บทที่9 ตกลงเราเป็นแฟนกัน/งานแฟชั่นโชว์ทำพิษ

3435 Words
อภิวัตรตามรับตามส่งบุษบาวรรณและให้คนคอยตามติดจนตอนนี้บุษบาเรียนปี2แล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่อภิวัตรอดทนรอคอยให้บุษบาวรรณเรียนจบแล้วตั้งใจว่าจะขอแต่งงาน วันนี้อภิวัตรได้ไปรับบุษบาวรรณที่มหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง "บุษพี่จอดรถรอน้องอยู่หน้าตึกเรียนนะครับ" อภิวัตรโทรศัพท์มาบอกบุษบาวรรณ "อ้าวพี่ธรรพ์มารับเองหรือคะ คิดว่าคุณเชิดจะส่งคนมารับเหมือนทุกวันนี่เพิ่งจะบ่ายสามโมงเองนะคะพี่ไม่ต้องทำงานหรือ" บุษบาวรรณถามอภิวัตร "ทำเสร็จแล้วพี่คิดถึงแฟนอยากไปดูหนังด้วย" ธรรพ์หยอดคำหวานใส่ "อ้าวคิดถึงแฟนแล้วมารับบุษทำไมล่ะคะ" บุษบาวรรณแกล้งพูดเพื่อแก้เขินด้วยรู้ว่าอภิวัตรพูดรุกจีบให้ตนตอบตกลงเป็นแฟน "อ้าว พูดแบบนี้ก็สวยอะดิจีบมาสองปีแล้วยังไม่ตกลงเป็นแฟนอีกหรือ คนสวยใจดำ" อภิวัตรพูด "รู้แล้วว่าสวยถ้าไม่สวยจะมีหนุ่มมาเฝ้าหรือคะแต่ใจไม่ดำเสียหน่อย พี่ธรรพ์รอสักครู่นะคะบุษออกจากห้องเรียนแล้วแต่ขอเข้าห้องน้ำก่อน" บุษบาวรรณพูดกับอภิวัตรทางโทรศัพท์แต่ตะวันเดินออกจากห้องเรียนมาไม่ทันมองว่าบุษบาวรรณคุยโทรศัพท์อยู่จึงได้พูดชวนบุษบาวรรณไปกินข้าว "บุษวันนี้เลิกเรียนไว ไปดูหนังกินข้าวกับตะวันได้ไหมตะวันเลี้ยงเอง" ตะวันรีบวิ่งตามออกมาจากห้องเรียนแล้วส่งเสียงชวนบุษบาวรรณ "ตะวัน! เอ่อคือบุษมีนัดแล้ว แป๊บหนึ่งนะบุษขอคุยโทรศัพท์ก่อน" บุษบาวรรณบอกกับตะวันและคุยกับอภิวัตรที่กำลังอยู่ในสายยังไม่ได้ตัดสายทิ้งแล้วก็เป็นไปตามคาดคือได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของคนขี้หึงพูดตามสายมา "บอกมันไปเลยนะว่า ว่าที่ผัวมารออยู่หน้าตึกไม่ว่างไปกินข้าวกับใครหรอก"อภิวัตรพูดมาตามสายด้วยความโมโหเพราะได้ยินตะวันชวนบุษบาวรรณไปกินข้าวเต็มสองหู "พี่ธรรพ์แค่นี้ก่อนได้ไหมคะบุษจะไปเข้าห้องน้ำแล้วเดี๋ยวเราเจอกันที่หน้าตึกนะคะ" บุษบาวรรณบอกอภิวัตรและไม่ได้สนใจความขี้หึงของอภิวัตรเพราะเห็นเสียเคยชินเวลาไม่ถูกใจอภิวัตรก็มักจะแสดงอาการเกรี้ยวกราดให้เห็นบ่อยๆ เมื่อวางสายจากอภิวัตรแล้วบุษบาวรรณก็หันไปคุยกับตะวัน "ตะวัน