บทที่ 8 ห่วงหา รอคอย

2894 Words
"น้องบุษ น้องบุษ น้องเป็นอะไรฝันร้ายเหรอละเมอเสียงดังพี่ตกใจหมดเลย"อภิวัตรเขย่าตัวให้บุษบาวรรณตื่น "พี่ธรรพ์ บุษฝันค่ะบุษฝัน" บุษบาลืมตาตื่นแล้วบอกว่าตัวเองฝัน "ฝันว่าอะไรหรือคนดี ไหนเล่าพี่สิขวัญเอยขวัญมานะ" ธรรพ์ปลอบแม่คนสวยของเขา "บุษฝันว่า คือบุษฝันร้ายค่ะจำไม่ค่อยได้ว่าฝันว่าอะไร เช้าแล้วหรือคะพี่ธรรพ์ลุกขึ้นไปอาบน้ำเถอะค่ะบุษอยากไปใส่บาตรกับแม่อิ่มด้วยค่ะ" บุษบาวรรณเลี่ยงที่จะเล่าความฝัน ก็จะให้เล่าได้อย่างไรในความฝันตัวเองเกือบได้จูบกับขุนเดชซึ่งก็คืออภิวัตรในน้ำอยู่แล้วจะเล่าได้อย่างไรได้โดนอภิวัตรล้อตายพอดี "น้องบุษจะไม่เล่าความฝันให้พี่ฟังจริงๆหรือ" อภิวัตรถามบุษบาวรรณ "ก็บุษจำไม่ได้แล้ว คุณธรรพ์ลุกขึ้นไปอาบน้ำสิคะบุษจะได้อาบต่อ" บุษบาวรรณบอกอภิวัตร "พี่อาบก่อนก็ได้ แต่ขอทำโทษคนผิดสัญญาก่อน" อภิวัตรพูดแล้วก็ดึงร่างบางของบุษบาวรรณมาบดจูบปากอย่างต้องการลงโทษแต่เป็นการลงโทษที่ช่างอ่อนหวานปนเร่าร้อนไปด้วยในตัว "อุ๊ย! .....ปล่อยบุษนะคะ อือ...." บุษบาวรรณประท้วง "ค่าที่ขี้ลืมเรียกพี่ว่าคุณธรรพ์อีกแล้ว" อภิวัตรถอนจูบและบอกบุษบาวรรณถึงความผิด  "คุณ!....ไอ้คนบ้าทำแบบนี้อีกแล้วนะ" บุษบาวรรณดิ้นและต่อว่าอภิวัตรที่มาขโมยจูบตัวเองอีกแล้ว "อ้าว! มาด่าพี่อีกหรือว่าจะเอาอีกจูบ พูดใหม่ให้มันสวยเหมือนหน้าน้องหน่อย" อภิวัตรดึงแขนบุษบาวรรณไว้ไม่ยอมให้ผลักออกไปอาบน้ำได้โดยง่าย "เอายังไง จะพูดไหมยังไงหรือจะเอาอีกจูบ" อภิวัตรแกล้งขู่และยื่นหน้ามาเฉียดแก้มสาว "โอเคๆ พี่ธรรพ์ปล่อยบุษแล้วไปอาบน้ำลุกขึ้นไปใส่บาตรกันค่ะ" บุษบาวรรณเรียกอภิวัตรว่าพี่และชวนไปใส่บาตรด้วยกัน "ไปอาบน้ำก็ได้แต่ว่าเดี๋ยวก่อนครับ พี่อยากถามบุษอีกหนึ่งคำถามถ้าพี่จะสมัครเป็นคนรักของบุษบุษจะรับพี่ไว้พิจารณาได้ไหม พี่พูดจริงๆนะจริงจังมาก" อภิวัตรถามบุษบาวรรณสีหน้าจริงจัง "พี่ธรรพ์บุษไม่มีอะไรคู่ควรกับพี่หรอกค่ะ บุษเป็นแค่เด็กในบ้านที่คุณท่านอุปการะไว้เท่านั้นพี่น่าจะได้คบได้แต่งงานกับคนที่ฐานะเสมอกันเทียมหน้าเทียมตากันซึ่งสิ่งเหล่านั้นบุษไม่มีค่ะ" บุษบาวรรณพูดกับอภิวัตร "แต่พี่รักที่ตัวของบุษไม่ได้รักที่ทรัพย์สินเงินทองชาติตระกูลนะ" อภิวัตรพูด "ค่ะตอนนี้ยังคงเป็นแบบนั้น แต่ต่อไปก็ไม่แน่นอนอีกอย่างบุษเพิ่งจะ 18 เพิ่งจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยบุษยังไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้ก่อนค่ะ" บุษบาวรรณพูดให้เหตุผลน้ำเสียงราบเรียบมั่นคง "แล้วถ้าพี่บอกว่าพี่จะรอบุษล่ะ เราลองคบหาศึกษากันก่อนดีไหมนะน้องบุษนะ" อภิวัตรพูดกับบุษบาวรรณสีหน้าจริงจัง "ก็!......ตอนนี้ก็ศึกษากันอยู่ไม่ใช่หรือพี่ธรรพ์ยังให้บุษเรียกพี่ว่าพี่อยู่เลย เราทำความรู้จักกันในฐานะพี่น้องกันไปก่อนจะดีกว่านะคะ บุษว่ามันสายแล้วพี่ลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคะ" บุษบาวรรณพูดหาทางเอาตัวรอดอย่างชาญฉลาด "บุษบาวรรณ! ก็พี่อยากเป็น....." อภิวัตรหยุดคำพูดเอาไว้แค่เพียงเท่านั้น "ก็ได้ครับศึกษากันไปก่อนแบบนี้ก็ได้ พี่จะรอ" อภิวัตรเปลี่ยนความคิดไม่รุกเร้าบุษบาวรรณมากจนเกินไป เก็บคำพูดที่อยากพูดเหลือเกินว่าอยากเป็นพี่น้องแบบท้องชนกันไว้กลัวไก่จะตื่นไปมากกว่านี้ บุษบาวรรณและอภิวัตรอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกมารอเตรียมตัวใส่บาตร วันนี้บุษบาวรรณนุ่งซิ่นและใส่เสื้อผ้าฝ้ายสีขาวเป็นชุดที่แม่อิ่มเตรียมไว้ให้ บุษบาวรรณมวยผมสูงเผยให้เห็นดวงหน้ารูปไข่เด่นชัด อภิวัตรมองบุษบาวรรณนิ่งอย่างไม่รู้เบื่อในใจก็คิดและเตือนสติตัวเองว่าอดทนไว้รอคอยให้ได้แล้วทุกอย่างจะดี "พระมาแล้วค่ะพี่ธรรพ์" บุษบาวรรณพูดเมื่อเห็นพระท่านพายเรือมารับบาตรที่ท่าน้ำ "พี่เห็นแล้วครับบุษดูตื่นเต้นนะ" ธรรพ์พูดและจับสังเกตอาการของบุษบาวรรณ "ก็ตื่นเต้นจริงๆด้วยละคะบุษไม่เคยใส่บาตรแบบนี้" บุษบาวรรณยิ้มหวานและรับสารภาพกับธรรพ์ตรงๆ "ใครสอนให้ยิ้มแบบนี้เดี๋ยวพี่ก็ไม่ใส่บาตรแต่จะอุ้มพาบุษขึ้นเรือนไปแทน"ธรรพ์แกล้งพูดให้บุษบาวรรณเขินแต่บุษบาวรรณก็ฉลาดพอที่จะหุบยิ้มลงแล้วนิ่งเฉยไม่ต่อปากต่อคำกับอภิวัตรอีกรอจนพระมารับบาตรและใส่บาตรจนเสร็จ "ใส่บาตรเสร็จแล้วพี่ธรรพ์จะไปทำงานเลยไหมคะ" บุษบาวรรณถามอภิวัตรที่กำลังถือขันใส่ข้าวและถาดใส่กับข้าวกลับขึ้นเรือนเดินนำหน้าตัวเองไปเมื่อใส่บาตรที่ท่าน้ำเสร็จแล้ว "กินข้าวเสร็จแล้วพี่จะพาน้องบุษไปดูรอบๆ แล้วมีโจทย์ให้น้องช่วยพี่คิดออกแบบแต่ไปกินข้าวเช้ากันก่อนนะ" อภิวัตรบอกกับบุษบาวรรณและเดินนำไปที่ชานเรือน เมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จอภิวัตรก็ขับรถพาบุษบาวรรณชมดูบรรยากาศโดยรอบของบ้านหลังนี้ ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ10ไร่เศษที่ด้านหน้าติดถนนแต่ด้านหลังยังคงมีแม่น้ำและลำคลองเล็กๆ อภิวัตรจอดรถและชวนบุษบาวรรณคุย "เป็นยังไงบ้างน้องบุษเห็นสถานที่รอบๆ แล้วมีไอเดียอยากออกแบบโรงแรมกึ่งรีสอร์ตของเราให้ออกมาในรูปแบบไหน พี่ยกให้น้องตัดสินใจเลยที่ตรงนี้คุณปู่ท่านยกให้พี่เป็นสิทธิ์ขาดตั้งแต่ตอนก่อนท่านจะเสียแล้ว น้องบุษคิดว่าทำออกมาแบบไหนดี พี่เองก็ยังสองจิตสองใจว่าจะเอาบ้านมาทำโรงแรมรีสอร์ตดีไหม" อภิวัตรถามความคิดเห็นจากบุษบาวรรณ "บุษว่าบ้านสวยมาก Location ดีมากเลยค่ะถ้าเอามาปรับเป็นโรงแรมคงมีแขกมาพักไม่ขาดสายแน่ๆ แต่ถ้าพี่ธรรพ์หวงไม่อยากทำอยากเก็บไว้ก่อนบุษว่าก็เอาไว้ก่อนก็ได้นะคะ" บุษบาวรรณออกความเห็น "ก็ไม่ถึงกับหวงหรอก แต่ไม่รู้สิเวลามาที่นี่ทีไรพี่เหมือนได้กลับมาบ้าน บ้านของพี่พี่เลยอยากเก็บมันไว้เป็นของพี่คนเดียวไม่อยากแบ่งปันให้ใครได้ชื่นชมมัน แต่ก็ไม่ค่อยมีเวลาได้มาหรอกนะ น้องบุษชอบที่นี่ไหมอยากเก็บไว้เป็นเรือนหอของเราไหมล่ะถ้าน้องอยากได้แบบนั้นพี่จะพับ project และเปลี่ยนแผนให้น้องออกแบบเรือนหอของเราแทน" อภิวัตรเล่าความรู้สึกของตนเองและรุกถามความเห็นของบุษบาวรรณพร้อมกับหยอดคำหวานรุกจีบ "เอ่อ! คือบุษ คือบุษว่าแล้วแต่พี่ธรรพ์จะดีกว่าค่ะ" บุษบาวรรณตอบเสียงตะกุกตะกักหน้าแดงด้วยความเขิน "หน้าแดงเชียวเขินพี่หรือเพราะอากาศร้อนจ้ะน้องบุษ" อภิวัตรล้อบุษบาวรณ "อากาศร้อนค่ะ ว่าแต่เราจะกลับกรุงเทพกันเลยไหมคะ" บุษบาวรรณพูดและถามอภิวัตรเรื่องกลับบ้าน "ยังไม่กลับ ไปวัดไปทำบุญกันก่อนดีไหมเห็นแม่พี่บอกว่าบุษชอบทำบุญ อยากทำบุญกับบุษเยอะๆ กุศลจะได้หนุนนำให้พี่ได้สมหวัง เมื่อเช้าก็ได้ตักบาตรร่วมขันกันแล้วถ้าได้ทำบุญร่วมโบสถ์ด้วยคงครบสูตร" อภิวัตรพูดสีหน้ายิ้มแย้ม "บุษชอบไปทำบุญจริงๆค่ะ บุษมีกรรมเยอะต้องอยู่ตัวคนเดียวคนรักล้มหายตายจากไปหมดเหมือนเป็นเวรกรรมนะคะเกิดมาแม่บุษก็เสียเลย พ่อก็มาด่วนจากไปอีก" บุษบาวรรณพูดน้ำเสียงเศร้าๆ "บุษ!.....คือพี่ขอโทษนะถ้าพูดสะกิดทำให้บุษต้องคิดถึงพ่อกับแม่เอาอย่างนี้เดี๋ยวพี่พาไปกินก๋วยเตี๋ยวกินมื้อเที่ยงเสร็จแล้วจะพาไปกราบพระที่วัดดีไหมแล้วเราค่อยกลับกรุงเทพกันค่ำๆ ก็ได้" อภิวัตรพูดแสดงอาการรู้สึกผิด "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ บุษไม่ได้โกรธพี่ธรรพ์ไปกันเลยไหมคะบุษอยากกินก๋วยเตี๋ยวแล้วละค่ะ" บุษบาวรรณพูดไม่ให้ธรรพ์รู้สึกผิดและชวนธรรพ์ไปกินก๋วยเตี๋ยวและไปไหว้พระ "โอเค ไปขึ้นรถเลยครับ" ธรรพ์บอกบุษบาวรรณ เมื่อแวะกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จธรรพ์ก็พาบุษบาวรรณไปกราบพระที่วัดพุทไธศวรรย์ เมื่อบุษบาเข้าไปในวัดก็รู้สึกได้ว่าเหมือนตนเองนั้นเคยมาทำบุญที่นี่บ่อยๆ ธรรพ์ซื้อดอกไม้ธูปเทียนเสร็จก็มาส่งให้บุษบาวรรณ "ดอกไม้ธูปเทียนพี่เตรียมให้แล้ว เข้าไปไหว้พระกันเถอะครับน้องบุษ"ธรรพ์ส่งดอกไม้ธูปเทียนให้บุษบาวรรณและชวนเข้าไปกราบพระในหอพระด้านใน "เสียดายไม่มีพวงมาลัยดอกมะลินะคะ" บุษบาวรรณพูดขึ้น "ทำไมต้องพวงมาลัยดอกมะลิด้วยละครับน้องบุษ" อภิวัตรถามสีหน้าแสดงความสงสัย "บุษ! ...ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะแต่เหมือนบุษคุ้นเคยกับที่นี่เหมือนเคยมาบ่อยๆ อะค่ะพี่ธรรพ์" บุษบาวรรณบอกความรู้สึกของตนเองให้อภิวัตรทราบ "โธ่! ...พี่ก็ว่าทำไมคิดว่ากราบพระกับดอกมะลิจะขอเลขเด็ดเหมือนที่เขาไปขอหลวงพ่อทันใจกันเสียอีก" อภิวัตรพูดให้บุษบาวรรณขำแต่บุษบาวรรณทำหน้านิ่งไม่ยอมขำด้วย "พี่ธรรพ์ชอบพูดเล่นไปเรื่อยนะคะ บุษรู้สึกแบบนั้นจริงๆนะ" บุษบาวรรณว่าอภิวัตรด้วยสีหน้าน้ำเสียงจริงจัง "จ๊ะพี่ก็เชื่อว่าบุษเคยมาก็บุษบอกพี่เองว่าชอบทำบุญ ไม่แน่นะชาติที่แล้วบุษอาจเคยมาทำบุญกับพี่ที่นี่ก็ได้ชาตินี้บุญเลยหนุนนำให้เราได้มาเจอกันอีกแต่บุญจะดลใจให้บุษรักพี่ตอนไหนก็ไม่อาจจะรู้ได้" อภิวัตรพูดและมิวายพูดจาจีบบุษบาวรรณอีก "เข้าไปในหอพระเถอะค่ะพี่ธรรพ์" บุษบาวรรณพูดแต่สีหน้าแสดงชัดเจนว่าเขินอภิวัตร บุษบาวรรณและอภิวัตรก้มลงกราบพระพร้อมกัน บุษบาวรรณหลับตานิ่งตั้งจิตอธิษฐานแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลนี้ให้กับพ่อแม่ เทวดาทั้งหลายตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรในทุกชาติภพให้ได้มารับเอาส่วนบุญส่วนกุศลที่ได้ทำแล้วขอให้บุญนี้ถึงพ่อกับแม่ถ้าตกอยู่ในที่ทุกข์ขอให้พ้นจากทุกข์ถ้าอยู่ในที่สุขก็ขอให้สุขยิ่งๆ ขึ้นไป และขออุทิศบุญนี้ให้แก่เปรตสัมภเวสีวิญญาณเร่ร่อนด้วย ส่วนอภิวัตรอธิษฐานสั้นๆ ขอให้คนสวยใจอ่อนยอมเป็นเมียตนเสียทีเถิด "น้องบุษน้องอธิษฐานว่าอย่างไรอธิษฐานเสียนานเชียว" อภิวัตรถามบุษบาวรรณ "บุษอธิษฐานแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้พ่อกับแม่ ขอให้ท่านคุ้มครองบุษค่ะพี่ธรรพ์" บุษบาวรรณบอกธรรพ์ขณะที่กำลังเดินออกจากหอพระ "อ้าว คิดว่าใจตรงกันอธิษฐานว่าให้ได้รักกับพี่ทุกชาติภพเสียอีก" อภิวัตรแกล้งพูดจีบอีก "ก็มีอธิษฐานให้พี่ธรรพ์ พี่หมอและคุณท่านทั้งสองด้วยค่ะ อธิษฐานว่าให้มีความสุขใจสุขกายสุขภาพแข็งแรงให้ทุกคนอยู่กับบุษไปนานๆ" บุษบาวรรณบอกอภิวัตร "วันนี้ได้ทำบุญด้วยกันทั้งสองรอบแล้วพี่อธิษฐานไว้ว่าให้บุษรับรักพี่ไวๆ" อภิวัตรมองบุษบาสีหน้ายิ้มแย้มและจ้องตาบุษบาวรรณอย่างมีความหมายลึกซึ้ง บุษบาวรรณเองก็กลั้นยิ้มสีหน้าบ่งบอกความเขิน "จะกลับกรุงเทพกันเลยไหมคะ บุษอยากแวะซื้อของฝากไปฝากคุณท่านด้วย" บุษบาวรรณถามอภิวัตรขณะเดินไปขึ้นรถเพื่อขับออกจากวัด "งั้นเราแวะไปซื้อของที่ตลาดน้ำกันไหมล่ะ จะได้ซื้อฝากแม่อิ่มกับตาเพิ่มแกด้วยซื้อของฝากไปให้เสร็จเข้าบ้านไปลาทั้งสองคนก่อนแล้วค่อยขับรถกลับกรุงเทพเลย" อภิวัตรบอกกับบุษบาวรรณ "เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ บุษก็อยากไปลาแม่อิ่มท่านเหมือนกัน" บุษบาวรรณพูด เมื่อตกลงกันได้แล้วอภิวัตรก็ได้พาบุษบาวรรณไปซื้อของที่ตลาดน้ำ ซื้อของเสร็จก็เอาของไปฝากแม่อิ่มและลากลับกรุงเทพ อภิวัตรและบุษบาวรรณกลับมาถึงบ้านที่กรุงเทพช่วงหนึ่งทุ่มตรง เมื่อจอดรถแล้วบุษบาวรรณก็เดินเข้าบ้าน วันนี้หมอวัชระพาภรรยาคุณพยาบาลสาวสวยที่กำลังตั้งท้องอ่อนๆมากินข้าวที่บ้านด้วย "อ้าวมากันแล้ว ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลยละลูก" คุณหญิงมารตีพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าลูกชายเดินเข้าบ้านมาโดยมีบุษบาวรรณเดินตามหลังเข้ามาด้วย "เหมาตลาดน้ำมาเลยละครับคุณหญิง ว่าที่ลูกสะใภ้คุณหญิงเขาจัดมาเต็ม"อภิวัตรพูดกับแม่และส่งยิ้มให้พี่ชายและพี่สะใภ้วัยละอ่อนพยาบาลสาวสวยที่เพิ่งโดนพี่ชายเขารวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวจนท้องป่องและเพิ่งแต่งงานกันไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา ที่สุดแล้วไอ้หมอวัชระพี่ชายของเขาทำเป็นไม่กินไก่วัดสุดท้ายยังไงละท้องป่อง "สวัสดีครับไอ้พี่ชาย สวัสดีครับพี่สะใภ้มาถึงนานแล้วเหรอครับ" อภิวัตรทักทาย "ถึงตั้งแต่เย็นแล้ว ว่าแต่แกเถอะพาน้องไปไหนมาเหลวไหลใหญ่นะแก แม่ฟ้องฉันหมดแล้ว" หมอวัชระว่าน้องชายและหันไปยิ้มทักทายบุษบาวรรณ "สวัสดีค่ะพี่หมอ พี่ลูกจันทร์" บุษบาวรรณกล่าวทักทายหมอและภรรยาคนสวย "สวัสดีค่ะน้องบุษบาไปอยุธยากันมาหรือคะ" ลูกจันทร์ภรรยาหมอวัชระถามบุษบาวรรณ "ใช่ค่ะพี่ลูกจันทร์ บุษไปช่วยพี่ธรรพ์ดูที่เพื่อออกแบบทำรีสอร์ตมาค่ะ" บุษบาวรรณพูดบอก "แหมเอาแล้ว เดี๋ยวนี้เรียกพี่ธรรพ์นี่ตกลงกันแล้วเหรอ หรือว่าแม่กับเจ้าสัวกำลังจะได้ลูกสะใภ้เพิ่มขึ้นอีกคน" หมอวัชระพูดล้อน้องทั้งสอง "ใช่ครับ ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นละครับ" "ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ไม่ใช่" อภิวัตรและบุษบาวรรณพูดขึ้นพร้อมกันอีกคนยอมรับหน้าชื่นตาบานแต่อีกคนกลับรีบปฏิเสธ "เอาละๆ พ่อว่ามากินข้าวกันเถอะมัวแต่แกล้งล้อน้องมันแกน่ะเจ้าหมอ หลานฉันหิวข้าวแล้ว มานั่งลงกินข้าวได้แล้ว" เจ้าสัวทรงเกียรติพูดขึ้น "ใช่ค่ะเจ้าสัวพูดถูกใจน้อง หลานฉันหิวแล้วหนูจันทร์กินเยอะๆนะลูก หลานแม่จะได้แข็งแรง" คุณหญิงเห็นด้วยกับสามีบอกให้สะใภ้ใหญ่กินเยอะๆ "อยากมีเมียบ้างจังโว้ย อิจฉาพี่หมอมันจังมีเมียปั๊บได้ลูกปุ๊บน้องบุษว่าไหมจ๊ะ พี่ว่าเราสองคนน่าจะรีบหน่อยก็ดีนะ" อภิวัตรพูดขึ้นกับทุกคนและหันไปขอความเห็นจากบุษบาวรรณทำให้บุษบาวรรณเขินจนวางหน้าไม่ค่อยจะถูก "หยุดเลยนะแก คนนี้ลูกสาวแม่ถ้ายังเรียนไม่จบแม่ไม่ยกให้หรอกนะ"คุณหญิงมารตีพูดขัดคอลูกชาย "โธ่แม่ครับ อีกตั้งสามปีเชียวนะบุษเพิ่งจะเรียนปีหนึ่งผมรอกันแก่พอดี" อภิวัตรพูดโอดครวญ "แหม ทำอย่างกะตอนนี้เป็นวัยรุ่น 30 แล้วไหมครับไอ้น้องชาย" หมอวัชระแกล้งว่าอย่างหมั่นไส้อภิวัตร "แหมครับ พ่อคุณหมอหนุ่มน้อยไม่ได้กินเด็กเลยพี่ชายผมน่ะ ได้ข่าวที่นั่งท้องโตอยู่คนนี้นักศึกษาพยาบาลไม่ใช่เหรอครับท่านคุณหมอ ผมอ๊ะอยากกินเด็กผมก็สารภาพตรงๆและยินดีจะรอนะครับ" อภิวัตรพูดเอาคืนบ้าง "เออ!....อันนี้น้องมันก็พูดถูกนะโว้ยเจ้าหมอ ก็แก36แล้วนะแล้วแม่หนูลูกจันทร์เขาเพิ่ง23 เองไม่ใช่เหรอ" เจ้าสัวพูดและหัวเราะอย่างอารมณ์ดี "โธ่พ่อ ไม่เข้าข้างผมเลยครับ" หมอวัชระพูด "ก็มันจริงแกก็ไปรังแกหนูลูกจันทร์เขาเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรเพราะฉันได้หลาน" เจ้าสัวพูดอารมณ์ดี "เอาละ เรื่องธรรพ์กับหนูบุษเอาเป็นว่าผู้ใหญ่รับรู้ว่าพ่อตัวดีของป้าเขาพึงใจในตัวหนู ป้าแล้วแต่หนูบุษจะตัดสินใจนะถ้าไม่มีใจให้เจ้าธรรพ์ป้าจะไม่บังคับและเจ้าธรรพ์ก็ไม่มีสิทธิ์บังคับใจน้องด้วย ปล่อยให้เรียนรู้กันไปก่อนนะลูกนะให้น้องได้เรียนให้จบก่อน เข้าใจไหมเจ้าธรรพ์" คุณหญิงมารตีพูดสำทับลูกชาย "ครับแม่ผมจะรอ" ธรรพ์พูดและส่งสายตาหวานซึ้งไปยังบุษบาวรรณ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD