“สาคร...ฉัน...” สุพจน์จะเอ่ยปาก ก็รู้สึกกระดากอาย เมื่อมันไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้
“นายจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ ไม่ต้องอ้ำอึ้ง”
“ก็เรื่องลูกสาวฉันนั่นแหละ ที่เราเคยคุยกันว่าจะให้ยัยรัตน์แต่งงานกับพ่อเตวิชญ์”
“อ้อ...แล้วมีอะไรหรือเปล่า”
“ถ้าฉันจะขอเปลี่ยนตัวเจ้าสาว เป็นยัยเกลลูกสาวคนเล็กของฉันแทน นายเห็นว่าเป็นไง”
เพื่อนสนิทนั่งนิ่ง ไม่เอ่ยคำใด สุพจน์ก็เริ่มใจเสีย กลัวจะทำให้เพื่อนรักไม่พอใจจึงรีบพูดต่อ “ถ้านายไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไรนะ ฉันยินดีคืนของหมั้นทั้งหมด เพราะทางเราเป็นคนผิด ยังไงลูกสาวคนโตฉัน ยัยรัตน์คงแต่งงานไม่ได้จริงๆ”
“คุณสาคร คงไม่ว่านะคะถ้าเราจะให้ยัยเกลแต่งงานแทน ยังไงก็เป็นลูกสาวเราเหมือนกัน” กาญจนารีบพูดแทรกขึ้นมา เมื่อได้ยินสามียินยอมจะคืนของหมั้น เรื่องอะไรจะคืนให้ ในเมื่อของทุกอย่างเธอเก็บไว้หมดแล้ว
“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ หรือหนูรัตน์รังเกียจที่จะแต่งงานกับลูกชายฉัน”
“ปะ...เปล่านะคะคุณสาคร” กาญจนาละล่ำละลักตอบทันที
“ทำไมล่ะครับ”
“คือว่า...ลูกรัตน์กำลังคบหาดูใจอยู่กับลูกชายท่านรัฐมนตรีวรเชษฐ์ อีกไม่นานก็คงจะแต่งงานกันแล้วค่ะ คุณพจน์กับแก้วก็เลยปรึกษากันว่า จะขอเปลี่ยนตัวเจ้าสาว เป็นยัยเกลแทน หวังว่าคุณสาครคงไม่รังเกียจลูกสาวคนเล็กของเรานะคะ”
“เอ่อ...”
“ขอโทษด้วยนะเพื่อน ถ้านายไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไร ทางเรายินดีจะคืนทุกอย่างให้”
กาญจนาหันไปมองสามีสีหน้าไม่พอใจ เธอกำลังเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายเห็นดีเห็นงามด้วย แต่สุพจน์กลับบอกจะคืนของทุกอย่างให้ ใครจะยอม
“ยัยเกลมานี่สิลูก” กาญจนาหันไปเรียกลูกสาวคนเล็กเสียงอ่อนเสียงหวาน เกวลินจึงขยับตัวลุกเดินเข้าไปหาคนเป็นแม่
“คุณสาครคะ ยัยเกลปีนี้ก็ยี่สิบสามแล้ว มีงานมีการทำเป็นพนักงานการเงินที่บริษัทเอกชนมีชื่อเสียง ทำงานเก่ง หน้าตาก็น่ารักน่าเอ็นดู เป็นเด็กดีค่ะว่านอนสอนง่าย ถ้าคุณสาครจะเมตตารับยัยเกลเป็นสะใภ้ ทางเราก็ยินดีจะให้ลูกสาวเราย้ายมาอยู่ที่แสงสุขฟาร์ม”
“คุณแม่!” เกวลินยิ้มค้าง เมื่อได้ยินกาญจนาจะให้เธอย้ายมาอยู่ที่แสงสุขฟาร์ม กำลังจะแย้งคนเป็นแม่ก็ส่งสายตาสั่งให้เธอหุบปาก
“คุณสาครไม่ต้องเป็นห่วงเลยนะคะ ยัยเกลทำงานเก่ง อดทน ขยันค่ะ ให้ทำงานอะไรไม่เคยเกี่ยง สบายใจได้” กาญจนายัดเยียดเกวลินให้เป็นสะใภ้ของแสงสุขฟาร์มทันที โดยทุกคนไม่มีโอกาสปฏิเสธ
“นั่งนิ่งทำไม ไหว้คุณสาครฝากเนื้อฝากตัวสิลูก” กาญจนาหันมาถลึงตาใส่ลูกสาว
เกวลินยกมือขึ้นไหว้ ก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความอึดอัดใจ รู้สึกละอายที่กาญจนาทำราวกับเธอเป็นสิ่งของไร้ค่า ต้องมาเร่แจก และยัดเยียดให้ ทั้งที่เขาไม่ต้องการ
“ลูกสาวคุณแก้วก็เหมือนลูกสาวผม ไม่ต้องห่วงหรอก หนูเกลก็ไม่ต้องกังวลนะ คิดซะว่าที่นี่ก็เป็นบ้านของหนูเหมือนกัน” สาครหันไปพูดกับหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าเงียบ
“ขอบคุณนะคะคุณสาคร” กาญจนายิ้มออกมาได้ เมื่อสาครรับปากก็เท่ากับยอมรับเกวลินเป็นลูกสะใภ้แล้ว
หลังจากนั้นผู้ใหญ่ก็พูดคุยเจรจากัน มีเพียงเกวลินที่นั่งฟังเงียบๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงรถยนต์วิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้าน ทุกคนต่างชะงัก และหันไปมองหน้าประตูบ้านเป็นตาเดียวกัน
“เจ้าวิชญ์...มานี่”
“ถ้าป๊ามีแขก งั้นผมไม่รบกวนดีกว่า” ชายหนุ่มไม่ทันมองว่าเป็นใคร ก็หมุนตัวกลับจะเดินออกจากห้อง แต่สาครก็เรียกลูกชายไว้
“แขกเขิกที่ไหนกัน มานี่ป๊ามีคนอยากแนะนำให้รู้จัก”
เตวิชญ์กวาดตามองอย่างรวดเร็วก่อนจะสาวเท้าเดินตรงเข้าไปหาสาคร แขกสองคนหน้าตาคุ้นๆ แต่จำไม่ได้ ส่วนหญิงสาวคนเดียวในห้อง เขาไม่เคยรู้จักแน่นอน
“นี่คุณพจน์กับคุณแก้ว จำได้มั้ยแต่ก่อนเคยมาที่ไร่เราบ่อยๆ ก่อนที่พวกแกจะไปเรียนต่อต่างประเทศกัน”
“สวัสดีครับคุณอาพจน์ คุณอาแก้ว” ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ เมื่อสาครแนะนำ ก็ทำให้เขาพอนึกหน้าออก แต่ก็เลือนลางเต็มที เพราะนับครั้งได้ที่เคยเจอกัน
“สวัสดีหลานชาย โตเป็นหนุ่มหล่อจนอาเกือบจำไม่ได้ เป็นไงสบายดีมั้ย”
“สบายดีครับคุณอา”
“นั่งก่อนสิเจ้าวิชญ์ ป๊ามีเรื่องจะคุยด้วย” สาครหันไปพยักหน้าเรียกลูกชายให้นั่งลงข้างกัน
“ครับ”
...อย่าบอกนะว่าคนนี้คือว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ
“หนูเกล...นี่พี่เตวิชญ์”
“สวัสดีค่ะ” เกวลินยกมือไหว้พลางลอบมองสำรวจ
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อโปโลสีเข้ม กางเกงยีนส์ ใบหน้าคมผิวขาวหล่อใสราวกับพระเอกซีรี่ย์ ดูไม่คล้ายสาคร ยิ้มเล็กน้อย แต่กลับดูมีเสน่ห์ ทำให้ใบหน้านั้นหล่อขึ้นอีก
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มผงกหัวทักทายหญิงสาว ก่อนจะหันกลับไปมองสาคร สายตามีคำถาม “...ป๊ามีอะไรหรือเปล่า”
“ก็เรื่องที่เราเคยคุยกันนั่นแหละ ว่าจะให้แกแต่งงานกับลูกสาวของอาพจน์”
เตวิชญ์ชะงัก ก่อนจะหันกลับไปพิจารณาหญิงสาวที่นั่งข้างกาญจนาอีกครั้ง ด้วยความสนใจมากขึ้น หน้าตาสวยน่ารัก ดวงตากลมโต ผมยาวสลวย ผิวขาวผ่องดูนวลเนียน
แล้วสายตาก็สะดุดเข้ากับหน้าอกหน้าใจของหญิงสาว มันดึงดูดสายตาจนเผลอจ้องมองเป็นนาน กว่าจะรู้ตัวก็ถูกสาครกระทุ้งศอกเข้าใส่เต็มสีข้าง
“โอ๊ย!! ป๊าสะกิดเบาๆ ก็ได้”
“แกก็อย่าจ้องเกิน ให้เกียรติผู้หญิงเค้าบ้าง”
“ป๊า...ไม่มีอะไรหรอกน่า น้องเค้าน่ารักผมก็มอง แค่นั้น”
“หึ!” สายตารู้เท่าทันลูกชาย “แกพาหนูเกลออกไปเดินเล่นก่อน เดี๋ยวผู้ใหญ่จะได้คุยกัน”
“อ่อ...ได้”
เตวิชญ์ หนุ่มโสดวัยสามสิบ เรียนจบด้านเกษตรจากต่างประเทศ กลับมาช่วยดูแลงานในแสงสุขฟาร์มร่วมกับพี่ชาย ไม่ค่อยสนใจเรื่องผู้หญิง ที่ผ่านมาไม่เคยคบใครจริงจัง หากต้องการก็แค่ซื้อกิน ไม่เคยต้องมารับผิดชอบชีวิตใคร
แต่พอสบตากับเกวลิน ดวงตากลมโตคู่นั้นกลับดึงดูดเขาให้เหลียวมองซ้ำ รวมทั้งหุ่นสวยบาดตาของเธอ บอกตรงๆ ว่าแรกพบเธอก็ถูกใจเขา
บางทีการถูกจับแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป เตวิชญ์ยกมุมปากยิ้ม หากไอ้พี่ชายตัวแสบได้มาเห็นว่าที่เจ้าสาวของเขารับรองมันต้องอิจฉา
“คุณเกลครับ สนใจจะไปเดินชมรอบบ้านก่อนมั้ย แล้วเราค่อยมาทานอาหารเย็นกัน” ชายหนุ่มเอ่ยชวนหญิงสาว
“เอ่อ...ได้ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะลุกเดินตามเตวิชญ์ออกไป