11 ใครจะไปยอม

1232 Words
“ทีนี้เล่ามาได้ยัง ฉันรอฟังอยู่” หลังอาหารทยอยมาวางเสิร์ฟเต็มโต๊ะ นิรดาก็เอ่ยถามเพื่อนสาวด้วยความสงสัย วันนี้เกวลินดูเปลี่ยนไป เอาแต่เงียบ และเหม่อลอย เหมือนมีเรื่องทุกข์ใจหนักหนาสาหัส “พี่สายชลกับพี่สาการตลาดเป็นแฟนกัน” “ห๊ะ!!” “จริง” เกวลินยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลซึมออกมาด้วยความสะเทือนใจ จากนั้นเธอก็เปิดปากเล่าทุกอย่างให้เพื่อนสาวฟัง ยกเว้นเรื่องเดียว เหตุการณ์ในห้องวีไอพี เธอไม่กล้าบอกใครแม้แต่เพื่อนสนิท เพราะมันเป็นความโง่ และน่าอายเกินกว่าจะเล่าให้ใครฟัง อีกอย่างเธอกับนายยักษ์นั่น ก็คงไม่มีทางได้เจอกันอีก ปล่อยให้มันเงียบหาย และตายไปจากชีวิตเธอจะดีกว่า “อะไรนะ นี่พี่สายชลกล้าทำกับแกแบบนี้ได้ยังไง ไอ้ทุเรศ ไอ้หน้าตัวเมีย ไอ้...จะด่ามันยังไงดี” นิรดาบริภาษด่าทั้งที่ข้าวยังเต็มปาก “เค้าไม่ได้ทำ เพื่อนเค้า” “ยัยเกล...ป่านนี้แล้ว แกยังหน้ามืดตาบอดเห็นว่ามันดีอีกเหรอ” “เปล่า ฉันไม่ได้บอกว่าพี่เค้าดี เพียงแต่เค้าไม่ได้รักฉัน มันก็ไม่แปลกที่จะไม่สนใจ” “มันใช่ที่ไหนกันล่ะ ไม่ชอบก็ใช่ว่าจะปล่อยให้แกโดนเพื่อนเค้าลากขึ้นห้อง ไม่ดูดำดูดีแบบนั้น ยังดีนะที่มีคนมาช่วยแกไว้” “ช่างเถอะ” “ไม่ได้ยัยเกล แกจะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้” นิรดา วางช้อนกระแทกกับจานข้าวเสียงดัง ด้วยความโมโห ต่างจากเพื่อนสาวที่เขี่ยข้าวไปมา ไม่ยอมตักเข้าปากสักคำ “แล้วจะให้ฉันทำไง” “ในเมื่อพวกนั้นมันกล้าดูถูกแก ฉันนี่แหละจะทำให้พวกมันรู้ว่า...แกก็มีดี แถมยังมีมากกว่าพวกมันด้วย” “อะไรของแก” “ไม่ต้องถาม มากับฉัน” นิรดาเรียกพนักงานมาเช็คบิล เสร็จก็ลากตัวเกวลินออกจากร้านอาหาร หญิงสาวรีบคว้ากระเป๋าเดินตามเพื่อนไปด้วยความงุนงง อะไรจะทำให้เธอดีขึ้น ในเมื่อทุกวันนี้อยู่ตรงไหนเธอก็เหมือนคนไร้ตัวตน ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือที่ทำงาน “เฮ้ย!!...ยัยนิด้า นั่นแกจะทำอะไร” “เอาเถอะน่า เข้ามา” นิรดาลากแขนเพื่อนให้เดินตามเข้าไปร้านเสื้อผ้าแฟชั่น “ไม่!...ฉันเสียดายตังค์” “ถามจริงทุกวันนี้แกเคยใช้เงินที่หามาได้มั้ย นอกจากให้คนอื่น” “นั่นพ่อกับแม่ฉันนะ มันคนอื่นที่ไหนกัน” “เออๆ ฉันรำคาญจะพูดกับแกแล้ว...มานี่!” “มะ...ไม่ต้อง...ก็ได้มั้ง” “ต้อง!!” จากนั้นนิรดาก็ลากเพื่อนสาวเข้าไปลองชุด แทบจะจัดมาทุกคอลเลกชัน ส่วนเกวลินได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ทำอะไรไม่ได้ เพราะครั้งนี้เพื่อนเธอดูจริงจังมาก จนไม่กล้าขัด “นิด้า…พอแล้วมั้งแก” “ก็ได้” เมื่อเห็นสีหน้าเพื่อน นิรดาก็ยิ้มออกมาด้วยความขบขัน ก่อนจะเดินไปเลือกดูเสื้อผ้าตัวเองอย่างสบายใจ เกวลินมองเสื้อผ้าที่พนักงานจัดใส่ถุงสายตาละห้อย นั่นมันเงินเดือนเธอทั้งเดือนเลยนะ แต่ก็ต้องตัดใจยอมจ่าย ในเมื่อเธอเลือกจะปรึกษานิรดา ฉะนั้นตอนนี้เพื่อนแนะนำอะไร เธอมีหน้าที่ทำตาม ไม่อย่างนั้นมีงอน ขณะล้วงกระเป๋าจะหยิบเอาบัตรเครดิตออกมาจ่าย กระดาษใบหนึ่งก็ร่วงลงมา เกวลินตกใจรีบหยิบขึ้นมา แล้วยัดใส่กระเป๋าทันที โชคดีที่นิรดาไม่สนใจเธอ เพราะมัวแต่เลือกเสื้อผ้าของตัวเอง เช็ค!! ที่นายยักษ์ให้มา เธอยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรกับมันดี จะฉีกทิ้งก็กลัวคนอื่นเห็น จะเผาก็ลืมทุกที ได้แต่ปล่อยไว้ในกระเป๋า กลับไปนี่จะไปจัดการทิ้งลงชักโครกให้สิ้นเรื่องสิ้นราว เมื่อได้ของที่ต้องการครบแล้ว พวกเธอก็เดินออกจากร้าน แต่ภารกิจของเกวลินยังไม่จบแค่นั้น เมื่อนิรดาลากเธอเข้าไปที่ร้านตัดผม และอีกสารพัดอย่างที่เพื่อนสาวเธอลงความเห็นว่า สมควรเปลี่ยน สรุปแล้วกว่าจะได้กลับบ้าน เกวลินก็แทบจะร้องไห้ ต่อไปนี้ถ้ามีเรื่องอะไรอีก สาบานเลยเธอไม่มีทางปรึกษานิรดาแน่นอน ทำอะไรไม่เคยนึกถึงเงินในกระเป๋าเธอสักนิด สถานภาพของเธอตอนนี้บอกได้เลย จากเศรษฐีก็แทบจะกลายเป็นยาจกภายในชั่วข้ามคืน เกวลินก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน เงียบสนิท ไม่เจอใคร สักคน ห้องรับแขกว่างเปล่า เงียบเชียบผิดไปจากทุกวัน เมื่อไม่เห็นใคร เธอจึงเดินตรงขึ้นชั้นสอง เอาข้าวของที่ซื้อมา ขึ้นไปเก็บบนห้องของตัวเอง ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงเกวลินก็เดินลงมาจากห้อง กำลังจะผ่านห้องรับแขก ก็ได้ยินเสียงคนกรีดร้องดังแว่วมาจากห้องทำงานของสุพจน์ หญิงสาวชะงัก คราวนี้เสียง กรีดร้องโวยวายดังมาไม่หยุด เกวลินเดินไปตามทิศทางเสียงนั้นทันที ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เสียงที่ได้ยินเป็นของธัญรัตน์พี่สาวเธอแน่ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น แต่ก่อนแต่ไรมาไม่เคยมีใครกล้าขัดใจธัญรัตน์สักครั้ง แล้วคราวนี้มีเรื่องอะไร ถึงทำให้พี่สาวเธอกรีดร้อง ราวกับเป็นเรื่องใหญ่โต ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ ก็ได้ยินเสียงร้องโวยวายของธัญรัตน์ดังขึ้นเรื่อยๆ เกวลินหยุดยืนตรงหน้าห้อง ขณะลังเลไม่แน่ใจว่าเธอควรจะเข้าไปดีหรือไม่ เสียงธัญรัตน์ก็ตะโกนดังขึ้นมาอีก “ไม่ค่ะ! ยังไงรัตน์ก็ไม่แต่ง” “รัตน์!...ลูก...หนูจะไม่ลองคิดดูก่อนเหรอ ทางคุณสาครเค้าไม่ธรรมดานะ เป็นเศรษฐีเจ้าของฟาร์มโคนมใหญ่ระดับประเทศ ถ้าหนูได้แต่งงานกับลูกชายเค้า รับรองสุขสบายไปทั้งชาติ” กาญจนาพยายามเกลี้ยกล่อมลูกสาวอีกทาง “สุขสบายแบบเศรษฐีบ้านนอกเหรอ...ยี้...รัตน์ไม่เอาหรอกค่ะ” สีหน้าธัญรัตน์แสดงท่าทางรังเกียจชัดเจน “แต่พ่อตกลงกับลุงสาครไว้นานแล้ว ว่าจะให้รัตน์แต่งงานกับลูกชายเค้า แล้วนี่ก็เอาของหมั้นมาหมด จะให้พ่อผิดคำพูดได้ยังไง” สุพจน์พูดออกมาบ้าง หลังจากนิ่งฟังแม่ลูกโต้กันไปมา แต่ไม่มีบทสรุปสักที “ไม่ค่ะคุณพ่อ!...รัตน์มีแฟนแล้ว พี่ชาติเค้าก็ร่ำรวยไม่แพ้ใคร ทำไมรัตน์ต้องไปแต่งงานกับไอ้เศรษฐีบ้านนอกนั่นด้วย” “รัตน์...หนูลองไปเจอพี่เค้าก่อนดีมั้ย แล้วค่อยตัดสินใจอีกที” “ไม่ค่ะ! ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่เสียดายของหมั้น ก็ให้ ยัยเกลมันแต่งแทนสิคะ ยังไงมันก็ไม่มีแฟน” ธัญรัตน์โบ้ยไปให้น้องสาว ทำเอาเกวลินที่แอบฟังอยู่หน้าประตูห้องถึงกลับสะดุ้งโหยง “ไม่ได้!!” “ทำไมล่ะคะคุณแม่ ยัยเกลก็เป็นลูกคุณพ่อคุณแม่เหมือนกัน อีกอย่างมันก็ยังไม่มีแฟน ให้แต่งงานกับเศรษฐีบ้านนอก ขี้คร้านจะดีใจน่ะสิ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD