาบอก เธอดูน่ารักสดใส ใครอยู่ใกล้ก็มีแต่ความสุข เพียงแต่ว่า..เขาไม่สามารถจะทำให้เธอมาเคียงข้างกายได้เหมือนเมื่อก่อน เคลลี่นั่งมองดุจตะวันอยู่แบบนั้นจนถึงเวลาเลิกงาน
“คุณคะ หนูกลับแล้วนะคะ”
“อืม กลับเถอะ ว่าแต่..วันนี้ซันจะกลับยังไงเหรอ แฟนมารับเหมือนเดิมหรือเปล่า” ไม่รู้ทำไมจู่ ๆ ก็ถามออกไปแบบนั้น จิตใจด้านมืดมันแค่หวังว่าแฟนเธอจะติดธุระ หรืออะไรสักอย่างทำให้มารับไม่ได้ แล้วเขาจะได้อาสาไปส่ง
“เปล่าหรอกค่ะ วันนี้พี่เมฆไม่ว่าง เดี๋ยวหนูเรียกแท็กซี่กลับเองค่ะ” เหมือนพระท่านจะเป็นใจ ดุจตะวันตอบกลับมาพอดีกับที่เธอเก็บของลงกระเป๋าเสร็จ
“ให้ฉันไปส่งไหม ฉันไม่มีธุระที่ไหน ไปส่งซันได้นะ” ตอนนี้ลุ้นคำตอบยิ่งกว่าลุ้นหวยเสียอีก
“แต่หนูเกรงใจคุณน่ะค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ เก็บของเสร็จแล้วใช่ไหม งั้นก็กลับกันเลยนะ” ไม่ต้องรอให้เธอตอบกลับมา เคลลี่ก็เดินนำหน้าเธอตรงไปยังรถที่จอดอยู่ทันที ในเมื่อปฏิเสธไม่ได้ ดุจตะวันก็จำเป็นต้องเดินตามเขาไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
มาถึงที่จอดรถ ดุจตะวันก็ขึ้นไปนั่งข้างคนขับ เคลลี่ได้แต่แอบมองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แม้ว่าไม่อาจจะเป็นอะไรไปได้มากกว่านี้ แต่อย่างน้อยได้ใกล้ชิดกับเธอบ้างก็ยังดี
“บ้านซันอยู่แถวไหนเหรอ” เคลลี่ถามขึ้นขณะที่เลี้ยวรถออกจากบริษัท
“หนูไม่มีบ้านหรอกค่ะ หนูพักอพาร์ทเม้นท์ เดี๋ยวหนูบอกทางให้นะคะ” เธอตอบคำถามของเขาโดยที่สายตายังจับจ้องอยู่ท้องถนน
“ซันมาจากต่างจังหวัดเหรอ” เคลลี่ยังถามต่อด้วยความอยากรู้ เขาอยากรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอในตอนนี้
“เปล่าหรอกค่ะ หนูอยู่กรุงเทพฯ นี่แหละ แต่ที่ว่าไม่มีบ้านเพราะว่าหนูโตมากับบ้านเด็กกำพร้าค่ะ” เธอหันมาตอบแล้วก็ยิ้มบาง ๆ ให้เคลลี่
“บ้านเด็กกำพร้างั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ หนูเป็นเด็กกำพร้า ถูกพ่อกับแม่เอามาทิ้งไว้ที่ข้างทางตั้งแต่เกิด คุณรู้ไหมว่าทำไมหนูถึงชื่อดุจตะวัน” ใบหน้าเล็กหันมาถามเขาอีกครั้ง แต่ดูท่าทางเธอไม่ได้คิดมากในการที่จะเล่าเรื่องตัวเองให้ฟัง เคลลี่จึงได้แต่ส่ายหน้าว่าไม่รู้
“ไม่รู้หรอก ฉันจะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะ”
“คุณแม่ที่บ้านเด็กกำพร้าเล่าให้หนูฟังว่า ตอนที่มีคนมาเจอหนูนะ เป็นตอนเที่ยงพอดี ดวงตะวันตรงหัวเป๊ะ แดดก็ร้อนมาก แต่ตอนที่มาเจอหนูไม่ร้องสักแอะ ทั้งเนื้อตัวก็ไม่มีอะไรติดมาเลยนอกจากกระดาษที่เขียนวันเดือนปีเกิด เขาก็เลยตั้งชื่อหนูว่าดุจตะวันค่ะ” ดุจตะวันเล่าไปก็อมยิ้มไป ดูท่าทางจะมีความสุขกับชื่อของตัวเอง
“แล้วตอนนี้ซันอยู่กับใครเหรอ หรือว่าอยู่กับแฟน” เป็นถามที่เขากำลังกลั้นใจฟังคำตอบ และภาวนาว่าอย่าให้เป็นแบบที่เขาคิดเลย
“หนูอยู่คนเดียวค่ะ อายุครบ 20 ปีพอดีก็เลยถือโอกาสย้ายออกมาอยู่ข้างนอกค่ะ”
คำตอบของเธอทำเอาเคลลี่แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อย ๆ เธอก็ยังไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับแฟน
“แล้วนี่คบกับแฟนมานานแล้วเหรอ” ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นการสอดรู้สอดเห็นเกินไปหรือเปล่า แต่มันอดที่จะถามไม่ได้จริง ๆ
“ก็เกือบจะสามปีแล้วค่ะ ที่จริงก็เพราะมีแฟนด้วยนี่แหละหนูก็เลยตัดสินใจย้ายออกจากบ้านพักเด็ก อ่อ แต่มันไม่ใช่อย่างที่คุณกำลังคิดนะคะ หนูกับพี่เมฆยังไม่ถึงขั้นนั้นกันหรอกค่ะ เพราะหนูขอพี่เมฆไว้ว่าอยากให้แต่งงานกันก่อน พี่เมฆเขาก็รับปากว่าจะไม่ทำอะไรจนกว่าจะแต่งงานกันค่ะ”
ถึงแม้ฟังแล้วดูเหมือนเธอกำลังจะชื่นชมแฟนหนุ่มให้ตัวเองฟัง แต่เคลลี่ไม่ได้สนใจตรงนั้น แค่เพียงเขาได้ยินว่าเธอกับแฟนหนุ่มยังไม่ได้เลยเถิดกันก็ทำเอาเขาอยากจะกระโดดตัวลอยเสียตอนนี้...ยังพอมีหวัง..เคลลี่คิดในใจ ถึงแม้มันจะดูเป็นความคิดที่ชั่วร้าย เหมือนกำลังคิดจะแย่งแฟนคนอื่นอยู่ก็เถอะ แต่ใครจะไปสนใจล่ะ..
/////////