บทที่ 7 พบเจอดวงใจ

1619 Words
ชาวบ้านทั้งหลายต่างก็ยืนมอง แต่ไม่มีใครคิดที่จะช่วย เพราะรู้ดีว่าเด็กสาวคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำหมู่บ้าน ทำให้หลายๆ คนจึงไม่อยากมีปัญหา แต่ไม่ใช่กับสองสาวอย่างหลินหลินและอาเหมย “พี่เหมย ฉันคุ้นเสียงของป้าคนนี้มาก” หลินหลินหันกลับมาบอกอาเหมยดวงตาเธอแดงคล้ายคนจะร้องไห้ อาเหมยพยักหน้ารับ “ขอโทษนะคะ คุณป้าเจ็บไหมคะ” หลินหลินเดินเข้าไปพยุงป้ากุ้ยหนิงขึ้น ก่อนจะใช้มือที่แสนจะขาวนวลปัดเศษดินเศษใบไม้ออกจากร่างกายของป้ากุ้ยหนิงด้วยความอ่อนโยน เมื่อเห็นว่าป้ากุ้ยหนิงไม่เป็นอะไรมากเธอจึงหันกลับมามองตัวต้นเรื่องด้วยสายตาไม่พอใจ “เธอเป็นเด็ก ควรจะเคารพผู้ใหญ่ และฉันก็เห็นว่าเธอนั้นตั้งใจจะขี่มาชนป้าคนนี้ หรือเพราะคิดว่าตัวเองมีคนหนุนหลังจะทำอะไรก็ได้เหรอ พี่เหมยพังจักรยานคันนี้เสีย ใครมีปัญหาฉันจัดการเอง” หลินหลินมั่นใจแล้วว่าป้ากุ้ยหนิงอาจจะเป็นแม่หยางคนที่เธอกำลังตามหา เธอก็ไม่คิดจะทำตัวเป็นคุณหนูแสนบอบบางอีกแล้ว ในเมื่ออ้างว่ายืมจักรยานมาจากผู้นำหมู่บ้าน แสดงว่าคงมีความสัมพันธ์ที่ดีไม่น้อยกับผู้นำ อย่างนั้นมาลองดูกันสักตั้งว่าคนอย่างเธอหรือนายน้อยหยางจะทำให้ผู้นำหมู่บ้านกระเด็นไม่ได้ รอให้เธอมั่นใจเต็มสิบส่วนก่อนเถอะว่าป้ากุ้ยหนิงคือแม่หยางจริงๆ แม้แต่เด็กสาวตรงหน้าเธอจะทำให้อยู่ไม่สู้ตายเอง โทษฐานที่บังอาจมาทำให้แม่หยางของเธอบาดเจ็บ “คุณคะ ป้าไม่เป็นอะไร คุณจะเดือดร้อนเอานะ” กุ้ยหนิงไม่อยากให้เด็กสาวคนนี้มาเดือดร้อนเพราะเธอ “ป้าเรียกหนูว่าหลินหลินเถอะ ส่วนนี่พี่เหมยพี่สาวของหนูเอง” หลินหลินหันมาบอกด้วยรอยยิ้ม อาเหมยมองน้องสาวไม่วางตา คงจะใช่แล้วสินะ “แกเป็นใคร กล้าดียังไงมาทุบจักรยานฉัน” หวางลี่กรีดร้องตกใจ ไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะกล้าทำอย่างที่พูดจริงๆ “อ้าวเมื่อครู่นี้บอกว่าของผู้นำหมู่บ้าน แล้วตอนนี้กลับบอกว่าของตัวเอง เธอนี่กลับดำเป็นขาวเก่งนะ” หลินหลินตอบกลับ “คุณป้าค่ะ เดี๋ยวไปพักที่บ้านฉันก่อน ดีขึ้นแล้วฉันจะไปส่งที่บ้านนะคะ” หลินหลินไม่อยากวุ่นวายกับคนบ้า เธอจึงให้ป้ากุ้ยหนิงซ้อนท้ายจักรยานขี่กลับไปที่บ้านของตัวเอง ชาวบ้านหลายคนที่สงสัยต่างก็เดินตามเพื่อให้รู้ว่าหญิงสาวทั้งสองคนนี้เป็นใคร เมื่อเห็นว่าจักรยานทั้งสองคันจอดที่บ้านหลังใหญ่ทุกคนจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ต่างก็ยืนรอดูเรื่องสนุก เพราะรู้ดีว่าหวางลี่นั้นเป็นยังไง เดี๋ยวคอยดูเถอะบ้างหวางจะต้องยกโขยงกันมา ไม่นานบ้านหวางและผู้นำหมู่บ้านยกโขยงกันมาที่บ้านของหลินหลิน ซ้ำยังมีเจ้าหน้าที่ประจำหมู่บ้านมาด้วยอีกคน “นังกุ้ยหลินออกมาเดี๋ยวนี้นะ คิดว่ามีคนรวยปกป้องแกจะรอดเหรอ” แม่เฒ่าหวางตะโกนเรียกอดีตลูกสะใภ้ที่เธอแสนเกลียดด้วยเสียงดังลั่น “ป้าค่ะ คนที่เรียกนั้นเป็นใครเหรอคะ บอกหนูได้ไหม” หลินหลินยิ้มถาม กุ้ยหนิงจึงเล่าทุกอย่างให้ฟังตอนนี้ลูกชายเธอยังไม่กลับมา เธอจึงเลือกที่จะบอกทุกเรื่องกับเด็กสาวตรงหน้าแทน “ป้าไม่ต้องสนใจนะคะ มีหนูอยู่ ใครทำอะไรป้าไม่ได้หรอก เราออกไปกันเถอะค่ะ พี่เหมย” หลินหลินหันมาเรียกพี่สาวของตัวเองด้วยความเจ้าเล่ห์ ไม่คิดว่าเพียงก้าวเท้าเข้ามาที่นี่ก็มีความบันเทิงให้พวกเธอทั้งสองคนเสียแล้ว “สวัสดีค่ะทุกคน ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรถึงได้พากันมาบุกบ้านของฉันแบบนี้” หลินหลินจูงมือป้ากุ้ยหนิงออกมาจากบ้าน ก่อนจะถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ย่า นังนี้แหละที่มันสั่งให้พี่สาวของมันทุบจักรยานของผู้นำหมู่บ้านพัง” หวางลี่สบโอกาสจึงรีบฟ้องย่าของตัวเองเพื่อที่จะให้ผู้นำหมู่บ้านและเจ้าหน้าที่ได้ยิน “แล้วทำไมไม่บอกสาเหตุที่ฉันสั่งให้ทุบจักรยานด้วยล่ะ เธอเองก็ผิดนะ ขี่จักรยานตั้งใจชนป้ากุ้ยหนิงแบบนี้ มันผิดกฎหมายรู้ไหม พี่เหมยแบบนี้เราแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายหรือเปล่า” หลินหลินยังคงพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง แต่กลับไปยิ้มกับพี่สาวของตัวเอง “ได้สิข้อหาทำร้ายร่างกาย และถ้าเป็นข้อหาพยายามฆ่านะได้ด้วย หากว่าป้ากุ้ยหนิงเป็นอะไรเราแจ้งข้อหาได้ทันที แต่ว่าตามกฎหมายแล้วต่อให้ป้ากุ้ยหนิงไม่มีรอยแผล แต่ก็ยังแจ้งพยายามฆ่าได้นะ เพราะเราเป็นพยานให้ได้ทั้งสองคน” อาเหมยบอกยิ้มๆ แต่กลับทำให้คนบ้านหวางหน้าซีดเผือด ไม่คิดว่าหญิงสาวสองคนนี้จะย้อนเอากฎหมายกลับมาเล่นงานหลานสาวของเขา “แล้วยังไง นังกุ้ยหนิงเป็นอดีตลูกสะใภ้ฉัน ลูกชายของมันก็เป็นหลานฉัน ตอนนี้เขาเป็นทหารอยู่แกกล้ามีเรื่องกับบ้านหวางหรือยังไง” แม่เฒ่าหวางพูดอย่างเป็นเดือดเป็นร้อน ให้มันรู้ไปว่าเด็กสาวสองคนนี้กล้ามีเรื่องกับครอบครัวทหาร “ไม่จริง ลูกชายของฉันไม่ได้ใช้แซ่หวางเขาใช้แซ่ฉัน ฉันกับลูกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนบ้านหวางอีก เราตัดขาดกันหลายสิบปีแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่เคยยอมรับเฟยหลงเป็นหลานชาย แต่พอเขาได้เป็นทหารกลับมาสนใจและบอกว่าเขาคือคนในครอบครัว มันไม่สายไปหน่อยเหรอ” กุ้ยหนิงอาจจะไม่ใช่คนที่สู้คน แต่เพื่อลูกชายเพียงคนเดียวเธอต้องสู้ “ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นครอบครัวของท่านนายพล ฉันหลินหลินก็ไม่กลัว คนทำผิดคือหลานสาวของคุณ ทำไมฉันจะต้องกลัวด้วยล่ะ หากครอบครัวทหารเป็นแบบพวกคุณทั้งหมด ประเทศคงล่มจมพอดี มีอย่างที่ไหนเอาคำว่าครอบครัวของทหารขู่คนอื่นไปทั่ว หากฉันเป็นทหารคนนั้นฉันคงจะลาออกแล้วกลับมาทำงานที่ทุ่งนาดีกว่าไหม อย่าทำให้หน้าที่การงานอันทรงเกียรติต้องมัวหมองเลย” “ส่วนเรื่องรถจักรยานที่ฉันให้พี่เหมยทุบจนพัง ฉันยินดีจะชดใช้ให้ แต่ต้องขอเวลาหน่อย เพราะจักรยานทั้งเก่าและกำลังจะพังแบบนี้ฉันคงต้องใช้เวลาในการหา หนำซ้ำยังมีสนิมขึ้นเต็มแบบนี้ รับรองขี่ไปได้ตายเพราะบาดทะยักแน่ๆ” “ตายแล้วเสี่ยวหลินน้องรัก เราต้องพาป้ากุ้ยหนิงไปโรงพยาบาลแล้ว ไม่รู้ว่าจักรยานชนป้ากุ้ยหนิงเมื่อครู่นี้จะมีสนิมติดที่ป้าหรือเปล่า หากมีเป็นเรื่องใหญ่เลยนะเนี่ย” อาเหมยรีบพูดขึ้นหลังจากน้องสาวพูดจบ ชาวบ้านที่ได้ยินสองพี่น้องคุยกันได้แต่กลั้นขำ “จริงด้วยสิพี่เหมย เราต้องพาป้ากุ้ยไปโรงพยาบาลเสียแล้ว หากเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะแย่เอานะ” หลินหลินพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก่อนที่ใครจะพูดอะไรกันต่อ กลับมีชายหนุ่มรูปร่างกำยำหน้าตาหล่อเหลาวิ่งเข้ามา “แม่ครับ แม่เป็นอะไรหรือเปล่า” “อาหยางลูกกลับมาแล้ว” กุ้ยหนิงพอเห็นว่าใครมา เธอจึงร้องเรียกด้วยความดีใจ เธอมักจะเรียกชื่อลูกด้วยแซ่ของตัวเอง และมีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่เรียกเขาแบบนี้ หลินหลินได้ยินเต็มสองรูหูว่าป้ากุ้ยหนิงเรียกลูกชายว่าอาหยาง 'พี่หยางในที่สุดฉันก็พบพี่แล้ว' หลินหลินคิดในใจน้ำตาคลอ หกปี หกปีแล้วในที่สุดเธอก็เจอ อาหยางหรือเฟยหลงรีบวิ่งเข้ามาหาแม่เพราะความห่วงจึงไม่ทันได้ดูว่ามีใครบางคนกำลังยื่นขาออกมาทำให้ชายหนุ่มสะดุดหน้าคะมำ แต่ดีที่เขาคว้าตัวของหญิงสาวคนหนึ่งไว้ได้ อาหยางหรือเฟยหลงคว้าตัวหลินหลินเข้ามากอด เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงรู้สึกคุ้นเคยอ้อมกอดนี้ เขาไม่อยากจะปล่อย เขาคิดว่านี่คืออ้อมกอดที่เขาโหยหามานานแสนนาน “พี่ค่ะ ปล่อยก่อนไหม ชาวบ้านมองกันใหญ่แล้ว” หลินหลินถึงแม้จะโหยหาอ้อมกอดนี้แค่ไหน แต่ตอนนี้ชาวบ้านมองกันเป็นตาเดียวแล้ว อาหยางจึงได้รู้สึกตัวก่อนจะรีบคลายอ้อมกอดด้วยความเสียดาย ก่อนจะมองหน้าหญิงสาวที่เขาเผลอกอดด้วยความเอ็นดูเพราะตอนนี้หน้าของเธอนั้นแดงมาก ส่วนตัวต้นเรื่องอย่างอาเหมยได้แต่ยิ้มชอบใจและพอใจที่เธอยื่นขาไปดักว่าที่สามีของน้องสาวคนนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD