เกือบสามเดือนแล้วที่ได้มาอยู่ในการปกครองของบารมี ถ้าไม่นับเรื่องผู้หญิงที่บารมีหิ้วมานอนบ้าน บารมีก็ถือเป็นผู้ปกครองที่เพอร์เฟค
รวิเพิ่งรู้ว่าผู้หญิงเหล่านี้เป็นเด็กที่ทำงานที่สถานบันเทิงที่บารมีไปเที่ยวบ่อยๆ ไม่มีใครที่เลี้ยงดูเป็นพิเศษ แค่นอนด้วยครั้งสองครั้งจ่ายเงินแล้วจบเป็นครั้งๆ ไปไม่ก็เป็นสิ่งของเช่นโทรศัพท์ กระเป๋า เสื้อผ้า ไม่ใช่เด็กขายบริการทั่วไปที่บารมีจะเลือก แต่เป็นระดับเด็กนักศึกษาที่รับงานบริการเฉพาะแขกวีไอพีเท่านั้น
สัปดาห์แห่งการสอบ รวิอ่านหนังสือหนัก แต่ก็ยังลงมาช่วยป้าตุ่นเตรียมอาหารอยู่เสมอ และยึดหน้าที่จัดและเสิร์ฟของว่างให้บารมีไปทำเองคนเดียว รวิอยากตอบแทนบารมีที่ดูแลเธอเป็นอย่างดีเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง รวิก็อยากดูแลเอาใจใส่บารมีบ้างเหมือนกัน
วันเสาร์ก่อนสอบรวิลงมือทำของว่างให้บารมี คือคุกกี้ธัญพืช และน้ำมะตูม ไปเสิร์ฟให้เขาที่ห้องทำงาน แล้วยืนรอให้บารมีชิมแล้วติชมฝีมือเธอเหมือนเคย
“อาบารมีลองชิมดูหน่อยนะคะ รวิทำเอง”
“อาว่าอาอ้วนขึ้นแล้วนะ เพราะชิมขนมของรวิเนี่ย”
“คุกกี้ธัญพืช ไม่อ้วนหรอกค่ะ น้ำมะตูมก็หวานน้อย เพื่อสุขภาพ” รวิอวดสรรพคุณของว่างตรงหน้า
บารมีหยิบขึ้นมาชิมแล้วแกล้งทำหน้าพะอืดพะอม รวิเดินเข้าไปจับแขนบารมีเขย่า
“ไม่อร่อยเหรอคะอา รวิจะไปเอาของว่างอันอื่นมาให้นะคะ รวิขอโทษค่ะ” รวิบอกด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
“อร่อยมาก ไม่หวาน กำลังดี” บารมีจับมือรวิที่เกาะแขนเขาอยู่ด้วยความเอ็นดู
“อาแกล้งรวิเหรอคะ” รวิทำเสียงงอน ตอนนี้เธอคุ้นเคยกับบารมีจนกล้าแสดงความรู้สึกแบบนี้ได้แล้ว
“อาล้อเล่นนิดเดียวเอง ไหนชิมน้ำมะตูมก่อน” บารมีหยิบแก้วน้ำมะตูมขึ้นมาดื่ม
“อันนี้ยังหวานไปสำหรับอา แต่หอมชื่นใจ ถ้าน้ำแข็งในแก้วละลาย รสชาติน่าจะพอดี”
รวิยิ้มอย่างพอใจในคำติชม แล้วขอตัวออกไปให้บารมีได้ทำงานของเขา
บารมีจะตรวจเอกสารย้อนหลังของแต่ละวันที่บ้าน เข้าไปดูความเรียบร้อยแบบสุ่มสัปดาห์ละ1-สองวัน และนานๆ ทีจะเข้าไปตรวจสอบอนุมัติเอกสารกู้เงินเฉพาะเคสที่เกินหนึ่งแสน เพื่อไม่ให้มีช่องโหว่ใดๆ ซึ่งถ้ามีเคสหลักแสน ทางพนักงานจะโทรตามบารมีเข้าไปที่บริษัท ซึ่งใช้เวลาเดินทางแค่ห้านาที
บริษัทปล่อยเงินกู้ของบารมีภายนอกดูเล็กๆ แค่ตึกสองชั้นคูหาเดียว แต่มีวงเงินหมุนเวียนค่อนข้างเยอะ เพราะดอกเบี้ยต่ำและไม่เอารัดเอาเปรียบคนจน จึงมีคนแวะเวียนมาใช้บริการกันมาก
นอกจากบริษัทปล่อยเงินกู้ บารมียังเป็นหุ้นส่วนของโรงแรมในตัวจังหวัดอีกด้วย ซึ่งบารมีต้องเข้าร่วมประชุมฟังรายงานผลประกอบการทุกเดือน แต่ไม่ได้เข้าไปบริหาร เพราะเป็นหน้าที่ของหุ้นส่วนอีกคนที่ถือหุ้นเยอะกว่า
*****************************
นทพรลูกสาวของเจ้าพ่อเงินกู้นอกระบบขับรถมาจอดยังบ้านของบารมีโดยไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า เธอแต่งตัวยั่วยวน เดินกรีดกรายลงจากรถคันหรู กลิ่นน้ำหอมราคาแพงฟุ้งไปทุกที่ที่เธอเดินผ่าน
ลูกน้องของบารมีให้นทพรนั่งรอที่ห้องรับแขกแล้วเข้าไปรายงานเจ้านาย
“เสี่ยครับ คุณแนทมาขอพบ”
บารมีถอนหายใจ เขาโดนตามตื๊อจากนทพรมาตลอดห้าปี เธอยังคงตามตื๊อไม่ลดละ ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกสาวผู้มีอิทธิพลในวงการเดียวกัน บารมีอาจจะไล่เธอไปตรงๆ แล้ว แต่ก็ต้องคุยด้วยตามมารยาทเพื่อรักษามิตรภาพไว้
“เดี๋ยวฉันออกไป” บารมีบอก ตรวจเอกสารในมือที่ค้างอยู่จนเสร็จ แล้วเดินออกไป
นทพรยิ้มกว้างลุกขึ้นเดินมาเกาะแขนผม แล้วดึงไปนั่งลงข้างๆ
“แนทมาชวนคุณออกไปทานดินเนอร์ด้วยกันค่ะ”
“ผมไม่อยากออกไป วันนี้ผมเหนื่อย ต้องขอโทษด้วยนะแนท” เขาปฏิเสธตรงๆ อย่างนุ่มนวล
“งั้นแนทขอทานข้าวเย็นที่บ้านคุณนะคะ” นทพรพูดอ้อน แต่ผมว่ามันดูเสแสร้งไม่น่ารักเหมือนที่รวิทำ
‘แล้วทำไมเราต้องเอารวิมาเปรียบเทียบ’ บารมีคิดในใจอย่างงงๆ
“ได้ครับ” บารมีไม่อยากปฏิเสธให้เธอเสียหน้าเป็นครั้งที่สอง นทพรยิ้มดีใจ
“คุณรออยู่ตรงนี้ก่อนแล้วกัน ผมต้องเข้าไปตรวจเอกสารต่อ ผมชอบตรวจคนเดียว ไม่งั้นไม่มีสมาธิ ขอตัวนะครับ” บารมีขอตัวและพูดดักคอไว้เพื่อไม่ให้นทพรตามไปที่ห้องทำงาน เธอหน้างอ แสดงความไม่พอใจ แต่ก็ยอมนั่งรอบารมีแต่โดยดี
รวิออกจากห้องเพื่อลงไปช่วยป้าตุ่น เดินผ่านห้องโถงรับแขกเห็นนทพรนั่งอยู่ก็ยกมือไหว้ตามมารยาท นทพรรับไหว้ลวกๆ แล้วไม่สนใจรวิที่เดินผ่านไป
ป้าตุ่นบอกรวิว่านทพรจะมาทานอาหารด้วย ต้องทำกับข้าวรับแขกเพิ่มอีกสักอย่าง รวิอาสาเป็นคนทำเอง
ป้าตุ่นทำแกงส้มชะอมไข่ และผัดผักรวมมิตร รวิเลยคิดว่าทำเมนูทอดเสริมเข้าไปน่าจะดีกว่า เลยทำทอดมันหมูบดใส่ข้าวโพดที่เธอเคยทำช่วยแม่ และเธอจำได้ว่าตอนที่บารมีไปทานข้าวที่บ้านตอนเธอยังเด็ก เขาชอบทานมาก รวิจึงอยากทำเมนูนี้เพื่อเอาใจบารมี
*****************************
ป้าตุ่นและแต๋วช่วยกันตั้งโต๊ะ แล้วให้คนไปเชิญบารมีและแขกมานั่งที่โต๊ะ รวิขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดลงมาเพราะตัวเต็มไปด้วยกลิ่นจากการทำอาหาร จึงตามลงมาทีหลัง
“เป็นเด็กเป็นเล็กปล่อยให้ผู้ใหญ่รอมันไม่ดีนะจ๊ะ ไม่มีใครสอนเหรอ” นทพรเอ่ยขึ้น
รวินั่งลงตรงข้ามนทพร โดยมีบารมีนั่งอยู่หัวโต๊ะ
“ขอโทษค่ะ พอดีรวิอาบน้ำเพิ่งเสร็จ” รวิพูดเสียงนอบน้อม ให้เกียรติแขกของผู้มีพระคุณ ทั้งที่ในใจอยากเถียงกลับใจแทบขาด
“ผมกับคุณก็เพิ่งจะนั่ง พูดอย่างกับรอเป็นสิบยี่สิบนาที” บารมีพูดขึ้นตรงๆ นทพรทำหน้าไม่พอใจ
“รวิเป็นหลานของผม อยู่ในความดูแลของผม ถ้ารวิทำอะไรไม่ถูกใจคุณ ก็คงเป็นเพราะผมเองไม่มีเวลาสั่งสอนหลาน” บารมีพูดขึ้นอีกครั้ง นทพรเปลี่ยนสีหน้า
“แนทไม่ได้ว่าคุณเลยนะคะ แนทก็แค่บอกหลานคุณ ว่าให้ผู้ใหญ่รอมันไม่ดี” นทพรแก้ตัวเสียงอ่อนหวาน รวิมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเซ็งๆ
บารมีเริ่มตักอาหารใส่จาน แล้วชิมทีละเมนู จนถึงเมนูของรวิ นทพรที่กำลังทานก็ชมออกมาว่าแม่ครัวที่นี่ทำอร่อยทุกอย่าง บารมีมองหน้ารวิ ในปากก็เคี้ยวทอดมันที่รวิทำ
“ใช่ วันนี้แม่ครัวทำอร่อยมาก โดยเฉพาะทอดมันจานนี้ อร่อยที่สุด” บารมีจงใจชมรวิ รวิยิ้มดีใจที่บารมีจำได้ว่าเป็นเมนูของที่บ้านเธอ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยขอบคุณคำชมเพื่อแสดงตัวให้นทพรรู้ว่าตนเองเป็นคนทำ
“ใช่ค่ะ อร่อยมาก” นทพรชมไม่ขาดปาก รวิแอบยิ้มไม่หุบ แล้วทานต่อไปเงียบๆ
*****************************
กว่าบารมีจะพูดให้นทพรกลับไปได้ก็ใช้เวลานานพอควร บารมีกลับเข้าไปตรวจงานเคสสุดท้ายจนเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องทำงาน เจอรวิที่กำลังลงมาหาของว่างยามดึกตอนอ่านหนังสือพอดี
“กินขนมดึกๆ แต่ก็ไม่อ้วนสักที” บารมีพูดขึ้น
“รวิมาอยู่ที่นี่น้ำหนักขึ้นตั้งโลหนึ่งเลยนะคะ”
“แค่โลเดียวทำเป็นคุย” บารมีหัวเราะในความซื่อของเด็กน้อย
“อาจะรับนมอุ่นๆ ก่อนนอนสักแก้วไหมคะ”
“ไม่หรอก ขอบใจนะ” บารมีบอกแล้วมองหน้ารวิที่ตอนนี้เป็นสาวเต็มตัวไม่ใช่เด็กน้อยที่เขาเคยอุ้ม
“อาคะ!!” รวิเรียกดึงสติของบารมีที่กำลังจ้องมองเธออยู่
“อาจะพูดอะไรกับรวิเหรอคะ” รวิถามด้วยความสงสัยที่บารมีมองหน้าเธออยู่นาน บารมีรู้สึกตัวเลยหาเรื่องพูดแก้เก้อ
“อาก็แค่คิดว่า ทำไมรวิทำอาหารเก่งจัง ทอดมันวันนี้อร่อยมาก อาจำได้ว่าแม่ของรวิเคยทำให้อากิน” บารมีเผลอพูดถึงแม่ของรวิ รวิแววตาเศร้าลง แต่ก็ยิ้มให้บารมี บารมีรู้สึกว่าตนเองพูดในสิ่งไม่ควรพูด
“ก็รวิชอบทำอาหารนี่คะ รวิถึงจะเลือกเรียนคหกรรม จะได้เปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง หาเงินมาใช้หนี้อาให้หมดไงคะ” รวิพูดออกมา
บารมีรู้ว่าเธอกลบเกลื่อนความคิดถึง
บารมีดึงเธอเข้าไปกอดไว้
“ไม่ต้องฝืนทำตัวเข้มแข็งตลอดเวลา อยากร้องไห้ก็ร้องออกมาก็ได้”
รวิแนบซบอกของบารมี น้ำตาไหล กอดเอวเขาไว้แน่น
“รวิรักอานะคะ”
“อาก็รักรวิ”
ทั้งสองคนต่างบอกรักกันในฐานะอาหลาน แต่บารมีกลับรู้สึกบางอย่างแปลกๆ กับคำว่ารักที่ตัวเองพูดออกไป คำว่ารักที่เขาไม่เคยบอก คนางค์ คำว่ารักที่เขาไม่เคยบอกใครนอกจากพ่อแม่ แต่เขากลับพูดมันกับเด็กสาวตรงหน้า
*****************************