ตอนที่ 5 หวง

1620 Words
บารมีพารวิให้ไปทำบุญร้อยวันให้พ่อแม่ของเธอตามประเพณี แล้วพารวิไปให้อาหารปลาที่ท่าน้ำในวัด “รวิ ยังเศร้าอยู่รึเปล่า” “ไม่ค่ะ รวิแค่คิดถึงพวกท่าน รวิมีอาบารมีอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เด็กจนโตอาก็ดีกับรวิไม่เคยเปลี่ยน แม้รวิจะโทษอาตอนที่พ่อเสีย อาก็ไม่เคยโกรธ” รวิพูดน้ำเสียงอ่อนโยน “รวิอยู่กับอามีความสุขไหม” “มีความสุขสิคะ” รวิบอก ส่งยิ้มให้บารมี แล้วโยนขนมปังชิ้นสุดท้ายในมือให้ปลา “รวิรู้สึกเหมือนอยู่กับพ่อเลยค่ะ” บารมียิ้มเจื่อนๆ ที่ได้ยินรวิเปรียบเทียบว่าเขาเหมือนพ่อ รวิเกาะแขนซบไหล่บารมี เดินกลับไปที่รถ บารมีถอนหายใจเบาๆ ‘งานยากแน่ ถ้าสารภาพรักกับรวิ’ บารมีคิดอย่างปลงตก เดินขึ้นไปนั่งบนรถ มองหน้ารวิที่ไม่รู้เรื่องอะไร แล้วพินิจใบหน้าหวานนั้นอย่างชั่งใจ “รวิ” “คะ” “รวิห้ามมีความรัก ห้ามมีแฟนจนกว่าจะเรียนจบ สัญญานะ” บารมีเอ่ยขึ้น “รวิเคยรับปากไปแล้วนี่คะ” รวิบอกทำหน้างง “ตอนนั้นรวิรับปากว่าจะไม่มีแฟน คราวนี้อาให้รวิรับปากว่าจะไม่ตกหลุมรักใคร” บารมีบอกด้วยใจที่ว้าวุ่น “เรื่องของหัวใจ มันห้ามได้ด้วยเหรอคะ” รวิบอก หัวเราะเบาๆ เห็นเป็นเรื่องตลกที่บารมีขออะไรแปลกๆ “อาจริงจังนะรวิ อากลัวรวิจะมีความรักแล้วจะส่งผลกับการเรียน” บารมีน้ำเสียงจริงจัง จุดประสงค์จริงๆ คืออยากให้เธอเรียนจบก่อนแล้วจึงจะลองสารภาพรักดู “รวิรับปากค่ะ จะพยายามไม่ตกหลุมรักใคร” รวิบอกแล้วหอมแก้มบารมีฟอดใหญ่ “ขี้หวงนะคะ อาบารมี” บารมีหน้าแดง รู้สึกดีที่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจ และหอมฟอดใหญ่จากรวิ “ก็รวิน่ารักขนาดนี้ อาก็ต้องหวงเป็นธรรมดา” บารมีบอกเป็นนัยยิ้มๆ รวิยิ้มพอใจหัวเราะคิกคัก ***************************** รวิใบในแสดงผลการเรียนมาอวดบารมีในห้องทำงาน พร้อมกับยกของว่างที่ทำเองมาเสิร์ฟเหมือนทุกครั้ง บารมีวางแฟ้มเอกสารในมือลงเมื่อรวิวางถาดของว่างลงและยื่นซองเอกสารให้บารมีอ่าน “อาบารมีคะ ไปญี่ปุ่นตามสัญญานะคะ” บารมีเปิดดู รวิได้เกรดเฉลี่ยสามจุดแปดสอง เกินกว่าเป้าหมายที่บารมีตั้งไว้ บารมียิ้มกับท่าทางตื่นเต้นของรวิ “เดี๋ยวพรุ่งนี้อาพาไปถ่ายพาสปอร์ต” รวิดีใจกอดคอบารมีแล้วหอมแก้มซ้ายแก้มขวารัวๆ บารมียิ้มพอใจ “เราจะไปกันตอนไหนดีคะ” “ถ้าไปเดือนหน้าบรรยากาศก็ดี ไม่มีลมมากนัก อากาศก็กำลังดี เป็นช่วงที่ดอกซากุระบาน แต่ถ้ารวิอยากเห็นหิมะ ก็ต้องรอไปช่วงปีใหม่” บารมีบอก รวิทำท่าคิดหนัก ซากุระก็อยากดู หิมะก็อยากสัมผัส รวิสองจิตสองใจ สุดท้ายก็เลือกไปดูซากุระ “งั้นรวิไปดูซากุระเลยดีกว่า เพราะถ้าไปตอนอากาศหนาวรวิก็ต้องซื้อเสื้อผ้าเพิ่ม สิ้นเปลืองเปล่าๆ อาว่าดีไหมคะ” “อาตามใจรวิ รวิว่าดี อาก็ว่าดี” บารมีเอาใจเด็กสาว “งั้นอาทำงานต่อเถอะค่ะ รวิไม่กวนแล้ว” รวิหอมแก้มบารมีอีกฟอดใหญ่ แล้วเดินยิ้มออกไป บารมีใจเต้น ส่ายหัวกับท่าทีของรวิ ที่หอมแก้มเขาโดยไม่เอะใจเลยสักนิดว่าอาหนุ่มคนนี้คิดไม่ซื่อกับเธอ ช่วงหลังนี้ รวิเริ่มหอมแก้มบารมีเพื่อเป็นการขอบคุณในสิ่งต่างๆ ที่บารมีทำให้อยู่บ่อยๆ บารมีก็ปล่อยให้เธอทำโดยไม่เคยห้าม เพราะถือเป็นกำไรหัวใจเล็กๆ น้อยๆ รวิฝึกทำขนมและอาหารให้ทุกคนชิมอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะบารมีที่รวิตั้งใจทำของว่างด้วยตนเองทุกครั้ง และยืนรอจนกว่าบารมีจะชิมและติชมถึงจะยอมออกจากห้องทำงาน หลังจากทำพาสปอร์ตเสร็จรวิก็ตั้งตารอพาสปอร์ตที่จะส่งมาทางไปรษณีย์ทุกวัน จัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเข้าออกอยู่ตลอดด้วยความตื่นเต้น บารมีจองทริปทัวร์ไว้รอโดยคำนวณเผื่อวันที่พาสปอร์ตจะถูกส่งมาแล้ว แต่กลัวรวิจะกังวลใจว่าพาสปอร์ตจะถูกส่งมาช้า เลยยังไม่ได้บอกกำหนดการ บารมีพารวิไปดูงานที่บริษัทเล็กๆ ของเขา เพื่อไม่อยากให้รวิใจจดใจจ่ออยู่กับบุรุษไปรษณีย์ที่จะมาส่งเอกสาร รวินั่งมองดูบารมีตรวจงานด้วยท่าทางที่ดูน่าเกรงขาม ลูกน้องทุกคนเรียกบารมีว่าเสี่ย ฟังดูเหมือนแก่ แต่สำหรับรวิแล้ว บารมียังไม่แก่ แต่เป็นผู้ใหญ่ที่ใจดี บารมีเงยหน้ามองรวิ แต่ไม่ยิ้มให้เหมือนเคยเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตนเองให้ดูน่าเกรงขามอยู่เสมอ รวิเข้าใจ เธอไม่ว่าอะไรแล้วก้มหน้าหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าขึ้นมากดอ่านข่าวดาราเกาหลีที่เธอชื่นชอบ บารมีทำงานเสร็จ เห็นโทรศัพท์ในมือของรวิก็ส่ายหัวด้วยความเอ็นดู เงินของเธอที่ฝากไว้มีเป็นแสน เบิกใช้แค่เดือนละไม่กี่พัน มือถือก็ไม่ยอมซื้อใหม่ “ไปสิ อาทำงานเสร็จแล้ว” บารมีเอ่ยชวนรวิ รวิเงยหน้าขึ้นเก็บของแล้วเดินตามหลังบารมีออกไป อยู่ข้างนอกต่อหน้าลูกน้องของบารมี รวิจะไม่เกาะแขนบารมีเหมือนตอนอยู่ด้วยกันสองต่อสอง บารมีสั่งให้ลูกน้องพาไปแวะที่ห้างฯใหญ่ในตัวเมือง “อาจะพารวิไปเดินห้างฯ” บารมีบอก รวิดีใจขยับเข้ามาใกล้ๆ แล้วเกาะแขนซบหัวพิงไหล่ อ้อนบารมี บารมีลงจากรถเดินนำไปยังชั้นที่ขายโทรศัพท์มือถือ โดยมีรวิเดินอยู่ข้างๆ มองดูสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัว และลูกน้องที่เดินตามหลัง บารมีหยุดที่ร้านขายโทรศัพท์แห่งหนึ่ง รวิเดินเข้ามาเกาะตู้กระจกมองดูโทรศัพท์ที่เรียงรายอยู่ข้างใน อยากได้แต่ก็ต้องข่มใจเอาไว้ ด้วยเงินที่มีอยู่จำกัด “สวัสดีครับเสี่ย วันนี้มาอุดหนุนถึงร้านเลย สั่งผมให้เอาไปส่งที่บ้านก็ได้นะครับ” เจ้าของร้านเอ่ยทักทายบารมีที่เป็นลูกค้าประจำ สั่งโทรศัพท์ให้เด็กนักศึกษาอยู่บ่อยครั้ง “ผมอยากมาเลือกเองครับ” บารมีบอกแล้วหันไปทางรวิ “รวิช่วยอาเลือกหน่อยสิ” บารมีบอก ถ้าถามตรงๆ ว่าเธออยากได้เครื่องไหนรวิคงไม่ยอมตอบแน่ๆ “รวิว่ารุ่นนี้ค่ะ เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนที่แล้ว รีวิวค่อนข้างดี กล้องชัด ความจำสูง มีฟังก์ชั่นการใช้งานเยอะ มีทัชเพ็นไว้จดบันทึก เหมาะกับอาบารมีค่ะ” รวิบอก “เอารุ่นนี้หนึ่งเครื่อง” บารมีบอกแล้วยื่นบัตรเครดิตให้เจ้าของร้าน ***************************** นทพรมารอพบบารมีที่บ้าน เมื่อบารมีและรวิมาถึงนทพรก็เดินไปเกาะแขนบารมีทันที “มาหาผมถึงที่นี่ แนทมีธุระอะไรรึเปล่า” บารมีถาม “ไม่มีธุระมาไม่ได้เหรอคะ” นทพรพูดเสียงกระเง้ากระงอดใส่บารมี รวิยกมือไหว้ นทพรพยักหน้ารับไม่ปล่อยแขนจากบารมี “รวิขอตัวนะคะ” รวิบอกแล้วจะเดินไป บารมีแกะมือนทพรออก คว้าแขนเด็กสาวเอาไว้ “รวิ อาให้” บารมียื่นถุงโทรศัพท์ที่เพิ่งซื้อมาให้รวิ “อาซื้อให้รวิเหรอคะ” รวิถาม ตาโต “อืม ของขวัญที่เรียนจบ เอาไว้ถ่ายรูปตอนเราไปเที่ยวกัน” บารมีบอกด้วยน้ำเสียงอบอุ่น นทพรที่ยืนมองดูอยู่แสดงท่าทีไม่พอใจรวิออกมาอย่างเห็นได้ชัด รวิดีใจกระโดดกอดคอบารมีดึงหน้าโน้มลงมาหอมแก้มฟอดใหญ่ต่อหน้านทพรและลูกน้องที่ยืนอยู่ตรงนั้น เป็นภาพที่น่าเอ็นดูสำหรับทุกคน ยกเว้นนทพร “ขอบคุณนะคะ อาบารมีน่ารักที่สุดเลย” รวิบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ดีใจ คิดว่าบารมีช่างดีกับเธอเหลือเกิน บารมียิ้มพอใจ “ญาติก็ไม่ใช่ กอดหอมผู้ชายต่อหน้าคนอื่น ไม่มียางอายเอาซะเลย” นทพรโพล่งออกมาดัง รวิชะงักและปล่อยมือจากบารมี “คุณไม่ใช่อาแท้ๆ ของเธอ ทำไมไม่สอนบ้างละคะ นี่ก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว จะดีใจแล้วกระโดดกอดหอมกันแบบนี้ น่าเกลียดที่สุด” นทพรพูดตรงๆ อย่างไม่พอใจ รวิมองหน้าบารมี เธอลืมคิดถึงข้อนี้ไป เขาไม่ใช่ญาติแท้ๆ ของเธอ การที่เธออยู่ในความดูแลของเขาขณะที่กำลังสูญเสียพ่อแม่ ทำให้เธอสนิทกับอาหนุ่มมากขึ้น เหมือนเป็นที่พึ่งทางจิตใจ ลืมตัวกอดหอมเขาไปตั้งหลายครั้ง ไม่ได้คิดว่าเธอไม่ใช่เด็กน้อยเหมือนแต่ก่อนที่เคยขี่คอเขา เคยหอมแก้มเขา แต่ตอนนี้เธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว มันเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม “รวิไม่ต้องคิดมากนะ” บารมีมองเด็กสาว ยื่นมือเข้าไปจะลูบหัว รวิถอยออกไปหนึ่งก้าว บารมีชะงักมือแล้วลดมือลง “รวิขอตัวนะคะ” รวิเดินถือถุงโทรศัพท์ที่เพิ่งได้รับมาขึ้นห้องไป “ผมว่าคุณควรกลับไปก่อน” บารมีหันไปพูดกับนทพรเสียงกร้าว นทพรรู้สึกได้ถึงความบาดหมางในน้ำเสียงนั้น จึงกลับอย่างไม่ค่อยเต็มใจ บารมีหันไปสั่งลูกน้องทันทีที่นทพรกลับออกไป “ต่อไปอย่าเปิดรั้วให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาในบ้านของฉันอีก” *****************************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD