7

4239 Words
ตรงเวลานัดตามอย่างที่บอกเอาไว้ รถตู้ขนาดใหญ่นำเข้าสีควันบุหรี่ถึงได้เคลื่อนตัวออกจากบ้านมุ่งตรงสู่เมืองพัทยา ธีร์แวะที่บ้านหลังสวยริมหาดแถบพัทยาเหนือก่อนเข้าที่พัก ลงจากรถพบหญิงชราเจ้าของบ้านกำลังรำไทเก๊กอยู่ตรงสวนสวยภายในอาณาบริเวณที่จัดแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ดูหรูมีระดับและรสนิยมพอสมควร  “สวัสดีครับคุณย่า” คุณหญิงนวลปรางค์ผู้เป็นย่าของธีร์ลดมือลงก่อนทักทายหลานชายสุดรักของท่าน “ไงพ่อธีร์ นั่นหนูณิชใช่ไหมลูก” ท้ายประโยคเผื่อแผ่มาถึงเธออย่างปราณี “ทำไมถามแบบนี้เล่าครับ ผมจะมากับใครได้ถ้าไม่มากับณิชาภรรยาของผม” “เฮ๊อะ! อ้าปากย่าก็เห็นไปถึงตับเราแล้วพ่อธีร์” หญิงชราที่ผ่านร้อนหนาวมาเกือบเจ็ดสิบปีกล่าวอย่างรู้ทัน “โธ่ คุณย่าพูดอะไรอย่างนั้นเล่าครับ เดี๋ยวณิชาก็เข้าใจผมผิดพอดี” ธีร์กอดย่าของเขาแล้วเข้ามาดึงมือเธอให้เข้ามาในอ้อมกอด เขากำลังแสดงออกอย่างจอมปลอมอีกครั้งว่ารักภรรยาอย่างเธอนักหนา ณิชาได้แต่สะอื้นในอก หญิงสูงวัยมองหลานชายและหลานสะใภ้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนเรียกคนในบ้านมา “เด็กๆเอากระเป๋าคุณๆลงที” ธีร์แย้งยิ้มๆ “ไม่ต้องครับคุณย่า ผมจะไปพักที่โรงแรม” “ทำไมต้องไปนอนพักที่อื่น บ้านเราก็มี” ว่าเสียงฉุน พอเห็นสีหน้าหลานชายก็เข้าใจ “อ้อ คงอยากหวานกับหนูณิชน่ะสินะ” ณิชาถึงกับไปไม่เป็น เธอยืนนิ่งไม่พูดอะไรปล่อยให้สองย่าหลานเจรจากันเอง “แล้วเมื่อไรจะมีเจ้าตัวเล็กๆกันสักที” “พยายามอยู่ครับ” ธีร์บอกจบเสียงเรียกเข้าที่ดูท่าจะเป็นสายสำคัญ เขาเอ่ยขอตัวออกไปรับสายตรงบริเวณสระน้ำห่างจากสองสาวต่างวัยอยู่พอประมาณ เจ้าของบ้านยิ้มหันมาแตะมือลงกับท่อนแขนของเธอถามอย่างเอาใจใส่ “ผอมลงหรือหนูณิช” ณิชายิ้มก่อนตอบรับท่าน “น้ำหนักลงมานิดหน่อยค่ะคุณย่า” “อย่าให้ผอมไปนักนะ รู้ไหมว่าถ้าผอมมากๆน่ะจะติดลูกยาก” ณิชาหน้าม้านไปทีเดียวกับคำแนะนำของท่าน เธอกับธีร์ไม่คิดจะมีทายาทอยู่แล้ว ต่อให้เธอผอมหรืออ้วนก็ไม่มีผลในเรื่องนี้แน่นอน แล้วที่เขาบอกกับย่าของตนเองว่ากำลังพยายามนั้นคงแค่ต้องการพูดปัดไป อยู่รับประทานมื้อเย็นกับหญิงชราที่ยังแข็งแรงอยู่มาก ผู้ซึ่งมีศักดิ์เป็นย่าของธีร์แล้วค่อยลากลับที่พัก โรงแรมหกดาวชื่อดังติดชายหาดพัทยาคือสถานที่ที่ธีร์ระบุว่าจะพำนักที่นั่น ธีร์ฮัมเพลงโปรดของเขาเบาๆตั้งแต่ออกมาจากบ้านของคุณย่าจนถึงที่หมาย ขึ้นมาบนห้องเขาตรงไปเปิดม่านตรงกระจกที่หันสู่ท้องทะเลออกแล้วมองอยู่อย่างนั้น พร้อมปลดกระดุมเสื้อจนเห็นท่อนบนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสวยงาม แล้วผละจากตรงที่ยืนเดินเนิบๆตรงไปยังมินิบาร์ คว้าเครื่องดื่มมารินใส่แก้ว ถึงเอ่ยปากถามเธอ “ดื่มอะไรไหมณิชา” ณิชาพยายามมองแค่ใบหน้าหล่อเหลาของเขา ไม่ชำเลืองตาลงให้ต่ำกว่านั้น เพราะอกใจทำท่าจะเต้นผิดจังหวะจากอากัปกิริยาแปลกๆของธีร์ “ไม่ค่ะ ณิชขอเข้าห้องนอนเลยนะคะ อยากอาบน้ำพักผ่อนแล้วค่ะ”           ธีร์ไม่ได้เอ่ยอะไร เขาทำเพียงพยักหน้าเท่านั้น คล้อยหลังหญิงสาวแล้วก็กระแทกลงนั่งอย่างเซ็งๆ กล้ามแน่นๆเหมือนปูนี่ได้ผลกับหญิงสาวรายอื่นมานักต่อนักแล้ว แต่กับเมียแท้ของเขาเองทำไมมันไม่ได้ผลวะ ณิชาปิดประตูห้องลงแล้วยืนพิงพร้อมพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก เธอเกิดอาการแปลกๆขึ้นมาได้อย่างไร เพียงแค่เห็นแผงอกของธีร์พลันให้เกิดความรู้สึกพลุ่งพล่านอย่างกับพวกสาวร้อนรัก ใช่ว่าไม่เคยเห็น อิงแอบแนบชิดกันเสียหน่อย เธอกับธีร์เป็นสามีภรรยาร่วมเตียงมานานหลายเดือนแล้วด้วย ร่วมเรียงเคียงเพียงกายไร้ซึ่งความรักจากหัวใจของเขา แล้วรีบปัดความคิดว้าวุ่นนั่นออก จัดแจงนำเสื้อผ้าออกมาแขวนไว้ในตู้ นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้เก็บของให้ธีร์เลยตรงไปที่ประตู เปิดออกอย่างไวก็พบว่าธีร์ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตูห้องของเธอแล้ว ท่าทางเขาดูตกใจเมื่อเห็นเธอเปิดประตูออกมาพอดี ธีร์ชะงักไปเพียงนิดเดียวก่อนเอ่ยปากขอ... “ผมปวดหัว คุณมียามาด้วยไหม” “สักครู่นะคะ” ว่าแล้วหันกลับไปเปิดกระเป๋าหายาสามัญประจำบ้านที่มักติดไปไหนมาไหนด้วยเสมอ เดินตรงมาที่เขายืนส่งให้ “นี่ค่ะ” แล้วเอียงตัวหลบเขาไปทางมินิบาร์บอกขึ้น “เดี๋ยวณิชไปรินน้ำให้นะคะ” ไม่นานก็ได้แก้วน้ำมาให้เขา ธีร์รับไปถือแล้วเลยนึกขึ้นได้ “ณิชไปเก็บเสื้อผ้าให้นะคะ” เขาพยักหน้าอย่างแกนๆมองตามหลังไปไม่ได้พูดอะไรอีก เธอปรนนิบัติเขาอย่างดีข้อนี้ธีร์ไม่เถียง แต่ไอ้เรื่องที่อยากให้ทำทำไมไม่ทำ เก็บเสื้อผ้ากระเป๋าบ้าบออะไรนั่น ให้ใครทำก็ได้ แล้วตามเข้าไปกอดอกมองร่างเล็กที่เดินไปมาเก็บเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าจนเรียบร้อยดี “หิวไหมณิชา” “ไม่นี่คะ คุณธีร์หิวหรือคะ” ธีร์มองสบตามาด้วยประกายวาววับ แย่แล้ว หิวของเขากับเธอน่าจะเป็นคนละความหมายกันแน่ๆ “หิว ผมไม่ได้กินอะไรมาตั้งเป็นสัปดาห์แล้วนี่” เธอไม่ได้สนใจว่าเขาหิวอะไรกันแน่ เลยเฉไฉทำไม่รู้เรื่องไปเสีย “ให้ณิชสั่งอาหารให้ไหมคะ” ธีร์นิ่งงันไปเลยทีเดียว ในเมื่อสิ่งที่เขาหิวไม่ใช่อาหารรสเลิศแต่ประการใด แต่เป็นคนที่ยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้นี่ต่างหากที่ทำให้เขาหิวจนกิ่วแทบทนทรมานไม่ไหว แต่จะให้เขาลากเธอขึ้นเตียงแล้วกระทำอย่างที่ใจต้องการก็ใช่เรื่อง เขาไม่ใช่พวกขืนใจใครเสียด้วย “ไม่เป็นไร ผมจัดการเอง” ก็ใช่ เขาจัดการเองมาตั้งแต่วันที่ถูกหลอกให้ไปรอที่ห้องจนเหงือกแห้งมาแล้ว            “ณิชเก็บของเรียบร้อยแล้วนะคะ”   พอเห็นว่าเขาพยักหน้าก็เดินตัวลีบจากไปในทันที “ณิชา” ได้ยินเสียงตัวเองเรียกเธออีกครั้ง เจ้าของชื่อขานรับงงๆ “คะ?” ธีร์พยายามเก็บเล็บที่โง้งยาวพร้อมตะครุบเหยื่อเอาไว้เสียมิด ถามด้วยท่าทีสงบนิ่ง “คุณง่วงแล้วหรือ” “เอ่อ ค่ะ คุณธีร์มีอะไรจะใช้ณิชหรือคะ” เขาจะอยากใช้อะไรคนเป็นเมียตอนมืดค่ำแบบนี้ ถ้าไม่อยากเรื่องอย่างว่า แต่คนแบบธีร์ต้องออกปากหรือไร ณิชายืนนิ่งรอรับคำสั่งของเขา แต่เมื่อธีร์ไม่เห็นว่าอะไรอีก เธอจึงขอเอ่ยปากขอตัว “ไม่มีอะไรแล้วณิชกลับห้องเลยนะคะ” ไปแล้ว ธีร์มองร่างเล็กๆของณิชาที่เดินกลับห้องพักของเธอไปแล้ว โดยที่เขายืนเหี่ยวอยู่ที่เดิม ชายหนุ่มสบถเป็นภาษาแม่บ้างภาษาต่างชาติบ้างอย่างหัวเสียสุดๆ ตอนนี้อารมณ์ของเขาหงุดหงิดงุ่นง่านมากกว่าเดิมจนแทบระเบิดออกมาเหมือนภูเขาไฟยักษ์อยู่แล้ว   ดนัยแยกตัวจากคู่ค้าต่างชาติคนหนึ่งที่นัดเจรจาเรื่องโครงการก่อสร้างโครงการหนึ่งที่โรงแรมระดับหกดาวในเมืองพัทยา ชายหนุ่มหยุดยืนรับสายเรียกเข้าจากสำนักงานที่โทรเข้ามาสอบถามเรื่องเอกสารบางอย่างกับเขา จวบจนเรียบร้อยแล้วถึงวางสายลง และแล้วถึงได้เห็นว่าคนที่เดินเข้ามานั้นเป็นใคร ชายหนุ่มรีบจ้ำตามไปในทันที พร้อมเอ่ยชื่ออีกฝ่ายเอาไว้ “หนูณิช” หญิงสาวเจ้าของชื่อหันขวับมามอง แล้วยิ้มตอบรับ “พี่หนึ่ง” ดนัยเดินเข้าไปหญิงงามพิศมองใบหน้าที่ดูซูบผอมลงก่อนถามอย่างไม่รู้จะคุยอะไรด้วย “มากับใครคะ” พลันเสียงตอบนั้นมาจากอีกทาง “มากับสามีครับ” ดนัยหุบยิ้มแล้วหันไปทางคนพูด เอ่ยทักทายอีกฝ่าย “สวัสดีคุณธีร์” “สวัสดีครับคุณดนัย” ธีร์ทักทายกลับ แล้วเอ่ยปากชวน “พอดีเลย...เรามีงานเลี้ยงเปิดตัวโครงการคอนโดริมทะเล จำไม่ได้ว่าเชิญคุณดนัยหรือยัง” ดนัยฝืนยิ้ม อันที่จริงไม่เคยมีการเรียนเชิญร่วมงานอะไรมาถึงเขาจากฟากฝั่งของธีร์ทั้งสิ้น ตนกับธีร์นั้นไม่ถูกกันมาตั้งแต่เรียนอยู่ต่างประเทศแล้ว เดิมสนิทสนมกันดีแต่แล้วหญิงสาวที่ดนัยคบหาเกิดไปเฟลิร์ตกับธีร์ ดนัยเหมือนถูกหักหน้า เหมือนถูกทรยศความรู้สึก นอกจากธีร์จะไม่แก้ตัวแล้วยังไม่ยอมพูดจาไขข้อสงสัยอะไรให้ฟัง ในตอนแรกเขานึกว่าธีร์จะรักเพื่อนมากกว่านี้ แต่เรื่องแบบนี้ยังหักหลังกันได้นับประสาอะไรกับเรื่องอื่น จากนั้นดนัยเฟดตัวออกเงียบๆ แล้วเอาคืนเล็กๆน้อยๆด้วยการแนะนำเพื่อนนักธุรกิจจากดูไบให้รู้จักกับลิลลา ผู้หญิงที่ธีร์ทำท่าจะจริงจังด้วย มันจะได้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวด ผิดหวังบ้าง สุดท้ายธีร์เอาคืนเขาอีกครั้งด้วยการคว้าหัวใจของเขาไปย่ำยี ชาตินี้เขากับมันคงไม่มีทางญาติดีกันแน่ “ไม่ต้องเชิญผมหรอกครับ งานรัดตัวคงไม่สะดวกไปรื่นเริงที่ไหน” ธีร์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนแตะเอวของหญิงสาวที่เป็นภรรยาก้มลงพูดคุยให้ดูสนิทสนม “ขึ้นห้องกันเถอะครับ” ค่อยสบตากับดนัย “ลาเลยนะครับคุณดนัย” ดนัยมองตามหลังสองคนที่หายเข้าไปในตู้เหล็กสีเงินแล้วก็ยิ่งเจ็บปวดหัวใจ เห็นทีเขาคงจะยังไม่กลับ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ลาพักร้อน คิดหาวิธีจัดการกับไอ้มารหัวใจอย่างธีร์ให้มันแดดิ้นกันไปไม่เหลือซากในคราวนี้ละ ขึ้นมาบนห้องธีร์มีท่าทีเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อครู่ทันที ใบหน้าที่มีรอยยิ้มเมื่อครู่ณิชารู้ดีว่าเขาไม่ได้ยิ้มเพราะอารมณ์ดี หากแต่กำลังเดือดพล่านต่างหาก ก่อนหน้าที่เจอดนัย เขาพาณิชาออกไปนั่งกินอาหารที่ร้านริมหาดอย่างที่เธอต้องการ ไม่ได้เอาใจก็เขาแค่...ไม่เคยกินอาหารแบบนั้น พอเธอเสนอมาเขาเลยเห็นพ้องด้วยเพราะอยากกินเหมือนกัน แต่พอดีว่าตอนที่เดินกลับที่พักมีคนแวะเข้ามาทักเขา ทุกคราวที่เจอเหตุการณ์เช่นนี้ธีร์จะคุยกับคู่สนทนาโดยไม่สนใจเธอ ณิชาจึงคิดว่าคราวนี้ก็คงเหมือนทุกครั้งออกเดินนำหน้ามาก่อนโดยไม่รอ แต่ที่ทำให้คนอย่างธีร์ยัวะน่าจะเพราะเจอไอ้ไก่อ่อนดนัยนั่นมากกว่า เลยยิ่งทำหงุดหงิดไปใหญ่ “คราวหลังอย่าเดินไปไหนมาไหนตามลำพัง ข้างนอกนั่นถ้าไปด้วยกันต้องรอเดินพร้อมผม ไม่ใช่เห็นใครมาทักคุยด้วยก็แยกตัวออกมาแบบนี้ มันน่าเกลียด” ณิชาใช่คนผิดเธอโต้เขากลับไปเช่นกัน เพราะเหลืออดกับความไร้เหตุผลนี้ “ทุกทีคุณก็เป็นคนไล่ณิชให้เดินล่วงหน้ามาก่อนนี่คะ” ธีร์อ้าปากค้าง ก็มันจริง และที่เขามักไล่ให้เธอเดินนำหน้ามาก่อนนั่นมันก็มีเหตุผล ชายหนุ่มหน้าขรึม ตัดบทด้วยคำสั่งเผด็จการทันที “ทำอย่างที่ผมบอก รู้ไว้อีกข้อว่าผมไม่ชอบให้ผู้ชายอื่นมาก้อร่อก้อติกกับเมียตัวเอง” เขาหาเรื่องต่อว่าเธอจนได้ นี่เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ธีร์โมโหและพูดจาไร้วุฒิภาวะขนาดนี้ เขายังว่าต่อราวกับเธอทำผิดอย่างมหันต์เสียอย่างนั้น “เราแต่งงานกัน ต้องรู้จักการให้เกียรติซึ่งกันและกัน นี่อะไร” ได้ยินเขาพูดมาแบบนั้นแล้วพลันนึกหยันธีร์ในใจ ให้เกียรติอย่างนั้นหรือ ใครกันแน่ที่ควรร้องขอกับเรื่องการให้เกียรตินี่ ก่อนผุดความจริงเรื่องหนึ่งขึ้นมาในหัวโต้เขาเสียงสั่น “อย่างนั้นหรอกหรือคะ นึกว่าเพราะฉันเคยสนิทกับพี่หนึ่งมาก่อนเสียอีก คุณถึงพาลอย่างกับเด็กไม่มีเหตุผล” ธีร์ยิ้มพรายทีเดียวเมื่อเห็นภรรยา คนที่เคยเงียบมาตลอด เปิดปากเถียง นึกสนุกขึ้นในนาทีนั้น “นั่นก็อีกเหตุผล” “นึกไว้ไม่ผิด” บอกด้วยใบหน้ามัวหมองลง พ้อเสียงเบาหวิวอย่างลืมตัวเพราะความโกรธ ความอัดอั้นผสมปนเปกันจนไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าไรนัก “ฉันไม่น่าแต่งงานกับคุณตั้งแต่แรก” ได้ยินเสียงหวานตัดพ้อ เกิดเสียววาบขึ้นในอก เธอพูดออกมาได้อย่างไรว่าไม่น่าแต่งงานกับเขาตั้งแต่แรก ธีร์ถามอย่างกับจะหาเรื่อง “ทำไม!” “…” ณิชานิ่งไม่ตอบ เขาก็ยั่วเธอ “...หรือที่คิดว่าผมเลือกแต่งงานด้วยนี่เพราะผมแอบหลงรักคุณตั้งแต่แรกเจอ เอ...หรือคิดว่าพอได้อยู่ด้วยกัน ผมจะใจอ่อนเห็นความดีของคุณ” เสียงเขาเย้าโทสะได้ดีนัก ณิชาทำได้เพียงแค่นยิ้มเมื่อสิ่งที่เขากล่าวมานั้น มันมีส่วนที่เคยคิดอยู่บ้าง แต่เรื่องอะไรที่เธอจะต้องยอมรับ “ไม่เคยคิดหรอกค่ะ” “ก็ดี” ธีร์บอกด้วยอารมณ์คนพาลหนักกว่าเดิม “แล้วคราวหลังอย่าให้เห็นว่าไปคุยกับมันอีก” “คุณไม่มีสิทธิมาบังคับให้ฉันคุยหรือไม่คุยกับใครนะคะคุณธีร์” “ทำไมจะไม่มีสิทธิ” “อันธพาล” “ชม? ขอบคุณก็แล้วกัน  สำนึกด้วยว่าถ้าไม่ใช่ผม พวกคุณจะอยู่รอดมาจนถึงวันนี้ไหม” “ขอบคุณมากค่ะที่กรุณาพวกเรา” “เก่งนี่ ประชดประชันต่อปากต่อคำไม่เลิก” “ได้ครูดีมังคะ” “อย่าเก่งแต่ปาก เรื่องอื่นให้มันเก่งบ้าง ไม่ใช่นอนนิ่งอย่างกับตุ๊กตายาง” ธีร์สุดกลั้นยกเอาเรื่องน่าอับอายมาสาดใส่หน้าเธอ ณิชากำมือแน่น บอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไรกับคำพูดที่ได้ยินนั่น ธีร์เดินออกไปด้านนอกแล้ว หลังจากทิ้งคำพูดร้ายๆไว้ทิ่มตำหัวใจของเธอ คืนนั้นทั้งคืนเขาไม่กลับมาที่ห้อง จนเช้ากว่าที่ณิชาจะหลับ แต่ก็ยังไม่วายหลับๆตื่นๆจนเที่ยง หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งริมเตียงเหม่อมองออกไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า พอดีกับที่มีสายเรียกเข้ามา ณิชากดรับพลันได้ยินว่าปลายสายเป็นใครก็สะอื้นไห้ออกมาอย่างหมดความอดทน “หนูณิชเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” “ณิชไม่ไหวแล้วปา” “หนูณิชอยู่ไหน” “พัทยา” “พักที่ไหน” พอเอ่ยชื่อโรงแรมออกไปแล้วก็พรั่งพรูเรื่องราวคับแน่นในหัวใจ รวมไปถึงเรื่องที่ทะเลาะกับธีร์เมื่อวานนี้ให้ปลายสายฟังจนหมด ไม่ได้พาดพิงไปถึงดนัยเพราะเรื่องบาดหมางพวกนี้เธอคิดว่าเป็นแค่เรื่องระหว่างเธอกับธีร์เท่านั้น ปารมีถือสายรับฟังอยู่ตลอด ตัดสินใจในตอนนั้นเองว่าต้องไปหาณิชา ทั้งสองสาวยังต่อสายสนทนากันตลอดทาง จวบจนเลี้ยวรถเข้ามาในเขตเมืองพัทยาค่อยกดหาที่ตั้งโรงแรมอีกครั้ง ปารมีวางสายลงแล้วจึงขับวนหาจนเจอ จังหวะที่เลี้ยวเข้าไปนั่นเองรถหรูคันหนึ่ง สีของรถและรุ่นบ่งบอกได้ว่าเป็นพวกคนมีฐานะเท่านั้นที่จะซื้อหามาขับได้ รู้มาบ้างว่ารถนี่นำเข้ามาไม่ถึงสิบคันในประเทศ กำลังขับปาดเลนมาทางฝั่งของเธอ จนเกือบเฉี่ยวมาโดน เห็นไวๆว่าคนขับสวมแว่นดำอำพรางหน้าตายกมือขึ้นเหมือนขอโทษแต่ไม่ลงมาจอดดู ก่อนขับเลยออกไปในทันที “อะไรวะ ขับรถได้ทุเรศมาก” บ่นตามหลังเอี้ยวมองป้ายทะเบียนเอาไว้ เผื่อเจออีกได้แชร์ลงโซเชียลเนตเวิร์คเสีย ดีนะกล้องติดรถยนต์รุ่นนี้ถ่ายโอนข้อมูลได้ไม่ยากนัก แล้วงึมงำต่ออีกอย่างหัวเสีย บ่นจบ หาที่จอด ต่อสายหาณิชาอีกครั้ง เจ้าตัวรีบลงมาที่ล็อบบีหลังจากรู้ว่าเพื่อนมาถึงแล้ว โผเข้ากอดคอคนที่ขับรถมาจากกรุงเทพพร้อมสะอึกสะอื้นจนฟังไม่รู้เรื่องว่าบ่นอะไร “ขึ้นไปร้องบนห้องไหมหนูณิช” ปารมีเอ่ยชวนเมื่อเห็นคนอื่นมองมาที่ตนกับเพื่อน “ไม่ ไม่ ณิชอยากไปจากที่นี่” “งั้นไปเลยปะ ของล่ะขึ้นไปเอาไหม” ณิชาส่ายหน้าหวือว่าไม่คิดเอาอะไรติดตัวไปด้วย ปารมียิ้มอย่างปลอบใจให้เพื่อนแล้วพากันออกมา มองคนอื่นที่อยู่บริเวณนั้นด้วยสีหน้าเฉยเมยไม่ใส่ใจแล้วพากันเดินไปยังลานจอดด้านหน้าโรงแรมที่พักด้วยกัน ทันทีที่เปิดรถขึ้นมาแล้วนั่น ณิชาปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง ปารมีจึงได้แต่ปลอบ รับฟังเสียงที่สะอื้นไห้ไปเล่าไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก พอเห็นว่าอีกฝ่ายซาลงจากอาการอัดอั้นตันใจจึงค่อยออกรถพากันไปยังถนนเลียบชายหาด หาที่พักใหม่ จนได้ห้องพักสำหรับคืนนี้ แม้โรงแรมไม่หรูเท่าที่พักกับธีร์แต่ไม่ขี้เหร่จนพักไม่ได้ นั่งปรับทุกข์อีกครู่แล้วถึงชวน “ไปนั่งรถเล่นกันไหมหนูณิช” ณิชาสูดลมหายใจเมื่ออาการอัดอั้นเหล่านั้นถูกระบายออกไปบ้างแล้ว พยักหน้าตอบรับ ปารมีพาลงมาที่รถแล้วขับวนไปที่ถนนเลียบชายหาดอีกครั้ง ชี้มือบอก ให้สนใจสิ่งอื่นบ้างจะได้คลายใจจากอารมณ์ดำมืดเหล่านั้น “พระอาทิตย์ตกดินพอดีเลย สวยเนอะหนูณิช” ณิชาฝืนยิ้มเมื่อเพื่อนพยายามให้เธอสงบสติอารมณ์ แล้วเปิดกระจกรับลมไปพลางๆ พอสงบสติอารมณ์ได้ ค่อยหันไปมองหน้าเพื่อนที่ขับรถมาไกลเพื่อมาอยู่ด้วย ถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย “หิวไหมปา” “อือ เริ่มหิวแล้วล่ะ” “แวะตรงร้านนั้นไหม” ณิชาชี้มือไปยังป้ายไฟที่เขียนเป็นภาษาต่างชาติอยู่ห้าภาษา ที่ซึ่งเป็นร้านอาหารฟิวชันและเป็นโรงแรมที่พักด้วย “ก็ดีเหมือนกัน ดีนะวันนี้กลางอาทิตย์มีแต่พวกทัวร์ ถ้าเป็นวีคเอ็นล่ะได้ขี่คอกันสั่งอาหารแน่” ค่อยยิ้มได้ ตกลงกันเรียบร้อย หาที่จอดรถ เดินเข้าไปด้านใน แล้วจึงเดินไปยังร้านอาหารที่เป็นส่วนหนึ่งของโรงแรมมีชื่อ ลานโล่งเปิดรับลมทะเล มีวงดนตรีเล่นสดเป็นเพลง Jazz ยุค 50-60 ฟังสบายๆ แสงไฟสลัวส้มสลับแดง และแบ่งเป็นที่นั่งเป็นสัดส่วน ปารมีเลือกโต๊ะโลเคชันดีดีตัวหนึ่งได้พอดี ไกลจากวงดนตรีหน่อย แถมยังหันหน้าออกสู่วิวทะเลพัทยาอีกด้วย บรรยากาศแม้ไม่ได้สวยมากแต่สำหรับคนที่ทำงานตลอดเจ็ดวันอย่างปารมีก็ได้ผ่อนคลายไปมาก เจ้าตัวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเก็บภาพบรรยากาศในร้านก่อนแชร์ลงโซเชียลมีเดีย ‘วันนี้มา dinner ไกลหน่อย’ พร้อมแท็กณิชาที่ไม่ค่อยได้ใช้สื่อสังคมออนไลน์เท่าไรนักแล้วระบุสถานที่ที่มา พนักงานนำรายการอาหารมาให้จึงแบ่งกันสั่งคนละสองถึงสามรายการ จนพอใจณิชาเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “ณิชจะขอหย่า” “ได้หรือหนูณิช” “ได้หรือเปล่าไม่รู้แต่ณิชจะหย่า ปา ณิชทนสภาพนี้ไม่ไหวอีกแล้ว” “โธ่ หนูณิช” จบเสียงเวทนาของปารมี เสียงเตือนของข้อความก็ดังขึ้น ‘ปาอยู่พัทยาเหรอ’ ปารมีขมวดคิ้วมุ่น ก่อนบอกกับณิชาว่าใครที่ส่งข้อความในแอปพลิเคชันสนทนาถึงเธอ “พี่หนึ่งน่ะ” แล้วจิ้มๆหน้าจอตอบกลับไป ‘ค่ะพี่หนึ่ง’ ‘อยู่กับหนูณิชเหรอ’ ‘ค่ะ’ ‘พี่พักอยู่ตรงส่วนของโรงแรมพอดี เดี๋ยวพี่ลงไปหาที่ร้านนะ’ ดนัยบอกมาแบบนั้นแล้ว ปารมีเลยส่งสารต่ออีกที “พี่หนึ่งพักที่นี่ด้วยหนูณิช แกว่าจะมาแจมแน่ะ” “ณิชเพิ่งเจอพี่หนึ่งเมื่อวานนี้เอง” เพราะเล่าแต่เรื่องที่ทะเลาะกับธีร์ แต่ไม่ได้เอ่ยถึงดนัยไป จึงบอกให้ปารมีรู้เสียก่อน “อ้อ คุณธีร์อยู่สินะ ตอนเจอพี่หนึ่งน่ะ” “อือ” ณิชาพยักหน้ารับ “ไม่ใช่ว่า…” ปารมีวิเคราะห์อย่างที่เห็นความน่าจะเป็น ณิชาถาม เมื่อเพื่อนไม่พูดให้จบ “อะไรหรือปา” “หึงน่ะสิ” ณิชาเบ้หน้า ส่ายศรีษะช้าๆ บอกอย่างหนักแน่น “ไม่มีทาง คุณธีร์ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับณิชแน่นอน” “อ้าว ว่าได้เหรอ ผู้ชายบางคนนะหนูณิช ปากแข็งจะตาย ท่ามาก ฟอร์มเยอะไง” ณิชาเชื่อว่าผู้ชายอย่างที่ปารมีว่ามา แต่ไม่ใช่ธีร์แน่นอน แล้วเอ่ยแซ็วไป “อย่างกับตัวเองมีแฟนมาเยอะแยะ โสดไม่ใช่?” สองสาวคุยกันอีกไม่กี่คำ ดนัยก็มาปรากฏตัวขึ้นที่ร้าน เขามองเห็นณิชาในแวบแรกที่กวาดสายตาหา แล้วตรงมาที่โต๊ะทันที ปารมีทักยิ้มๆ “มาไวจังพี่หนึ่ง” “พักข้างบนนี่เอง แล้วเราพักที่ไหนกัน” บอกชื่อที่พักไป ดนัยก็ว่า “หนูณิชไม่ได้พักที่นั่นหรือคะ” ดนัยเอ่ยชื่อโรงแรมดังที่เขาพบณิชากับธีร์ที่นั่น ณิชามีสีหน้าแปรเปลี่ยนไป ปารมีจึงรับขัดขึ้น เพราะเดี๋ยวเพื่อนรักจะเกิดอาการบ่อน้ำตาตื้นขึ้นมาอีก “พี่หนึ่งมาทีหลังต้องเลี้ยงนะ” ดนัยยิ้มก่อนมองทางณิชาด้วยสายเปิดเปลือยความในใจ “ได้ครับ เลี้ยงตลอดชีวิตเลยก็ยังได้” ดนัยหยอดทันทีที่มีจังหวะ แต่แล้วปารมีก็จะขัดอยู่ตลอดเพื่อไม่ให้ณิชาอึดอัดจนเกินไป นั่งรับประทานและดื่มไปได้ครู่ใหญ่ ปารมีขอออกไปรับสายสนทนาที่ด้านหน้า ตรงมุมที่เงียบกว่าด้านในร้าน ณิชาที่นั่งอยู่ตามลำพังกับดนัยจึงเอ่ยปากขอเข้าห้องน้ำ คิดว่าออกมาแล้วปารมีคงกลับมาที่โต๊ะ เธอไม่อยากนั่งกับดนัยตามลำพัง แม้จะเคยคบหากันมาก่อน แต่นั่นก็เป็นเรื่องเมื่อครั้งอดีต ดนัยและเธอคงเหมือนเส้นขนานที่ไม่อาจมาบรรจบกันได้อีกแล้ว ต่อให้เธอหย่ากับธีร์แล้วก็ไม่สะดวกใจจะคบหากับใคร เดินพ้นประตูห้องน้ำแล้วกลับเจอดนัยยืนพิงกำแพงร้านรอเธออยู่ “พี่เห็นว่าแถวนี้มันเปลี่ยวก็เลยมารอค่ะ” ณิชาฝืนยิ้มแล้วเดินนำหน้ากลับไปยังโต๊ะ ขณะก้าวตรงไปยังโต๊ะนั่นเองบังเอิญมีชาวต่างชาติร่างยักษ์ที่เมาแล้วเซเข้ามาหาณิชา ดนัยจึงตรงไปคว้าหญิงงามในใจมาตระกองกอด ไม่ให้ต้องปะทะกับชายคนนั้น แล้วร่างบอบบางก็ถูกกระชากจากอีกแรงจากอีกคน ดนัยหันขวับไปมองจึงเห็นร่างที่ดูสูสีกันแต่สูงกว่าเล็กน้อยเงื้อหมัดชกเข้าที่ครึ่งปากครึ่งจมูกของตนเอง “อย่ามาหลอกกอดเมียคนอื่นแบบนี้สิครับคุณดนัย” ณิชาตกใจจนหน้าซีด ร้องห้ามเสียงสั่นเมื่อเห็นเลือดแดงฉานของดนัย “มะ ไม่ใช่นะคะคุณธีร์” ธีร์หันหน้าที่บัดนี้แดงกล่ำจากสาเหตุใดก็สุดรู้ได้มาทางเธอ ก่อนจะหันกลับไปที่คู่อาฆาตเงื้อมัดขึ้นสูงตั้งท่าจะฟาดฟันกับดนัยให้ตายไปข้าง “ใจเย็นๆเว้ยไอ้ธีร์” เก้าเข้ามาดึงเพื่อนของตนเอาไว้ไม่ให้ใช้ความรุนแรงจนผิดวิสัยแบบนี้  เคยที่ไหนที่คุณธีร์จะลงมือต่อยตีกับใครเหมือนวัยรุ่นเลือดร้อน เก้าสงสัยขึ้นในในฉับพลัน ว่าหญิงสาวที่เพื่อนบอกว่าไร้ซึ่งความหมายนี้คงไม่ใช่อย่างที่ปากว่าอีกแล้ว “ปล่อยกู” ธีร์เค้นเสียงบอกเก้า เมื่อญาติที่ครองตำแหน่งเพื่อสนิทไม่ยอมปล่อยอย่างที่บอกก็สะบัดตัวเองออกจนหลุด ตรงไปคว้าแขนเรียวเล็กของหญิงสาวคนที่เป็นภรรยาพากระตุกเดินลับหายไปอีกทางในทันที      
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD