13 ว่าที่เจ้าบ่าว

1217 Words
“ตกลงยังไงยัยเกล จะแต่งไม่แต่ง” พ่อหันไปถามลูกสาวคนเล็กอีกครั้ง รู้ว่านี่อาจจะเป็นการบีบบังคับ แต่คนเป็นพ่อก็เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีกับลูก “กะ...ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบรับแบบน้ำตาตกใน จะให้แข็งอย่างไร เธอก็ไม่กล้าขัดคำสั่งกาญจนา “งั้นก็ให้ยัยเกลมันแต่งแทนยัยรัตน์” “ดีค่ะคุณพ่อ” ธัญรัตน์รีบสนับสนุนทันที ต่างจากเกวลินที่ยืนหน้าซีดพูดไม่ออก ส่วนกาญจนาไม่พูดไม่จา เดินผ่านหน้าสามี และลูกออกไปจากห้องด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เมื่อไม่ต้องถูกบังคับให้แต่งงานแล้ว ธัญรัตน์ก็ยิ้มออกมาได้ สายตาตวัดมองไปทางน้องสาว ก่อนจะชะงักด้วยความแปลกใจ “แกไปทำอะไรมา” วันนี้เกวลินดูแปลกตาไปกว่าทุกวัน “อะไร?” เกวลินตอบกลับเสียงเนือย ไม่อยากเสวนากับใครหน้าไหนทั้งนั้น “แต่ก็ดีแล้วล่ะที่แกดูดีขึ้น ทางโน้นจะได้ไม่ดูถูก คิดว่าเอาลูกคนใช้ไปแต่งงานกับลูกชายเค้า” ธัญรัตน์ยกมือขึ้นปิดปากแล้วหัวเราะเสียงใส ก่อนจะเดินตามหลังกาญจนาออกไป คงเหลือแต่สองพ่อลูกที่ยืนนิ่งเงียบ ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา เกวลินยื่นหนังสือลาพักร้อนสองอาทิตย์ เพื่อเดินทางไปเจอว่าที่เจ้าบ่าว รวมทั้งแนะนำตัวในฐานะว่าที่เจ้าสาว ก่อนจะมีการพูดคุยเรื่องแต่งงานกัน เรื่องนี้เธอบอกนิรดาเพียงคนเดียว เพื่อนสาวตกใจไม่คิดว่าเธอจะแต่งงานสายฟ้าแลบ อย่าว่าแต่เพื่อนเลย เธอเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะต้องแต่งงานแบบคลุมถุงชน มรสุมชีวิตมันดาหน้าเข้ามาพร้อมกัน ยังเสียใจไม่หาย เรื่องถูกหลอกจนต้องเสียทีให้คนแปลกหน้า ก็ต้องมาอกหักจากชายที่เธอหลงรักมานานหลายปี ซ้ำร้ายถูกบังคับให้แต่งงานแบบสัญญาระหว่างผู้ใหญ่ หน้าตาเจ้าบ่าวเป็นยังไงยังไม่รู้ บรรยากาศภายในรถยนต์เงียบกริบ ไม่มีแม้แต่เสียงเพลงจากเครื่องเสียงรถยนต์ สองสามีภรรยาก็เอาแต่นั่งเงียบ เกวลินถอนหายใจออกมาด้วยความอึดอัด ช่างเป็นบรรยากาศที่ห่างไกลจากคำว่าความสุข ตรงข้ามกับเรื่องที่กำลังจะเดินทางไปเจรจายิ่งนัก เมื่อเห็นป้ายแสงสุขฟาร์ม รถยนต์ก็เลี้ยวเข้าไปมีรปภ.ออกมาสอบถาม เมื่อรู้ว่าพวกเธอเป็นคณะที่มาจากกรุงเทพฯ ตามที่เจ้านายสั่งไว้ รปภ.ก็รีบตะเบ๊ะพร้อมกับเปิดประตูให้ทันที เกวลินจ้องมองด้วยความตื่นตา ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่เขียวขจีสุดลูกหูลูกตา สองข้างทางที่รถวิ่งผ่านก็เต็มไปด้วยดอกไม้เป็นทิวแถวสวยงาม หลากสีสันสลับกันไป ดวงตาเป็นประกายชื่นชม หลงใหลความสวยงามราวกับสรวงสวรรค์ เมื่อรถยนต์วิ่งผ่านทุ่งหญ้ามา ก็มองเห็นสวนองุ่นแปลงใหญ่ที่กำลังออกลูกห้อยระย้าน่าเด็ดกิน หากการเดินทางครั้งนี้ มาเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อน เธอคงจะตื่นเต้นไม่น้อย แต่เมื่อนึกถึงเหตุผลที่เธอต้องมาที่นี่ ก็ทำให้ความสุขของเกวลินลดฮวบลงไป รถยนต์แล่นเข้าไปจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ มองเห็นชายวัยกลางคน รูปร่างท้วม สูงใหญ่ กำลังยืนรอต้อนรับพวกเธออยู่ก่อนแล้ว เกวลินค่อยๆ เปิดประตูลงไปพร้อมกับสุพจน์และกาญจนา “เป็นไงเพื่อน เดินทางมาโอเคมั้ย” ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาจับมือสุพจน์เขย่าเบาๆ ก่อนจะโอบกอด และตบไหล่เป็นการทักทายกัน “โอเค...นี่ฉันไม่ได้มาหาแกเกือบสิบปีแล้วมั้ง เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะ” สุพจน์หัวเราะเบาๆ เมื่อกวาดตามอง รอบบ้านของเพื่อนรัก “มันก็ต้องพัฒนา ขยับขยายกันบ้างล่ะ เป็นไงครับคุณแก้วสบายดีนะครับ” “สบายดี ขอบคุณค่ะ” กาญจนาส่งยิ้มให้เจ้าของฟาร์ม สายตากวาดมองรอบคฤหาสน์หลังใหญ่โต ยิ่งเห็นอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลของแสงสุขฟาร์ม ก็ยิ่งรู้สึกเสียดายแทนลูกสาวคนโต หากธัญรัตน์ยอมแต่งงานกับลูกชายของสาคร ก็คงจะสุขสบาย ร่ำรวย ไม่ต้องทำงานก็มีกินมีใช้ไปทั้งชาติ “แสงสุขฟาร์ม กว้างใหญ่ไพศาล มองจนสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว” แววตาชื่นชม เมื่อเห็นอาณาจักรของเพื่อนขยายใหญ่โตขึ้นจากเมื่อสิบปีก่อน “ตอนนี้ลูกชายมันกลับมาช่วยเต็มตัว ก็เลยขยายออกไปเรื่อย เมื่อห้าปีที่แล้วก็เพิ่งตั้งโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์นมส่งออก ส่วนนั่นก็ของเจ้าวิชญ์มัน ทำโรงงานอาหารสำเร็จรูปสำหรับโคนม ส่วนโน่นก็โรงงานผลิตพวกน้ำผลไม้ ผลิตไวน์” “ลูกชายนายนี่ไม่ธรรมดาเลย” “ก็ได้พวกนี้แหละเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ไอ้เรามันแก่แล้วชักจะทำไม่ไหว ลูกๆ มันก็เลยตั้งให้เป็นที่ปรึกษา เป็นไงล่ะ ตำแหน่งนี้ดูโก้มั้ย...ฮ่า ฮ่า” สาครพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจในตัวบุตรชาย ก่อนจะหัวเราะเสียงดังอารมณ์ดี “นายมันโชคดี มีลูกชายสองคนก็เก่งทั้งคู่...เออจริงสิ ลืมแนะนำไป เกลมานี่ลูก มาสวัสดีลุงสาคร นายใหญ่ของ แสงสุขฟาร์มก่อน...นี่เกวลินลูกสาวฉันเอง” สุพจน์ดึงตัว ลูกสาวเข้าไปแนะนำ “สวัสดีค่ะคุณลุง” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ท่าทางนอบน้อม สาครพยักหน้ารับ พลางพิจารณาลูกสาวเพื่อนหน้าตา สะสวย ใบหน้ารูปหัวใจ ดวงตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อย คงจะเป็นลูกสาวคนเล็กของเพื่อน ดูเปลี่ยนไปเยอะไม่มีเค้าของเด็กน้อยในวันวาน แต่ที่แปลกใจ กลับไม่เห็นธัญรัตน์ลูกสาวคนโตของสุพจน์เดินทางมาด้วย ทั้งที่เพื่อนรักบอกว่าจะพาหนุ่มสาวมาเจอกัน พร้อมพูดคุยเรื่องแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราวสักที “แล้วหนูรัตน์ไม่มาด้วยเหรอ” สาครเอ่ยถามเพื่อนรัก “เอ่อ...” สุพจน์อ้ำอึ้งอย่างไม่รู้จะตอบอย่างไร “พอดียัยรัตน์เดินทางไปต่างประเทศกับเพื่อนๆ ของเค้าค่ะ เลยไม่ได้มาด้วย” “อ้อ” ยิ่งฟังก็ยิ่งแปลกใจ สาครหันไปสบตาสุพจน์ “คือ...” “เข้าไปคุยกันข้างในบ้านดีกว่านะ พักให้หายเหนื่อยก่อน แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องของเด็กๆ” สาครตบไหล่เพื่อนเบาๆ ก่อนจะหันไปเชิญทุกคนเข้าไปด้านใน “ก็ดี ฉันก็มีเรื่องจะคุยกับนายเหมือนกัน” สุพจน์พยักหน้า ก่อนจะเดินตามหลังเพื่อนสนิทเข้าไปในบ้าน เกวลินมองตามสุพจน์กับสาครที่เดินเข้าไปพร้อมกัน โดยมีกาญจนาเดินตามไปเงียบๆ ส่วนเธอเดินปิดท้ายขบวน เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในห้องรับแขกของแสงสุขฟาร์ม เกวลินก็ห่อปากด้วยความตื่นตาตื่นใจ ทุกอย่างจัดตกแต่งหรูหรา ของประดับทุกชิ้นเป็นของสะสมหายาก แสดงฐานะของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี สาครกับสุพจน์ทรุดตัวลงนั่งตรงเก้าอี้รับแขก กาญจนาก็หย่อนตัวลงนั่งข้างสามี ส่วนเกวลินขยับเดินเข้าไปนั่งลงตรงข้ามกับผู้ใหญ่เงียบๆ ไม่ปริปากพูดอะไร ใช้เพียงสายตามองสำรวจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD