6

3659 Words
        เช้าวันรุ่งขึ้น ณิชาลุกออกมาจากเตียงด้วยอาการคล้ายคนนอนไม่พอ หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดเสื้อสูทเข้ากันสีสุภาพลง มายังเบื้องล่าง พบว่าธีร์นั่งรออยู่แล้วที่โต๊ะรับประทานอาหาร เด็กรับใช้คนหนึ่งเข้ามายืนกุมมือถามข้างๆ “รับมื้อเช้าเลยไหมคะ” ธีร์ตอบรับคำเดียว “อือ” เรื่องเมื่อคืนที่เธอหลอกเขาให้กลับไปรอที่ห้อง แล้วปิดประตูล็อคไว้ไม่ได้ตามไปอย่างที่ลวงหลอก ต้องทำให้คนอย่างธีร์เกิดความรู้สึกกรุ่นโกรธเธอบ้าง แต่กิริยาที่ปรากฏออกมามีเพียงความสงบนิ่งเฉยเท่านั้น ณิชาเลิกคิดถึงเรื่องนั้นแล้วเอ่ยปากถามเขาอย่างทุกทีที่เคยปฏิบัติ “รับเป็นข้าวต้มนะคะ” ธีร์มองมาด้วยสายตาว่างเปล่าแล้วตอบรับง่ายๆคำเดียวแบบเดิม “อือ” ไม่นานก็เดินไปช่วยเด็กๆจัดแจงยกมื้อเช้าเข้ามาบริการให้เขา พร้อมกับที่ตัวเองก็นั่งกินร่วมโต๊ะด้วย ความเงียบที่มีนั่นเต็มไปด้วยความกดดันและอึดอัด ณิชารู้ว่าเขาต้องการให้เธอเอ่ยปากอธิบายเรื่องเมื่อคืน แต่แล้วถ้าไม่ทำเล่าเขาจะว่าอะไรได้ เธอจะไม่พูดถึงเรื่องเมื่อคืนโดยเด็ดขาด เรียบร้อยก็ตามเขาขึ้นรถเพื่อไปฟังประชุมด้วยกันที่บริษัทตามเวลานัดหมาย มองตรงไปที่เขา ที่เวลานี้มีรัศมีดูทรงอิทธิพล ทั้งยังดูน่าเกรงขามเย็นชายิ่งนักแผ่ออกรอบตัวของเขา ราวกับเป็นคนละคนที่อยู่กับเธอตามลำพัง สีหน้าของเขาเคร่งขรึมเอาจริง ไม่มีรอยยิ้มเหมือนคนชอบยั่วอย่างที่เคยเห็นบ่อยๆในเคหาสถานที่พำนัก แถมยังปรับสายตาลุ่มลึกแปรเปลี่ยนเป็นข่มขวัญดุดันยามมองสบกับคนอื่นๆในห้องประชุม         เลยพลอยให้ผู้เข้าร่วมประชุมอึดอัดระแวดระวังตัวยามรายงานหรือตอบคำถามของเขา ช่วงเช้าเป็นประชุมเรื่องงบดุลและบ่ายเป็นเรื่องของโครงการใหม่ที่กำลังแล้วเสร็จและแพลนเปิดตัวตามกำหนดการที่วางไว้ “อีกสองสัปดาห์เราจะเปิดตัวดอนโดมิเนียมโครงการใหม่ที่พัทยา คงต้องพีอาร์กันมากหน่อยทางคณะกรรมการเห็นชอบให้เชิญนักแสดงในวงการบันเทิงแล้วก็เหล่าเซเลบริตีมาร่วมงานเพื่อช่วยโพรโมตด้วยค่ะคุณธีร์” ผู้ดูแลโครงการกล่าวสรุปตอนท้าย ธีร์พยักหน้ารับทราบแล้วคุยกันต่ออีกสามถึงสี่หัวข้อการประชุม จนเรียบร้อยแล้วถึงได้แยกย้ายไปในช่วงหกโมงเย็นพอดี ณิชาเดินตามเขามาจนถึงในห้องทำงาน ธีร์บอกขณะหยิบของบนโต๊ะติดมือตรงไปที่ประตู “คืนนี้ผมมีนัด คุณจะกลับกับถนอมเลยก็ได้” ณิชาตอบรับเบาๆ มองตามแผ่นหลังของสามีไปด้วยสายตาครุ่นคิด เขากำลังสร้างความกดดันให้เธอ เพราะไม่เคยเลยสักครั้งที่ณิชาจะต่อต้านเขา ไม่เคยเลยแม้แต่เรื่องเดียว แต่เรื่องที่ที่ทำให้หญิงสาวเกิดแรงฮึดในการต่อต้านเขาเมื่อคืนนี้ เพราะคิดว่าธีร์กำลังวางแผนทำลายพ่อของเธออยู่อย่างแน่นอน   นึกถึงที่โทรหาบิดาแล้วยิ่งเครียด   “คุณพ่อคะ ณิชเองนะคะ” ‘ว่ายังไงยัยณิช’ “ณิชอยากถามเรื่องที่คุณพ่อขายที่ของคุณแม่ให้คุณธีร์ จริงหรือเปล่าคะ” ‘อ้อ ที่นั่นน่ะหรือ เราจะเก็บไว้ทำอะไรยัยณิช’ จำได้ว่าเธอแทบพูดไม่ออกเอาเลยเมื่อบิดาพูดมาแบบนี้ “ก็...ที่ตรงนั้นเป็นของคุณแม่นะคะ” ‘ที่ของแม่แกอะไร ที่ตรงนั้นฉันซื้อด้วยเงินของพ่อเอง’ “แต่แม่ศรีบอก...” ‘อย่าไปเชื่อมันมากนัก นังสดศรีนี่ตัวดี คอยเสี้ยมแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่รู้ว่าเป็นน้องใครกันแน่’   ท่านบ่นอีกยืดยาวก่อนวางสายลง เท่านี้ก็พอรู้ว่าบิดาของเธอขายที่ของมารดาผู้ซึ่งล่วงลับไปแล้วจริงๆ                                              ธีร์นั่งแหมะลงที่โซฟาตัวนุ่มในร้านอาหารกึ่งผับเปิดใหม่ของเก้า ญาติผู้น้องที่ควบตำแหน่งเพื่อนสนิทในคนเดียว ด้วยอาการเซ็งๆ อย่างที่น้อยครั้งจะเป็น “ไงครับคุณธีร์วันนี้ออกเที่ยวได้ด้วย” “อือ” ตอบรับด้วยท่านิ่งๆเรียบๆในแบบของธีร์ ก็ไม่ได้เชิงว่าอยากออกมาเที่ยวนัก แต่อยู่เห็นหน้าคนบางคนไม่ได้ เดี๋ยวจะอดใจไม่ไหวทำห่ามๆขึ้นมาจะหาว่าเขาใจร้าย แล้วถามเก้าอย่างต้องการปัดความไม่สบอารมณ์ที่มี “เรื่องที่ให้ไปจัดการว่ายังไงมั่งเก้า” “เรียบร้อย นายกำพลตาลุกอย่างที่มึงคาดไว้ไม่ผิดเลยว่ะคุณธีร์” ธีร์ได้ยินแล้วแค่นยิ้ม “สันดานแบบนั้น หมดตัวถึงจะหลาบจำ” “ถ้าคุณณิชรู้ว่าคุณธีร์เล่นพ่อเขาถึงขนาดจะเอาให้หมดตัวจะว่ายังไงวะ” เก้าจะพูดถึงทำไม ธีร์ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันบอกเสียงเยาะเสียเลยให้มันทาบทับความรู้สึกหนึ่งในใจของเขา “จะว่าอะไรได้ พ่อลูกกันจะไม่เหมือนกันหรอกหรือไง” “คิดๆแล้วสงสารคุณณิชเธอนะ ถามจริงๆทำไมมึงถึงต้องแต่งงานกับคุณณิชวะ ในเมื่อเธอเป็นแค่ลูกที่นายกำพลไม่ได้แยแสอะไรอีกแล้ว ถ้าเป็นลูกสาวอีกสองคนนั่น ไม่ทำให้นายกำพลคลั่งมากกว่าหรือไง”                     ธีร์ไม่ยอมตอบในข้อนี้ บอกเพียงว่า “ณิชาเป็นหมากตัวที่ดีที่สุดในกระดานนี้ จริงๆนายกำพลไม่ได้ปล่อยปละละเลยลูกจากเมียที่ตายไปหรอกนะ มันรักณิชามากกว่าลูกอีกสองคนนั่นด้วยซ้ำ แต่เพราะอยากจะกันลูกที่รักออกมา เลยต้องทำเหมือนไม่แยแส กูเลยบอกว่าถ้าแต่งงานกับกู กูจะช่วยไม่ให้ณิชาต้องเจอกับปัญญาพวกนั้น” “นายกำพลเลยยกคุณณิชให้มึง” ธีร์ไม่ได้ตอบเพราะก็รู้กันอยู่แล้ว “และถ้ามึงไม่ทำตามที่บอกนายกำพล” เก้าว่าไปทางนั้นอย่างหยั่งเชิง ธีร์ยิ้มมุมปากแล้วถามกลับ           “มึงว่าใครจะเจ็บมั่งวะเก้า” “เลวบริสุทธิ์จริงๆเลยครับคุณธีร์” เก้าถอนหายใจยาวถามอย่างระแวดระวัง “มึงจะหย่ากับคุณณิชตอนไหน” ธีร์ยิ้มมุมปากแล้วว่า “ตอนเขาท้องดีไหมวะ” “โธ่ ไอ้...” เก้านึกหาคำมาสรรเสริญคนพูดแทบไม่ออก แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอาทรจนคนฟังนึกหมั่นไส้ “สงสารคุณณิชเธอว่ะ” “ทำไงได้ดันเกิดมาเป็นลูกของนายกำพลเอง” ธีร์บอกอย่างไม่แคร์ แล้วนั่งลงจิบเหล้าเงียบๆ หัวสมองของเขากำลังคิดหนัก ท่าทีอาจบอกว่าไม่แคร์แต่ความจริงแล้วนั้น ไอ้ความรู้สึกแคร์มันซึมลึกในหัวใจของเขาได้อย่างไรกัน เขาเองก็นึกภาพไม่ออกหากว่าเป็นที่พูดไว้กับเก้าจริง บุคคลที่สามที่กล่าวถึงอย่างณิชาจะรับมันไหวหรือไม่ ตอนที่พบหน้าณิชาครั้งแรก เขาก็คิดถึงแผนการนี้ได้ทันที เจ้าหล่อนเองก็ดูน่าครอบครองอยู่ไม่น้อยในสายตาของเขา เธอไม่ได้ขี้เหร่จนกระเดือกไม่ลง ให้คนสนิทติดตามดูพฤติกรรมอยู่ระยะหนึ่งค่อยคลายใจเมื่อรู้ว่าณิชานั้นสดสะอาดและบริสุทธิ์มากพอ หากได้มาแล้วเขาคงเก็บไว้ระบายความสนุกไปเรื่อยๆจนกว่าแผนที่เขาวางไว้จะสำเร็จเสร็จสิ้นเรียบร้อย แต่หากเวลาผ่านมาครึ่งทางแล้ว กลับลืมไปเสียสนิทว่ากำหนดการที่ว่านั่นมันมีเวลาแค่ปีเดียว แล้วความคิดหนึ่งก็ดันเข้ามาแทนที่ เขายังไม่อยากปล่อยเธอไปในตอนนี้ อีกครึ่งทางตามกำหนดการก็ดูท่าว่ายังเร็วเกินไป บางทีหากทอดเวลายาวออกไปอีกหน่อย เขาคงเบื่อเธอในไม่ช้าไม่นานนี้ก็ได้ แต่เมื่อไรกันที่เขาจะเบื่อณิชา ธีร์สะบัดความคิดที่ตนเองเรียกว่าความอ่อนแอทิ้งไปเสียแล้วบอกขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  “อาทิตย์หน้าว่าจะไปพัทยา”  “คุณณิชไปไหม” เก้าถามตามมาทันที “ยังไม่รู้ อาจไปหรืออาจไม่ไป” บอกปัดๆ ชักรำคาญเก้าขึ้นทุกขณะแล้วตอนนี้ ที่พูดถึงแต่คนที่เขาพยายามดีดออกไปให้ไกลจากตัวอยู่ได้ เก้ายังคงเร้าหรือไม่เลิก “ถ้าคุณณิชไป กูไปด้วยนะครับ” “ให้มันน้อยๆเถอะย่ะ” เสียงต่อว่าดังมาจากหญิงสาวคนมาใหม่ ชายทั้งสองหันไปมองเกือบจะพร้อมๆกันแล้วถึงได้เห็นว่าเป็นลีอานั่นเองที่กล่าวแทรกสอดเข้ามาเมื่อครู่ “การ์ดปล่อยเข้ามาได้ไงเนี่ย” เก้าว่าอย่างเซ็งๆ “ทำไมลีอาจะเข้ามาไม่ได้คะ ปากน่ะพูดจาให้ดีดีหน่อยนะคุณเก้า” “ดื่มอะไรลีอา” ธีร์ถามขึ้นเพื่อขัดไม่ให้อริทั้งสองได้ปะฝีปากให้บรรยากาศเสียไปมากกว่านี้ “ขอ Absolute ก็แล้วกันค่ะ” ธีร์ส่งสายตาบอกให้เก้า ญาติผู้น้องของตนเองที่เป็นเจ้าของร้านลุกออกไปจัดการเครื่องดื่มให้หญิงสาวที่แปลงโฉมมาท่องราตรีจนดูแทบไม่ออกว่าเป็นลีอา เซ็กซี่สตาร์คนดังของประเทศ พอคล้อยหลังเก้าแล้ว ลีอาถึงได้จีบปากจีบคอถาม “มีอะไรจะใช้ลีอาคะ”         “งานเปิดตัวคอนโดที่พัทยา ผมอยากขอแรงให้คุณกับเพื่อนๆกลุ่มไฮโซไปช่วยโพรโมตหน่อย” “ลีอาจะได้อะไรบ้างล่ะคะ” “หนี้นั่นยกให้” “อุแหม...ลีอาเกือบลืมแน่ะค่ะ” ว่าแล้วเปิดกระเป๋าหยิบแคชเชียร์เช็คออกมาส่งให้พร้อมจีบปากจีบคอบอกอีกครั้ง “คืนค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณธีร์ที่กรุณาลีอา” ยิ้มหวานหยดแล้วหยอดอีก “แบบนี้เราก็หมดหนี้กันแล้ว ถ้าอยากให้ลีอาช่วย...ลีอาจะได้อะไรจากคุณธีร์คะ” ธีร์มองหญิงสาวด้วยรอยยิ้มเช่นกัน แต่เป็นยิ้มที่ลีอาเห็นแล้วขัดใจชอบกล ไม่ได้มีแววพิศวาสเธอในนั้นบ้างเลยหรือไร “อยากได้อะไรล่ะลีอา” หญิงสาวลุกจากเก้าอี้ของตนเองย้ายมานั่งเบียดกับธีร์ที่กำลังนั่งเอนหลังอยู่ เข้าไปสบตาท้าทายด้วย “คุณธีร์รู้ว่าลีอาอยากได้อะไร” ใบหน้าลีอาโน้มเข้าไปใกล้กับธีร์จนแทบจนกลืนเป็นคนเดียวกันอยู่แล้วถ้าไม่มีใครเข้ามาขัดไว้เสียก่อน  “อุ๊ย ขอโทษครับ” เสียงที่ดังมาจากอีกทางพร้อมกับเจ้าของสถานที่ที่ยกถาดเครื่องดื่มเข้ามาบริการด้วยตัวเองบอกกลั้วหัวเราะ เพราะสีหน้าเซ็กซี่สตาร์นั่นทำให้รู้ว่าอารมณ์เสียสุดๆที่มีคนเข้ามาขัด เจ้าหล่อนกระแทกเสียงว่า  “หัดมองดูก่อนนะคะคุณเก้าว่าใช่เวลาเข้ามาไหม” เก้าไม่ได้มีสีหน้าเกรงกลัว ทั้งยังเบ้ปากส่งสายตาล้อเลียนไปให้กับธีร์ที่บัดนี้ยังคงสีหน้าดังเดิม นั่งท่าเดิมไม่ขยับเขยื้อนตัวหลบไปทางไหนทั้งสิ้น กำลังมองลีอาพร้อมความคิดบางอย่างในหัว  “นี่มึงชวนยัยนี่ด้วยหรือครับคุณธีร์” ว่าพร้อมกับส่งแก้วให้หญิงสาวคนเดียวในนั้น ธีร์รับคำเดียวทื่อๆ  “อือ” เก้าส่ายหน้าบ่น “ว้า กูว่างานนี้กร่อยแน่ๆ” “ทำไมยะ” ลีอาหันไปต่อปากต่อคำกับเก้าแทนแล้ว สายตาคมติดดุเล็กน้อยของธีร์ยังมองนิ่งอย่างคนที่กำลังใช้ความคิดอยู่ นั่งดื่มต่ออีกหน่อยแล้วจึงผละออกไปที่รถ ขณะที่ผ่านกลุ่มนักเที่ยวกลุ่มนั้นอยู่นั่น หญิงสาวหนึ่งในห้าคนมองจ้องจนเพื่อนต้องสะกิดทัก “ไง ชอบสิแก” “ไม่ชอบได้หรือยะ หล่อไม่พอยังขับรถหรูขนาดนั้นอีก” “คุณธีร์ชายผู้รักครอบครัวนะแก” ทำไมเจ้าหล่อนคนที่จ้องเอาเป็นเอาตายจะจำธีร์ไม่ได้ หญิงสาวมองตามก่อนยกเหล้าในมือขึ้นจิบ แล้วปรายตาหาคู่นอนสำหรับคืนนี้ก่อนจะได้ชายท่าทางดูดีที่มาคนเดียวตรงมุมร้านนั่น เลยเที่ยงคืนมาไม่กี่นาที รถหรูขับเข้ามาจอดในบริเวณบ้านของตนเองเรียบร้อยแล้วถึงได้ลงจากรถ ก้าวย่างอย่างมั่นคงตรงขึ้นไปยังชั้นที่พักที่เป็นชั้นบนสุดของตัวบ้าน สายตาอดเหลือบแลไปยังอีกห้องไม่ได้ ไม่รู้ว่าคนในห้องนั้นหลับไปแล้วหรือยัง นึกไปถึงเมื่อคืนแล้วโมโหไม่หาย ธีร์เปิดประตูห้องของตนเองเข้าไปแล้วปลดเปลื้องเสื้อผ้าเดินตรงไปยังห้องอาบน้ำ คิดอย่างเซ็งๆ ณิชากล้าหลอกให้คนอย่างนายธีร์รอเก้ออย่างนั้นหรือ เห็นเขาเป็นไอ้โง่ไอ้งั่งหรืออย่างไร ได้ ในเมื่อคิดอ่านทำกับเขาแบบนี้ ก็จะได้เห็นดีกัน                        เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะเดินบันไดมาก็พบว่าร่างเล็กที่เขาไม่ได้เสพย์สมมาสี่คืนแล้วนั้นเดินเข้าๆออกๆตรงห้องอาหารเพื่อจัดแจงเตรียมอาหารเช้าให้เขาอยู่ ธีร์นั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมแล้วบอกโดยไม่มองหน้า “อาทิตย์หน้าเตรียมตัวไปพัทยา” หญิงสาวหยุดมือ แล้วถาม “ไปกี่วันคะ” “น่าจะราวๆอาทิตย์หรืออาจไม่ถึง หวังว่าคงไม่มีใครจะเจ็บจะป่วยอีกใช่ไหม ญาติๆหรือเพื่อนๆของคุณน่ะ” ได้ยินคำพูดเหน็บแนมของเขาแล้วก็เม้มปากเอาไว้เสียแน่นอย่างที่มีโมโหขึ้นมาเหมือนกันที่ถูกเขาเหน็บอย่างกับพาล หลังจากมื้อเช้าเขาลุกออกไปโดยไม่บอกไม่กล่าวอย่างทุกที ณิชามองจนรถของเขาลับประตูเหล็กของบ้านไปแล้วจึงเก็บของที่เหลือจนเรียบร้อย ค่อยเดินกลับเข้าห้องไปหยิบกระเป๋าออกไปข้างนอกบ้าง ความเกรงใจและดื้อด้านในตัวพุ่งสวนทางกันทุกขณะแล้วตอนนี้  “จะไปพัทยาอาทิตย์นึง นานจัง ไปทำไมน่ะหนูณิช”  “ณิชไม่รู้ว่าคุณธีร์ไปเรื่องงานอื่นด้วยไหม แต่ที่แน่ๆเห็นว่าจะไปคุยงานกับเพื่อนของคุณธีร์ที่มาจากแคนาดา แล้วคงแวะดูโครงการของเขาไปด้วย เสร็จงานแล้วก็กลับ” ณิชาบอกอย่างที่ตนเองพอรับรู้มา ธีร์ทำงานครบเจ็ดวัน เธอไม่เคยเห็นว่าเขาจะหยุดพักอยู่บ้านเลย แม้แต่วันที่จัดปาร์ตี้เล็กๆสังสรรค์กับบรรดาเพื่อนพ้อง ช่วงหลังเที่ยงยังเห็นเขาเข้าไปที่สำนักงานใหญ่ อาจไปดูเอกสาร ประชุมหรือคุยงานอื่นๆ แล้วถึงกลับมากินดื่มในตอนเย็นถึงค่ำ คิดไปอย่างเหม่อลอยก็ต้องวกกลับมาที่ปารมี เมื่ออีกฝ่ายเปรยเบาๆ “อยากไปด้วยจัง” ยิ้มแล้วชวนง่ายๆ “ไปสิ” “ไว้คิดดูอีกที งานที่ร้านก็ยุ่งจะตายชัก” เจ้าของร้านอาหารมีชื่อบอกอย่างปลงแล้วเอ่ยปากชวน “ลองเมนูใหม่กันไหม เชฟอี๋จัดให้”  “อือ” ณิชาตอบรับอย่างไร้อารมณ์ ออกมานั่งรอเมนูใหม่ที่เพื่อนรักบอกว่าเชฟของร้านทำขึ้นมาเป็นเมนูสุดอร่อย ขณะนั่งรอสายตา  เหลือบมองผ่านกระจกใสของร้านไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินควงกันเข้าไปในเพชรมีชื่อที่ชั้นล่างนั่น ปารมีไม่รู้ว่ามาตอนไหนเอ่ยปากขึ้นถาม “คุณธีร์นี่นา มากับใครกัน” “ไม่รู้สิ” ปารมีวางจานอาหารลงแล้ว เพ่งมองก่อนทำท่าคิด “ท่าเดินคุ้นๆแฮะ” คราวนี้ค่อยยิ้มออก แซ็วกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “อะไรกัน ไม่เห็นหน้าเห็นท่าเดินก็ยังคุ้นหรือไงจ๊ะปา” “อ้าวจริงๆนะ” ปารมีอมยิ้มเพราะแกล้งอำไปอย่างนั้นเอง ก่อนจะหน้าเจื่อนลงถามด้วยเสียงเป็นห่วง  “ไม่เป็นไรใช่ไหมหนูณิช”  “ณิชจะเป็นอะไรล่ะ” ไม่เป็นอะไรเลยคงไม่ใช่นัก ในเมื่อผู้ชายคนนั้นยังคงเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของเธออยู่ หากเธอไปเดินควงคนอื่นแบบที่เขาทำบ้างจะได้ไหม ใจก็โหวงขึ้นเมื่อคิดปรุงแต่งไปว่าเขาไม่แคร์เธอเลย แล้วใยเธอถึงแคร์เขานัก  “แบบนี้มันไม่แฟร์เลยเนอะ”  “เรื่องอะไร” “ก็คุณธีร์นั่นไง” “ทำไม” “น่าจะให้เกียรติณิชบ้าง ไม่ใช่ควงสาวๆให้สื่อเห็นแบบนี้เลย” “ไม่เห็นเป็นไรเลย ณิชไม่ได้รู้สึกอะไรนี่”          จำได้ว่าก่อนแต่งงานดนัยเจอนัดเจอกับเธอ แล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังว่าที่ธีร์มีเรื่องบาดหมางด้วย จึงใช้วิธีสีเทาๆในแบบของธีร์ด้วยการแต่งงานกับเธอเพื่อทำลายหัวใจของดนัย ณิชาละสายตาไปทางอื่นตั้งแต่ที่สองคนเข้าไปในร้านเพชรนั่น เขาไม่เคยสนใจความรู้สึกของเธออยู่แล้ว ต้องคิดมากไปทำไมกัน บอกตัวเองไปแบบนั้นใช่ว่าจะทำได้หมด ปลอบโยนตนเองในใจว่าเธอควบคุมธีร์ไม่ได้ แต่ควบคุมใจของตนเองได้ ไม่ให้รักเขาจนลืมรักในตัวของตัวเอง ปารมีมองเพื่อนด้วยสายห่วงใย เออออตามให้รู้ว่าตนเองยืนอยู่ข้างๆ ไม่ทอดทิ้งให้ต้องเดียวดายเป็นอันขาด “เอาเถอะ ไม่เป็นก็ไม่เป็น ใครจะว่าอะไรล่ะเนอะ” ก่อนถามถึงเรื่องที่ณิชากังวลอีกเรื่อง “แล้วเรื่องที่ตรงเชียงใหม่ล่ะว่ายังไง” “ขายไปแล้วจริงๆ” “โฮ...น่าเสียดายมากหนูณิช” เคยไปที่นั่นไม่กี่ครั้ง แต่จำบรรยากาศได้แม่นยำ อากาศดีมาก หากมีเงินหนาแน่นลงทุนดีดีเสียหน่อย รับรองว่าก่อรายได้ไม่น้อยทีเดียว “ขายไปร้อยล้าน” ณิชาบอกเสียงหงอยๆ เจ้าหล่อนเองยิ่งกว่าเสียดายเสียอีก ตอนนี้ก็ได้แต่ทำใจ นึกเสียว่าที่ตรงนั้นไม่ใช่ของของเรา  “คุณธีร์ซื้อให้หนูณิชหรือเปล่า”  “ไม่มีทาง” ณิชาสวนออกมาทันที ธีร์ไม่ทำอะไรแบบนั้นแน่ “ไม่แน่นะ เชื่อปาไหมว่าคุณธีร์ต้องใจอ่อนหลงรักความน่ารักของเพื่อนปา” ณิชาฝืนยิ้ม ตาหวานปนโศกเศร้ามากกว่าเดิมเมื่อคิดว่าที่ปารมีพูดนั้นเป็นไปไม่ได้เลยสักเรื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาซื้อที่ที่เคยเป็นของมารดาเพื่อเอามามอบให้เธอ หรือลงทุนให้อะไรก็แล้วแต่ แล้วก็เรื่องที่เขาอาจใจอ่อนหลงรักเธอ ไม่มีทางเป็นไปได้เลยแม้แต่เรื่องเดียว                                แยกย้ายจากปารมีแล้วก็ตรงกลับบ้านในทันที ก่อนกลับเพื่อนรักของเธอยังพาไปเดินแถวโซนชุดว่ายน้ำแล้วก็ยัดเยียดชุดว่ายน้ำวาบหวิวมาให้เธออีกสามชุด แต่ละชุดนั่นไม่ได้ต่างจากชุดนอนที่เคยให้มาคราวนั้นแม้แต่น้อย จากวันที่เธอพบธีร์ควงสาวเข้าร้านเพชรก็ไม่ได้พบเขาอีกเลยจนถึงคืนหนึ่งก่อนเดินทางไปพัทยา ขณะเก็บพับเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทางเสียงเคาะประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดจนสะดุ้งตกใจเพราะคิดอะไรเพลินไปหน่อย แผ่นหลังเกร็งขึ้นมาโดยอัตโนมัติเมื่อคิดไปว่าใครที่มารบกวนเธอในเวลาเช่นนี้ “ใครคะ” ส่งเสียงถามนำออกไปก่อน แม้จะรู้ว่าเป็นใครก็ตาม “ผมเอง” “มีอะไรหรือคะ” ธีร์เงียบไปหลังจบคำถามของเธอ ณิชาเลยลุกขึ้นแล้วตรงไปแนบหูกับประตู “เปิดประตูหน่อย ผมไม่อยากยืนคุยแบบนี้” เลยจำใจต้องเปิดประตูให้เขา พอเห็นว่าเขายืนหน้าตึงตรงนั้นก็ออกปากถามเขาอีกครั้ง “คุณธีร์มีอะไรหรือคะ” “ไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้ ผมไม่ได้หื่นขนาดว่าจะปลุกปล้ำผู้หญิงที่ไม่อยากเมคเลิฟด้วยจนต้องทำวิธีปัญญาอ่อนหลอกล่อผมเหมือนกับเป็นเด็กหรอก” ท่าทางของเขาดูหัวเสียไม่น้อยตอนที่พูดเหน็บเธอ “แค่อยากมาบอกว่าพรุ่งนี้ออกเดินทางสิบโมง” ณิชาปั้นหน้าไม่รู้ไม่ชี้ตอบรับสั้นๆ “อ้อ ค่ะ” แล้วถามเขาอย่างไม่รู้จะว่าอย่างไรเมื่อความเงียบเข้าปกคลุมจนน่าอึดอัด “มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ” ธีร์มองเขม็งอย่างกับโกรธอะไรเธอนักหนา แค่ถามว่ามีอะไรอีกไหมแค่นี้เอง เขาเดินหันหลังจากไปในทันทีด้วยท่าทีที่ดูรู้ว่าไม่พอใจเธอเป็นอย่างมาก คนท่ามากฟอร์มเยอะกระแทกประตูปิดดังปังลั่นไปท่ามกลางความเงียบสงัด ด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านที่ตีกันมั่วในตัวเขาเอง ธีร์อยากตวัดร่างเล็กๆแต่เต็มตึงเย้ายวนนั่นเข้ามากอด จูบแล้วลูบไล้สูดดมสัมผัสให้สมกับที่ห่างหายไปหลายวัน แต่แล้วก็มีบางสิ่งกั้นกางระหว่างกันเอาไว้ เขาจะยอมหมดท่า เอ่ยปากออกไปตรงๆอย่างนั้นหรือว่าขอนอนด้วย ในเมื่อคราวก่อนถูกแม่เมียตัวดีหลอกล่อให้อารมณ์ค้างเติ่งจนต้องหาทางปีนลงมาเอง ให้มันรู้กันไปสิว่าขาดการร่วมรักกับเธอแล้วเขาจะตาย    
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD