“ยัยเกลมันเซ่อขนาดนั้น หน้าตาก็สวยไม่ได้ครึ่งของลูก ขืนให้แต่งไปเป็นสะใภ้บ้านคุณสาคร แล้วไปทำตัวเด๋อด๋าให้แม่ขายหน้า อายเค้าตายเลย ไม่เอาหรอก”
กาญจนาปฏิเสธเสียงแข็ง จะให้ลูกสาวคนเล็กแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนสนิทสามีไม่ได้ ยังไงก็ต้องเป็นธัญรัตน์เท่านั้น
คำพูดของกาญจนา ถูกใจคนแอบฟังยิ่งนัก การเป็นลูกชังของแม่ บางทีก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน
“คุณแม่ขาให้ยัยเกลแต่งน่ะดีแล้ว มันจะได้ไปช่วยเค้าทำไร่ทำสวนเลี้ยงวัว เหมาะกับมันจะตาย”
“แต่แม่ว่า...”
“หรือถ้ากลัวทางโน้นเค้าไม่ยอมรับมัน เดี๋ยวรัตน์จะจับยัยเกลมาแต่งตัวดีๆ สวยๆ พอเค้าเห็น ก็คงยอมรับมัน เองแหละ”
“แต่แม่อยากให้รัตน์แต่งนะลูก ทางโน้นเค้าร่ำรวย ยังไงหนูก็ไม่มีวันลำบากแน่นอน เชื่อแม่สิ”
“ไม่ค่ะแม่”
“รัตน์..” กาญจนาโอดครวญออกมาด้วยความปวดใจ เธอไม่เคยบีบบังคับใจลูกสาวสักครั้ง ตั้งแต่เล็กจนโต พอถึงคราวที่อยากให้ลูกตามใจแม่อย่างเธอบ้าง ธัญรัตน์ก็ไม่ฟัง มีแต่รั้น
“เอาล่ะ!...ในเมื่อรัตน์ไม่ยอม ถ้าอย่างนั้นพ่อก็จะบอกลุงสาครว่า ขอเปลี่ยนตัวจากรัตน์เป็นยัยเกลละกัน มันคง
ไม่ว่าหรอก ยังไงก็ลูกเราเหมือนกัน พ่อก็จะได้ไม่เสียคำพูด”
“คงสมใจคุณล่ะสิ!...อยากให้ลูกสาวคนโปรดของคุณแต่งอยู่แล้วนี่” กาญจนาหันมาแว๊ดใส่สุพจน์ด้วยความโมโห ขัดใจทั้งลูกทั้งผัว
“ทำไมพูดอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นยัยรัตน์หรือยัยเกล ผมก็รักเหมือนกัน”
“แต่ไม่เท่ากัน ทั้งที่คุณสาครอยากได้ตัวยัยรัตน์ แต่คุณก็ยังจะเสนอยัยเกลให้ทางโน้น แบบนี้ยังจะกล้าพูดเต็มปากอีกเหรอว่ารักลูกเหมือนกัน” คุณแม่ทีมลูกสาวคนโตฮึดฮัดโมโหใส่สามี
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคุณแก้ว ก็ในเมื่อยัยรัตน์มันไม่ยอมแต่ง จะให้ผมทำไง จะบังคับลูกเหรอ คุณทำได้มั้ยล่ะ”
“คุณพจน์!!”
“ว่าไงยัยรัตน์ ตกลงจะแต่งกับลูกชายลุงสาครมั้ย” สุพจน์หันไปถามลูกสาวคนโตอีกครั้ง
“ไม่ค่ะ!” หญิงสาวตอบปฏิเสธหนักแน่น
“ได้ยินหรือยังคุณแก้ว”
“ตามใจ! คุณอยากทำอะไรก็ตามใจ ฉันจะไม่ยุ่ง”
เกวลินยืนนิ่งอึ้งอยู่หน้าประตู ถึงจะโตป่านนี้ แต่เธอก็ยังอดน้อยใจคนเป็นแม่ไม่ได้ ที่ผ่านมากาญจนามักจะแสดง ออกชัดว่ารักพี่สาวมากกว่าเธอ
หลายครั้งต้องรอรับของต่อจากพี่สาว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ของเล่น ไม่เคยได้ซื้อของใหม่ แต่เธอก็รักแม่กับพี่สาวมาก พอทำงานมีเงินเดือน ก็ให้แม่ทุกครั้งไม่เคยขาด หวังจะได้รับความรักบ้าง
แต่คำพูดที่ได้ยินวันนี้ ไม่ใช่กาญจนาลำเอียง แต่แม่ ไม่รักเธอเลยต่างหาก เธอมันก็แค่ลูกชัง ทำไรก็ไม่เคยถูกตา ถูกใจแม่ เรียนก็ไม่เก่งเหมือนพี่สาว พอทำงานก็ตำแหน่ง กิ๊กก๊อก ไม่หรูหรา สรุปคือเธอผิด...ผิดที่เกิดเป็นเกวลิน
‘ก๊อก ก๊อก’
“อ้าวยัยเกล เข้ามาสิ” สุพจน์หันไปมองหน้าประตูก็เห็นลูกสาวคนเล็กยืนส่งยิ้มมาให้
“สวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะคุณแม่ พี่รัตน์” แม้แต่คำเรียกขาน เธอก็ไม่กล้าตีสนิท ถ้าบอกว่าเธอเป็นลูกที่ขอมาเลี้ยง ก็ยังน่าเชื่อ
“มาถึงนานหรือยัง”
“เพิ่งมาถึงค่ะพ่อ เกลไม่เห็นใครก็เลยลองเดินมาดูที่ห้องทำงาน แล้วนี่...มีอะไรกันหรือเปล่าคะ”
“ยัยเกล แกมาก็ดีแหละ”
“ดี?”
“ใช่!...ข่าวดีของแก พ่อคะให้ยัยเกลมันแต่งเลยค่ะ”
“แต่ง?” เกวลินเลิกคิ้วสูงจ้องหน้าพี่สาว อะไรก็ตามที่ธัญรัตน์ไม่ต้องการ ของสิ่งนั้นก็มักจะตกมาเป็นของเธอ
ครั้งนี้ก็คงไม่แตกต่าง แต่เธอก็ไม่ต้องการเหมือนกัน ใครจะยอมแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จัก แค่เหตุการณ์คืนนั้นที่ผับก็เป็นบาดแผลในใจเธอมากพอแล้ว
“ก็ใช่สิ จะให้แกแต่งงานกับไอ้หนุ่มเลี้ยงวัว” ธัญรัตน์รีบโยนให้น้องสาว
“เค้าทำฟาร์มโคนม” สุพจน์เอ่ยแก้ให้ลูกสาวเข้าใจเสียใหม่
“แต่เขาต้องการตัวพี่รัตน์ไม่ใช่เกล” เกวลินโต้กลับ ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมแล้ว
“จะใครก็เหมือนกันแหละ แต่บังเอิญฉันมีแฟนแล้ว ส่วนแก...ไม่มี! ฉะนั้นแกต้องแต่ง”
“ไม่! เพราะเค้าอยากได้พี่รัตน์ ไม่ใช่เกล” หญิงสาวยังคงพูดซ้ำ ตามที่เธอได้ยิน
“แกจะเล่นตัวทำไม ยังไงแกก็ไม่มีแฟน แต่งๆ ไป แล้วก็ไปช่วยสามีแกทำไร่ไถนา เลี้ยงวัวเลี้ยงควายโน่น
ก็เหมาะกับคนอย่างแกดี” ธัญรัตน์เหยียดมองน้องสาว ปกติก็เป็นพี่น้องที่ไม่ค่อยลงรอยกันอยู่แล้ว
“ยัยรัตน์หยุด!”
“ก็รัตน์...” ธัญรัตน์เงียบเสียงลง เมื่อสุพจน์จ้องมา สีหน้าเรียบสนิท เริ่มไม่พอใจ
“พ่อเคยตกลงกับลุงสาครไว้ เมื่อไหร่ที่เรามีลูกชายกับลูกสาว จะให้แต่งงานกัน และเราก็รับของหมั้นเค้ามาแล้ว”
“พ่อคะ...” เกวลินรู้เลยว่าคำตอบของเธอจะเป็นอะไรไปได้
“เกลว่าไง หนูจะแต่งงานกับลูกชายลุงสาครมั้ย”
“เอ่อ...” สายตาสุพจน์ที่มองมา คาดหวังจะได้ยินคำตอบจากลูกสาว เกวลินได้แต่อ้ำอึ้ง ทั้งที่ในใจมีแต่คำว่า
...ไม่!!
“ว่าไง” สุพจน์ถามย้ำ
“เกล...ไม่แต่งได้มั้ย” หญิงสาวพูดเสียงอ่อย สายตาเหลือบมองกาญจนาที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ที่โซฟา คำตอบครั้งนี้จะผิดใจผู้ให้กำเนิดอีกหรือเปล่า
“ไม่เป็นไร ถ้าไม่แต่งพ่อก็แค่ไปบอกยกเลิก”
“ไม่ได้!!” กาญจนาโพล่งขึ้นมา จะให้ยกเลิกได้ยังไง สินสอดทองหมั้นตั้งมากมายอยู่ในมือแล้ว จะปล่อยให้หลุดลอยไปได้อย่างไร
“นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ ตกลงจะเอายังไงกัน” สุพจน์เริ่มเสียงแข็งขึ้นมา ทั้งลูกทั้งเมียมีแต่คนอยากได้ แต่ไม่มีคนยอมเสียสละ
“ฉันจะไม่ยอมคืนของหมั้นเด็ดขาด ทุกวันนี้บ้านเราก็แทบจะไม่เหลือทรัพย์สมบัติอะไร ที่พอให้เชิดหน้าชูตาได้อีกแล้ว นอกจากของหมั้นที่คุณสาครให้มา” กาญจนายังสนใจอยู่กับสินสอดของหมั้นจำนวนมหาศาล เมื่อเทียบกับฐานะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เพราะไม่ได้ร่ำรวยเหมือนในอดีตแล้ว
“ไม่แต่งก็ต้องคืน ถ้าอยากได้ก็หาซื้อเอาเอง”
“คุณพจน์!!” กาญจนาแผดเสียงขึ้นด้วยความโมโห
“ผมก็ไม่ยอมทรยศหักหลังเพื่อนเหมือนกัน!”
“ยัยเกล!...แกแต่งกับลูกชายคุณสาครแทนยัยรัตน์” กาญจนาหันไปทางลูกสาวคนเล็ก ก่อนจะออกคำสั่ง ไม่ใช่ถามความเห็น
“แต่คุณแม่คะ...เกล”
“หรือแกมีปัญหา” สายตาที่จ้องมา ทำเอาหญิงสาวคอหด ตัวลีบเล็กลง ไม่กล้าเอ่ยปากต่อ