วันนี้พี่ธรรพ์มารอรับหน้าตึกเรียนคงไปกินข้าวกับตะวันไม่ได้ ไว้วันหลังนัดรวมตัวกันหลายๆคนดีไหมไว้เจอกันพรุ่งนี้นะตะวันบุษขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน" บุษบาวรรณบอกกับตะวัน "ได้บุษ เอ่อ! บุษ....." ตะวันจะพูดบางอย่างแต่ก็เลือกที่จะไม่พูดต่อ "อะไรหรือตะวัน" บุษบาวรรณถามเพื่อน "ไม่มีอะไรไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ" ตะวันพูดลา "โอเคไว้เจอกันพรุ่งนี้" บุษบาวรรณลาเพื่อนไปเข้าห้องน้ำแล้วก็เดินมาหาอภิวัตรที่รถ "พี่ธรรพ์สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาบุษไปกินข้าวที่ไหนเหรอคะ" บุษบาวรรณยิ้มทักทายพร้อมกับถามประจบเพื่อให้ธรรพ์อารมณ์ดีขึ้น "ไม่ต้องมาทำเป็นยิ้มสวยเลยนะ ให้ไอ้ตะวันมันจีบอีกแล้วนะ" อภิวัตรว่าบุษบาวรรณ "จีบตอนไหนก็ทักทายกันปกติเหมือนเพื่อนทั่วไป" บุษบาวรรณเถียงอภิวัตร "ก็มันมาชวนแฟนพี่ไปกินข้าว" อภิวัตรไม่ยอมจบ "ก็แล้วบุษมากับใครล่ะคะ พี่ธรรพ์จะอารมณ์เสียจะโมโหทำไมไม่เห็นจะมีอะไรเลย" บุษบาวรรณพูดอย่างใจเย็น "เออไม่มีอะไรก็ไม่มี หิวแล้วยังล่ะกินข้าวก่อนดูหนังหรือว่าจะดูหนังก่อน"อภิวัตรถามบุษบาวรรณ "ยังไม่ค่อยหิวเลย เราไปดูหนังแล้วกลับไปกินข้าวที่บ้านกันดีกว่านะคะพี่ไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้วคุณท่านก็คงจะคิดถึงแล้วนะคะ" บุษบาวรรณพูดบอกอภิวัตร "แหม ยังไม่ทันได้แต่งงานกันเลยทำหน้าที่ลูกสะใภ้ของคุณหญิงเสียเต็มที่เลย แบบนี้ไม่หลงยังไงไหว" อภิวัตรพูดหยอดอย่างอารมณ์ดีขึ้น "อีกแล้วชอบแกล้งบุษ" บุษบาวรรณพูดตัดพ้อ "แกล้งยังไงกันพี่ไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย" อภิวัตรพูด "ก็แกล้งให้เขิน.....อุ๊บ" บุษบาวรรณพูดไปอย่างลืมตัว "เขินก็แสดงว่ามีใจแล้วอะสิ ดีใจจังพี่รักบุษนะครับ" อภิวัตรพูดน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ "วันนี้รักบุษแล้ววันหน้าล่ะคะพี่ธรรพ์จะรักบุษอีกไหม" บุษบาวรรณถาม "ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ นี่เฝ้ามานานมากแล้วนะเลี้ยงต้อยมานานแล้วไม่รู้เมื่อไหร่จะโตและกินได้เสียที" อภิวัตรถามแล้วแกล้งบ่น "ก็คนสมัยนี้รักง่ายหน่ายเร็วบุษมีแค่ตัวและตัวคนเดียวด้วย บุษไม่อยากเป็นของเล่นของพี่ธรรพ์" บุษบาวรรณพูด "หน่ายเร็วที่ไหน ตามจนจะเป็นเงาตามบุษอยู่แล้วเชื่อใจพี่เถอะ 2 ปีแล้วนะรับเป็นแฟนกันเถอะนะนะน้องบุษนะ" อภิวัตรออดอ้อนขอบุษบาวรรณเป็นแฟนในรถ "นี่พี่ธรรพ์กำลังบอกรักและขอบุษเป็นแฟนในรถนะ" บุษบาวรรณแกล้งว่าอภิวัตร "จะเอายังไงล่ะงั้นจอดสี่แยกไฟแดงแล้วคุกเข่าขอแต่งงานเลยดีไหม ยิ่งใหญ่ดี" อภิวัตรแกล้งพูดและหัวเราะอย่างอารมณ์ดี "บ้า..." บุษบาวรรณว่าอภิวัตร "เอายังไงตกลงเป็นแฟนกันแล้วนะ" อภิวัตรพูดย้ำ "อึม!..." บุษบาวรรณตอบเบาๆ และอมยิ้มเขินๆ "เปลี่ยนใจไม่อยากไปดูหนังแล้วไปคอนโดพี่กันไหม" อภิวัตรพูดไปอย่างที่ใจคิด "จะบ้าหรือพี่ธรรพ์จะพูดจาอะไรช่วยให้เกียรติชุดนักศึกษาสถาบันบุษบ้าง บุษแค่ตกลงเป็นแฟน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยอมเป็นเมียพี่เสียหน่อย" บุษบาวรรณว่าอภิวัตรด้วยความไม่พอใจ "พี่ขอโทษ พี่ล้อเล่นไม่ได้ตั้งใจหรอกครับจีบมาสองปีกว่าเพิ่งได้ยินว่าตกลงเป็นแฟนกัน เออดีเว้ยสองปีได้เป็นแฟนอีกสองปีข้างหน้าเรียนจบก็ได้เป็นเมีย เออเวลามันได้" อภิวัตรพูดเล่นและหัวเรามองว่าเป็นเรื่องตลก "ยังไม่ตกลงเป็นเมีย พี่ธรรพ์เนื้อหอมเจ้าชู้จะตายต้องดูความประพฤติไปอีกนาน" บุษบาวรรณพูดว่าอภิวัตร "อ๊ะๆ รู้ได้ยังไงว่าเนื้อหอมแอบมาดมหรือ" อภิวัตรถามอย่างอารมณ์ดี "พี่ธรรพ์....." บุษบาวรรณพูดเสียงแง่งอน "โอเคไม่แกล้งแล้วครับคุณแฟนคนสวย เออว่าจะพูดเรื่องแฟชั่นโชว์งานการกุศลของคุณแม่ บุษไม่เดินแบบได้ไหมพี่หวงไม่อยากให้ใครมามองแฟนพี่ พี่จะบอกแม่ว่าไม่ให้บุษเดินแบบนะ" อภิวัตรพูดถามเรื่องงานการกุศลขึ้นมา "แต่บุษตอบตกลงคุณท่านไปแล้วนะคะ แต่ถ้าพี่จะบอกคุณท่านไม่ให้บุษเดินก็แล้วแต่พี่ธรรพ์เลยว่าจะยังไงบุษได้ทั้งนั้น" บุษบาวรรณพูด "ให้ไปเดินก็ได้เพราะงานนี้พี่ไปด้วย" อภิวัตรพูดถึงงานเดินแบบการกุศลช่วยภัยแล้งของเหล่าบรรดานักธุรกิจชั้นนำในเมืองไทยที่ต้องการจัดงานนี้ขึ้นส่วนหนึ่งก็การกุศลจริงๆ แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะต้องการพื้นที่สื่อด้วย เมื่อดูหนังรอบบ่ายกันเสร็จอภิวัตรก็พาบุษบาวรรณกลับมาถึงบ้านทันอาหารมื้อค่ำ อภิวัตรสีหน้าสดใสเป็นพิเศษจนผู้เป็นพ่ออย่างเจ้าสัวทรงเกียรติถามว่าเกิดอะไรขึ้น "เจ้าธรรพ์เป็นอะไร หุ้นขึ้นเหรออารมณ์ดีเป็นพิเศษเชียว" เจ้าสัวถามลูกชาย "ยิ่งกว่าหุ้นขึ้นอีกครับเจ้าสัว ผมมีแฟนแล้ว" อภิวัตรบอกพ่อสีหน้ายิ้มแย้มและหันไปยักคิ้วให้บุษบาวรรณและพูดขึ้นว่า "ใช่ไหมครับน้องบุษ" อภิวัตรพูดยิ้มๆ "จริงหรือหนูบุษยอมใจอ่อนแล้วเหรอแม่ดีใจจริงๆเลยลูก เมียหมอวัชก็กำลังท้องรอหนูบุษเรียนจบแม่คงได้หลานอีกคนดีใจจริงๆเลย" คุณหญิงมารตีพูด "เอ่อคือบุษกับพี่ธรรพ์แค่ลองคบกันก่อนค่ะบุษยังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นค่ะคุณท่าน" บุษบาวรรณพูดเขินๆ "ยังไงแม่ก็จองไว้แล้วเรียนจบยังไงก็ต้องแต่งกันให้เรียบร้อย แม่ไม่ยอมให้เจ้าธรรพ์มันทำเล่นๆ กับหนูหรอก" คุณหญิงมารตีพูดสีหน้าจริงจัง "ผมไม่ได้เล่นๆครับผมรักบุษจริงๆครับแม่" อภิวัตรพูดยืนยัน "ก็ขอให้เป็นแบบนี้ไปนานๆดูตัวอย่างฉันนี่ รักเดียวใจเดียวรักแม่แกคนเดียว พอมีแม่แกนะเลิกหมดความเจ้าชู้" เจ้าสัวได้ทีพูดเอาความดีเข้าตัวทันที "ค่ะ ดีมากที่ผ่านมานะน้องไม่นับหรอกนะคุณพี่แต่ถ้าให้รู้นะตายแน่"คุณหญิงมาตีพูดแล้วก็นึกถึงงานการกุศลในวันเสาร์ที่จะถึงนี้จึงย้ำกับว่าที่ลูกสะใภ้ "เออนึกขึ้นได้ หนูบุษอย่าลืมงานการกุศลวันเสาร์นี้นะลูกป้าจัดการเรื่องช่างแต่งหน้าทำผมชุดก็เตรียมเรียบร้อย หนูบุษแค่เตรียมตัวนะลูกนะ" คุณหญิงมารตีพูดกำชับ "ค่ะ คุณท่าน" บุษบาวรรณรับคำ "เจ้าธรรพ์แกต้องออกงานนี้ด้วยนะฉันบริจาคเยอะ ยื่นหน้าไปออกสื่อโปรโมทโครงการคอนโดใหม่ของเราด้วยล่ะ" เจ้าสัวพูดสำทับลูกชาย "ครับเจ้าสัวผมก็ต้องไปอยู่แล้วต้องไปเฝ้าแฟนผมสิครับ จริงไหมน้องบุษ" อภิวัตรรับคำพ่อและมิวายหยอดคำหวานจีบบุษบาวรรณ ถึงวันงานแฟชั่นโชว์การกุศลและงานประมูลการกุศลตอนแต่งหน้าทำผม ช่างแต่งหน้า ช่างทำผมและบรรดาแมวมองก็ได้เข้ามาทาบทามอยากให้บุษบาวรรณรับงานถ่ายแบบถ่ายโฆษณาทำงานในวงการบันเทิง "คุณน้องบุษขา ผิวเนียนสวยมากหน้าหวานยังกับนางในวรรณคดีเลยค่ะ เอวบางอ้อนแอ้นจังเลย สนใจงานเดินแบบอาชีพหรืองานถ่ายโฆษณาบ้างหรือเปล่าคะคุณน้อง" สาวประเภทสองจีบปากจีบคอถามบุษบาวรรณ "ไม่สนใจครับผมหวง" อภิวัตรพูดแทรกขึ้นเพราะเข้ามาทันได้ยินพอดี "อุ๊ย! พี่ชายหวงน้องสาวเสียด้วยอดแล้วค่ะกะเทย" สาวประเภทสองพูดขึ้น บุษบาส่งยิ้มบางๆ ให้อภิวัตรและถามอภวิวัตรว่าตัวเองเป็นอย่างไรบ้าง "เป็นอย่างไรบ้างพี่ธรรพ์บุษพอดูได้ไหมคะ กลัวทำคุณท่านต้องอายคนอื่นเขาจัง" บุษบาถามอภิวัตรสีหน้ากังวลเล็กน้อย "สวยมากสวยจนไม่อยากให้ขึ้นเวทีและอยากบอกทุกคนจะแย่ว่าเนี่ยว่าที่ผัว ไม่ใช่พี่ชายโว้ย...." อภิวัตรพูดเบาๆ พอได้ยินกันสองคนจนทำให้บุษบาวรรณเขินหน้าแดงเมื่อได้ยินอภิวัตรพูด บุษบาวรรณอยู่ในชุดสวยสดใสราวกับนางในวรรณคดี วันนี้นอกจากบุษบาวรรณแล้วก็ยังมีลูกท่านหลานเธอลูกผู้ลากมากดีจากหลายตระกูลดังมารวมตัวกันที่งานนี้ไม่เว้นแม้แต่แม่หม้ายสาวใหญ่อย่าง หลิน วณาวรรณ วรากรไพศาล ที่วันนี้ก็มาในงานด้วย วณาวรรณจ้องมองอภิวัตรกับบุษบาวรรณไม่วางตาในใจมันอิจฉา มันรุ่มร้อนรู้สึกเกลียดน้ำหน้าบุษบาวรรณอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ยิ่งได้เห็นอภิวัตรแสดงออกว่ารักและให้ความสำคัญค่อยพะเน้าพะนอบุษบาวรรณมันก็ยิ่งทำให้วณาวรรณรุ่มร้อนอยากเอาชนะอยากแย่งชิงมาเป็นของของตนเองมากขึ้น เห็นดังนั้นวณาวรรณก็ไม่รอช้าเดินตรงเข้าไปทักทายในใจของวณาวรรณคิดว่า "ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนที่ฉันอยากได้แล้วฉันไม่ได้แม้แต่คุณคุณอภิวัตร" วณาวรรณคิดในใจและปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้มเดินเข้าไปทักทายอภิวัตรและครอบครัว "สวัสดีคุณธรรพ์จำหลินได้ไหมคะเราเคยเจอกันที่งานเปิดตัวคอนโดของคุณจำได้ไหมคะ" หลินเข้ามาทักทาย "อ้าวคุณหลินจำได้สิครับ เอ่อ! นี่คุณพ่อคุณแม่ผมครับ พ่อครับแม่ครับคุณหลินลูกสาวท่านรัฐมนตรีปราโมทย์ครับ" อภิวัตรแนะนำทั้งสองฝั่ง "สวัสดีค่ะท่านเจ้าสัวคุณหญิง" วณาวรรณสวัสดีทักทาย "สวัสดี..." คุณหญิงและเจ้าสัวรับไหว้ "แล้วสาวน้อยคนนี้ละคะใครกัน" วณาวรรณถามถึงบุษบาวรรณ "อ่อ! เกือบลืมแนะนำคนสำคัญของผมไปเลยครับ น้องบุษบาวรรณเป็นว่าที่ภรรยาผมเองครับ" อภิวัตรแนะนำบุษบาวรรณอย่างยกย่องให้เกียรติ "แหม หลินชักจะอิจฉาแล้วสิคะดูคุณธรรพ์จะรักจะหลงเสียเหลือเกิน" หลินพูดอย่างมีจริต "เอาล่ะๆ ธรรพ์แม่ว่าพาน้องเข้าไปเตรียมตัวด้านในได้แล้วนะลูกจวนจะได้เวลาขึ้นเวทีแล้วนะลูก" คุณหญิงเตือนลูกชายและแอบไม่ชอบใจแม่หม้ายสาวมีจริตคนนี้ด้วย แต่ยังไม่ทันที่ธรรพ์จะได้เดินเข้าไปข้างใน วณาวรรณก็แกล้งสะดุดขาตัวเองแล้วล้มไปหาธรรพ์เป็นจังหวะที่ธรรพ์ต้องรับร่างของแม่หม้ายสาวไว้ นับเป็นแผนการที่วางไว้บรรลุเป้าหมายเพราะเมื่อวณาวรรณล้มไปบนตัวอภิวัตร ก็ได้มีนักข่าวเข้ามาถ่ายรูปและยังขอสัมภาษณ์ต่อดีที่คุณหญิงมารตีเข้ามากันนักข่าวไว้และปฏิเสธแทนลูกชายว่าไม่สะดวกให้สัมภาษณ์เพราะงานเดินแบบใกล้ถึงเวลาแล้วธรรพ์จึงช่วยพยุงให้วณาวรรณลุกขึ้นยืน "ขอสัมภาษณ์คุณหลินกับคุณธรรพ์หน่อยได้ไหมคะ" "ส่อแววจะปลูกต้นรักกันหรือเปล่าคะ" เหล่าบรรดานักข่าวต่างพากันถามแต่คุณหญิงมารตีกลับเป็นคนพูดแทน "คงจะเป็นการเข้าใจผิดกันแล้วล่ะค่ะ คุณหนูหลินเองเธอก็แต่งงานแล้วอายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วคงเป็นไปไม่ได้หรอกนะคะ วันนี้คงไม่สะดวกให้สัมภาษณ์พอดีงานใกล้เริ่มแล้วต้องขอโทษสื่อด้วยนะคะ"คุณหญิงมารตีพูดกับสื่อวณาวรรณจึงหันมาขอบคุณธรรพ์ต่อหน้าสื่อ "ขอบคุณคุณธรรพ์ด้วยนะคะที่ช่วยหลินไว้ ถ้าไม่ได้คุณธรรพ์หลินคงแย่เดินแฟชั่นโชว์ไม่ได้แน่ๆเลย" วณาวรรณพูดอย่างมีจริตและส่งสายตาเชิญชวนธรรพ์เต็มที่ "ไม่เป็นไรครับคุณหลินไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ" อภิวัตรพูดตามมารยาทและโดนมารดาฉุดแขนลากออกไป "มานี่เลย แกอย่าได้ไปยุ่งกับนางไก่แก่แม่ปลาช่อนคนนี้เด็ดขาดนะเจ้าธรรพ์ ฉันเห็นแวบเดียวก็รู้เช่นเห็นชาตินางแล้ว ไม่ไหวผู้หญิงแบบนี้ฉันไม่ชอบเลย"คุณหญิงพูดเตือนลูกชายและหันไปถามว่าที่ลูกสะใภ้ว่าพร้อมขึ้นเวทีหรือไม่ "หนูบุษพร้อมหรือเปล่าลูก" คุณหญิงถามด้วยความเป็นห่วง "พร้อมค่ะคุณท่าน" บุษบาวรรณรับคำและยิ้มหวานจนอภิวัตรต้องพูดขึ้นว่า "ตอนอยู่บนเวทีไม่ต้องยิ้มหวานแบบนี้นะเดี๋ยวไอ้พวกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ด้านล่างมันจะมองแฟนพี่" ธรรพ์แสดงอาการหวงบุษบาวรรณอย่างเด่นชัด "อย่าไปฟังพี่เขานะหนูบุษต้องยิ้มเยอะๆ เรียกยอดบริจาคนะลูกนะ"คุณหญิงสั่งว่าที่ลูกสะใภ้ "ค่ะ คุณท่าน" บุษบาวรรณรับคำและเตรียมตัวขึ้นเวที บุษบาวรรณเดินแบบออกมาเป็นคนสุดท้ายของบรรดาเหล่านางแบบ ความสวยหวานตามฉบับนางในวรรณคดี สะกดสายตาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่จนถึงช่วงการประมูลของเพื่อหาเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งเจ้าสัวทรงเกียรติบริจาคเครื่องลายครามที่เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยาเพื่อนำมาประมูลหาเงินช่วยงานการกุศลครั้งนี้โดยมีบุษบาวรรณเป็นผู้เชิญของออกมาประมูล "ผมขอเปิดราคาประมูลก่อนเลยครับ 1 แสนบาทครับ" คทาลูกชายเจ้าของห้างดังเสนอราคาก่อนใครเพื่อนและได้แย่งกันให้ราคาที่สูงลิ่วไปจนถึงราคา 2.5 ล้าน "ผมประมูลที่ 5 ล้านแลกกับการได้ถ่ายรูปคู่กับคุณบุษบาวรรณ" ก้องเกียรติลูกชายรัฐมนตรีวาณิชประมูลให้ราคาสูงลิ่วเพราะแอบหมายปองแม่คนสวยนางในวรรณคดีเสียแล้ว "เอาละครับ 5 ล้านเคาะครั้งที่ 1 5 ล้านเคาะครั้งที่2 มีใครจะให้เยอะกว่านี้ไหมครับ" เสียงประกาศราคาประมูลดังขึ้น "ผมให้ 6 ล้านครับ เพราะผมหวง..... หวงของของผมคงให้ใครประมูลไปไม่ได้ครับ" อภิวัตรยกป้ายประมูลสู้มาได้ในราคา6ล้านบริจาคการกุศลได้เครื่องลายครามเก่าแก่ของพ่อกลับมาแต่ที่สำคัญของหวงของรักที่เฝ้ารอไม่ต้องไปถ่ายรูปคู่กับผู้ชายหน้าไหน "เจ้าธรรพ์มันอยากได้เครื่องลายครามของคุณพี่จริงๆ หรือคะท่านเจ้าสัว น้องละงงจริงๆ ประมูลไปตั้ง 6ล้านไอ้เราก็ไม่เคยคิดว่าลูกจะชอบของโบราณกับเขาด้วย" คุณหญิงมารตีถามสามี "ไม่รู้จริงๆ หรือคุณหญิงว่าลูกชายคุณหญิงชอบอะไร" เจ้าสัวแกล้งถามยิ้มๆ "อ๋อ! หวงหนูบุษกลัวต้องไปถ่ายรูปกับลูกชายท่านรัฐมนตรีหรือคะ" คุณหญิงมารตีนึกขึ้นได้ "ก็ใช่น่ะสิ หวงและหึงด้วยก็คนทั้งงานมองแต่ว่าที่ลูกสะใภ้คุณหญิงทำเอาลูกสาวผู้ดีมีเงินคนอื่นหมองไปเลย" เจ้าสัวทรงเกียรติพูดยิ้มๆ "หมองมากโดยเฉพาะยายแม่หม้ายชุดแดงคนนั้นไม่รู้เป็นยังไงนะคุณพี่น้องไม่ถูกชะตากับนางเลยจริงๆ" คุณหญิงหมายถึงวณาวรรณที่เดินออกมาในชุดสีแดงเลือดนกในการเดินแบบที่ผ่านไป หลังจากเสร็จจากงานประมูลท่านเจ้าสัวและครอบครัวได้เข้าไปทักทาย ท่านรัฐมนตรีวาณิช ทำให้ก้องเกียรติได้มีโอกาสได้คุยกับบุษบาวรรณเมื่อทักทายผู้ใหญ่ตามมารยาทแล้วก้องเกียรติจึงถือโอกาสคุยกับบุษบาวรรณ "คุณบุษบาวรรณ ผมก้องเกียรติยินดีที่ได้รู้จักคุณนะครับวันนี้คุณสวยมาก ผมทำบริษัทโฆษณาและเป็นเจ้าของสื่อหลายแขนงไม่แน่ใจว่าคุณบุษบาวรรณพอจะสนใจงานในวงการบันเทิงบ้างไหมครับ" ก้องเกียรติถามบุษบาวรรณ "ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะคะ แต่ดิฉันยังเรียนไม่จบเลยค่ะและไม่น่าจะถนัดงานในวงการหรอกค่ะ" บุษบาวรรณพูด "เหรอครับ ยังเรียนอยู่นี่เองถึงว่าผมว่าคุณเป็นคนที่หน้าเด็กมาก" ก้องเกียรติพูดชม ทุกคำพูดทุกการแสดงออกอยู่ในสายตาของอภิวัตรที่ตอนนี้แทบจะเก็บซ่อนความไม่พอใจไว้จนแทบจะปริแตกระเบิดออกมาอยู่แล้ว "หน่อย ไอ้หน้าวอกบังอาจมาแซะจะจีบว่าที่เมียกู เดี๋ยวเถอะมึงลูกรัฐมนตรีก็เถอะวะจะโดนไม่ใช่น้อย" อภิวัตรคิดอย่างโกรธเกรี้ยวแต่ก็ไม่อาจจะแสดงออกมาได้จึงต้องรีบชวนพ่อกลับบ้าน "เอ่อ! .... พ่อครับแม่ครับผมว่างานเลิกแล้วเราขออนุญาตลาท่านรัฐมนตรีกลับบ้านกันเถอะครับผมว่าน้องก็คงง่วงนอนแล้วจริงไหมน้องบุษ" อภิวัตรพูด "ค่ะพี่ธรรพ์" บุษบาวรรณรับคำ เมื่อกลับถึงบ้าน บุษบาวรรณก็ขอตัวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่โดนธรรพ์เรียกไว้บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย "บุษอย่าเพิ่งไปพี่มีเรื่องจะคุยด้วย และผมก็มีเรื่องจะเรียนพ่อกับแม่ด้วยครับ" อภิวัตรพูดขึ้นน้ำเสียงจริงจัง "อะไรอีกละเจ้าธรรพ์หงุดหงิดอารมณ์เสียอะไรอีก" เจ้าสัวพูดถามลูกชาย "ผมอยากหมั้นกับบุษ ผมไม่ชอบให้ใครมาจีบมายุ่งกับของของผม" อภิวัตรพูดขึ้นด้วยอารมณ์โมโหหึงเมื่อนึกถึงตอนก้องเกียรติแสดงท่าทีจีบบุษบาวรรณ "รอให้น้องเรียนจบก่อนเถอะนะธรรพ์อีก2ปีเองนะลูก" คุณหญิงพูด "ถ้าไม่ให้หมั้น ก็อย่ามาหาว่าผมไม่ห้ามใจชิงสุกก่อนห่ามแล้วกันเพราะถ้าเป็นแบบนี้ แม่เที่ยวพาดอกบัวดอกนี้ไปเที่ยวอวดใครต่อใคร ให้เขามาจีบว่าที่ลูกสะใภ้ของแม่ถ้าผมอดทนไม่ไหวจนทำว่าที่ลูกสะใภ้แม่ท้องก่อนเรียนจบก็อย่ามาหาว่าผมใจร้ายไม่รู้จักยับยั้งช่างใจก็แล้วกันครับ" อภิวัตรพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแล้วเดินจากไปทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD