บทที่ 4รังเกียจขนาดนั้น

1888 Words
วันนี้เลิกเรียนค่ำหลังเลิกเรียนพวกเราเลยชวนกันมาหาอะไรกินแถวมหาลัยและฉันจะแวะไปส่งเธอที่คอนโดด้วยเพราะวันนี้พี่ไฟติดทำโปรเจคที่คณะพี่แกไม่อยากให้ควีนรอเลยให้ควีนกลับมาที่ห้องก่อน ประจวบกับที่ยัยนินิวเพื่อนสนิทของฉันตั้งแต่มัธยมที่เรียนคณะบริหารชวนไปกินหมูกระทะพวกเราเลยตกลง คนที่มีความสุขที่สุดคงเป็นฉันเพราะไม่ได้เจอนินิวนานมากล่าสุดก็ตั้งแต่เปิดเทอมปี 3 ที่ไปกินเหล้าด้วยกันกับอิงปิง เมโกะ และน้องไซซีซินเซียจากคณะวิศวะ “เมษาทางนี้” เสียงหวานสดใสดังมาจากอีกฝั่งทางเข้าร้านทำให้ฉันยิ้มและหันไปคว้าแขนควีนเดินไปที่โต๊ะของนินิว “แก นี่ควีน..ควีนนี่นินิวเพื่อนตั้งแต่มัธยมที่เคยเล่าให้ฟังเรียนมหาลัยเดียวกับเราแต่อยู่บริหาร” “หวัดดีควีน ตัวจริงสวยมากเลย” “นินิวก็เหมือนกัน ยินดีที่ได้รู้จักนะ” “ร้านนี้แบบชุดใช่ป่ะ” หลังจากที่แนะนำตัวกันเสร็จฉันก็หันไปถามนินิวเพราะร้านนี้ฉันไม่เคยมาแต่เห็นเพื่อนนัดมาที่นี่คงจะเคยมากินบ้างแล้ว “คงใช่ เห็นพี่นินบอกแบบนั้น” “พี่นิน..กลับมาแล้วหรอ?” “ใช่ นึกว่าแกจะลืมพี่ชายฉันแล้วนะเนี่ยอุตส่าห์เล่าเรื่องแกให้พี่นินฟังบ่อยๆ” พี่นิน หรือ พี่นินจาเป็นพี่ชายนินิวอายุมากกว่าพวกเราแค่ปีเดียวอย่างที่บอกฉันกับนินิวเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมบ้านเราก็รู้จักกันทำให้ฉันสนิทกับพี่นินจาไปด้วยแต่พอขึ้นมหาลัยพี่เขาก็ไปเรียนที่มหาลัยคิงเวลล์แต่ฉันไม่รู้ว่าคณะอะไรไม่ได้ถาม “จะลืมได้ยังไงกับพี่นินฉันก็สนิทนะหมายถึงสมัยก่อนไม่ใช่ตอนนี้” “เดี๋ยวเจอก็สนิทกันใหม่เหมือนเดิมแกคุยเก่ง” “คุยเก่งอะไรล่ะ” “ใช่ไหมควีน” นินิวหันไปหาพรรคพวก “อืมใช่ตอนเจอกันครั้งแรกก็เป็นเมษามาทักก่อน” “หรอเหมือนตอนมัธยมเมษาก็มาทักนิวก่อนเหมือนกันเห็นไหมแกน่ารักจะตายอัธยาศัยดี คิกคิก” “พอๆ หิวแล้วสั่งเลยดีกว่า” ฉันตัดบทก่อนนินิวจะพูดอะไรเลอะเทอะไปมากกว่านี้ ร้านนี้พนักงานเยอะมากและลูกค้าก็เยอะมากเช่นกันเป็นร้านใหญ่ตกแต่งดีและบริการดีแล้วทำไมฉันถึงไม่เคยมากันนะ ดวงตากลมโตสวยเฉี่ยวหันไปมองบรรยากาศนอกร้านก่อนจะหยุดลงที่หน้าร้านอาหารข้างร้านหมูกระทะที่มีรถสปอร์ตสุดหรูขับมาจอดร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนและรอยยิ้มทรงเสน่ห์ก้าวลงมาจากรถโดยมีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องอยู่ เมื่อเห็นว่าเป็นใครเธอก็เบะปากก่อนจะสะบัดหน้าหนี ไม่ได้มั่นหน้าหรืออะไรนะแต่ทุกครั้งที่เจอกันเพทายชอบเข้ามาหาฉันทุกครั้งซึ่งฉันก็ไม่มีอารมณ์อยากจะคุยกับเขาทุกครั้งนั่นแหละยิ่งเกลียดยิ่งเจอ ไม่รู้ทำไม เฮ้อ!!! “ถอนหายใจอะไรขนาดนั้น” “อ๊ะ เปล่าคิดอะไรเพลินๆ” ฉันสะดุ้งเมื่อหันหน้ากลับมาเจอยัยควีนกำลังจ้องฉันอยู่อย่างจับผิดไม่ใช่อะไรนะก็ตอนที่ควีนกับพี่ไฟทะเลาะกันไม่กี่วันก่อนแล้วมีผู้หญิงมาหาพี่แกฉันก็โทรไปบอกยัยควีน ซึ่งใครจะไปคิดหลังจากดีกันแล้วยัยควีนดันมาจับผิดฉันว่ารู้ได้ยังไงในเมื่อในโซนนั้นมันมีแค่โต๊ะของพวกพี่ไฟ ฉันก็ได้แต่อึกอักไม่ยอมบอกควีนเลยจับผิดฉันมาตลอด จะให้ฉันบอกได้ยังไงละว่าคนที่บอกฉันคือพี่นักรบตั้งแต่วันที่เจอพี่เขากับเจ้าหมูปิ้งฉันก็แวะไปเล่นด้วยตลอดเราเลยได้คุยกันบ้างและวันนั้นเขาก็ทักมาบอกทางไอจีซึ่งฉันกดติดตามพี่เขาแต่เขาไม่ได้ติดตามฉันเพราะเดี๋ยวมีประเด็นกันอีก “เดี๋ยวนี้มีความลับเยอะนะเรา” “ความลับอะไรไม่มี๊” ฉันรีบปฏิเสธ “เสียงสูงปรี๊ดเลย” “ความลับอะไร ขอรู้ด้วยคนสิ” นินิวที่ละมือจากการคีบพลิกเนื้อบนเตาก็แทรกเข้ามาทันทีเมื่อเห็นทั้งสองกำลังฟาดฟันกันอยู่เธอก็อยากรู้ด้วย “ไม่มี/เมษามีความลับ” เมษาและควีนเอ่ยขึ้นมาพร้อมกันอย่างรวดเร็วและหันกลับมาจ้องหน้ากันจนนินิวหัวเราะ “สรุปมีหรือไม่มี” “มี เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง” แล้วยัยควีนก็เล่าเรื่องนี้ให้นินิวฟังไม่น่าเชื่อว่าทั้งสองคนจะสนิทกันได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ส่วนฉันก็นั่งหน้าตึงมองสองคนนี้คุยกันสนุกปากซึ่งเรื่องที่คุยก็ไม่พ้นเรื่องฉัน ถึงจะเค้นยังไงฉันก็ไม่บอกหรอกเพราะตกลงกับพี่นักรบแล้วถ้าฉันบอกสองคนนี้ก็ถามยาวอีกว่าไปรู้จักกันตอนไหนหรือไปคุยกันตอนไหน “ไปห้องน้ำนะ” ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะบอกเพื่อนไว้แต่ทั้งสองแค่หันมาพยักหน้าและคุยกันต่อฉันเดินออกจากหลังร้านเพื่อไปเข้าห้องน้ำเพราะที่ร้านทำห้องน้ำไว้ห่างจากโซนร้านเล็กน้อย เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จฉันก็เตรียมจะเดินกลับเข้าร้านแต่ฝนดันตกลงมาทั้งที่วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสมากฉันทักแชทไปบอกเพื่อนว่าติดฝนรอฝนซาถึงจะเข้าไปเพราะขืนวิ่งผ่าฝนไปคงได้เปียกเป็นลูกหมาแน่เลยไหนจะเสื้อนักศึกษาสีขาวอีก ครืนนนนน เปี้ยง! “หนักกว่าที่คิดไว้” เมษาพึมพำเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงดังกัมปนาทของท้องฟ้าที่คำรามลั่นอย่างน่ากลัวเธอไม่ได้กลัวเพียงแค่ยกมือมาปิดหูไว้เท่านั้น “แล้วทำไมมันมีแค่ฉันคนเดียวที่มาห้องน้ำ” ฉันหันซ้ายหันขวามองหาเพื่อนร่วมชะตากรรมแล้วไม่มีก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยร่างบางยืนหลบฝนใต้ชายคาห้องน้ำแขนเรียวยกขึ้นมากอดตัวเองเมื่อรู้สึกหนาวเพราะละอองฝนก็กระเด็นมาโดนตัวบ้างประปราย ฟุ่บ! “อ๊ะ..” ฉันสะดุ้งตกใจเมื่อมีเสื้อมาคลุมที่ตัวและหัวฉันจนมองไม่เห็นอะไร มือบางจับเสื้อออกก่อนจะมองคนที่ถือวิสาสะทำอะไรแบบนี้ เพทาย “นายทำอะไรของนาย” “สิ่งที่เธอควรพูดกับฉันคือ ขอบคุณนะคะพี่เพทาย ไม่ใช่มาย้อนถามว่าทำไปทำไม” ร่างสูงพูดเสียงขึ้นจมูกอย่างหงุดหงิดเขากำลังนั่งกินข้าวกับน้องพีนัท บริหารปี 3 อยู่ร้านข้างกันหันมาเจอเธอที่ยืนตากฝนอยู่ตอนแรกเขาก็ไม่สนใจหรอกแต่เมื่อฝนเริ่มตกแรงขึ้นนานเข้าฝนไม่หยุดเขาก็ยังเห็นเธอยืนโง่หลบฝนอยู่ที่เดิม พอมองทั่วทั้งร่างก็พอเข้าใจว่าทำไมไม่วิ่งผ่าฝนเสื้อนิสิตสีขาวสะอาดตากับกระโปรงทรงเอรัดรูปถ้าโดนน้ำมีหวังเห็นไปถึงไหนต่อไหนเขาเฝ้ามองเธอมาสักพักจนเห็นยัยตัวแสบยกแขนกอดตัวเองเขาเลยรีบลุกออกจากร้านและถอดเสื้อช็อปออกมาเพราะกลัวเสื้อช็อปเปียกก่อนที่เธอจะใส่แต่ดูสิ่งที่เธอถามคำสิ..ใช้ได้ที่ไหนกัน “แล้วฉันได้ขอนายไหมล่ะ” ฉันรู้นะว่าการพูดแบบนี้มันไร้มารยาทมากถ้าเป็นคนอื่นฉันก็จะไม่ว่าอะไรเลยแต่นี่คือเพทายฉันกับเขาเราไม่ได้สนิทกันเจอกันแต่ละทีก็ปะทะฝีปากกันตลอดเขาจะมาช่วยฉันทำไมกัน “ยัยแสบพูดดีๆ สักวันมันจะตายไหม ทำไม!เป็นฉันมาช่วยเธอเลยไม่พอใจงั้นหรอ” น้ำเสียงทุ้มแหบเริ่มโมโหทำไมเธอต้องปากจัดกับเขาด้วยทั้งที่เขามาช่วยเธอแท้ๆ “ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ขอ แล้วเสื้อเนี่ยก็เอาคืนไปฉันไม่ใส่ของคนอื่น” ฉันพูดก่อนจะยื่นเสื้อช็อปสีแดงคืนเขาไปแต่เพทายก็ไม่ยอมยื่นมือมารับเสื้อของเขาเลย “รังเกียจขนาดนั้นเลย?” บรรยากาศหนาวเหน็บและเสียงฝนในที่สุดเพทายก็เอ่ยออกมา นัยน์ตาทรงเสน่ห์มองจ้องมาที่เธอเรียบนิ่งไม่มีแววขี้เล่นหลงเหลืออยู่ชั่ววูบหนึ่งแฝงแววน้อยใจอยู่ในนั้น เมษาเม้มริมฝีปากแน่นอย่างใช้ความคิดไม่รู้เขาจะมาไม้ไหนส่วนเรื่องเสื้อเธอก็ไม่ชอบใช้ของร่วมกันกับใครอยู่แล้วทำไมเขาต้องคะยั้นคะยอให้ใส่เสื้อเขาด้วย “ใช่ รังเกียจ!นายไม่จำเป็นต้องมาทำดีกับฉันเราแค่ต่างคนต่างอยู่” เมษามองร่างสูงตรงหน้านิ่งไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขาแต่อย่ามายุ่งกับเธอก็พอ ฉันมองเขารับเสื้อช็อปกลับไปก่อนจะสำรวจทั่วทั้งร่างของเขา ดวงตากลมโตของฉันเบิกกว้างผมสีน้ำตาลอ่อนเปียกจนลู่ลงไหนจะเสื้อยืดและกางเกงยีนก็เปียกชุ่มไปทั้งตัวอีก ทำไมเปียกขนาดนี้? “ถ้าไม่เอาก็ช่างเถอะ” “นี่นาย!” ฟุ่บ! ฉันมองเพทายโยนเสื้อช็อปลงพื้นก่อนจะเดินผ่าฝนออกไปเขาไม่ได้เดินไปที่ร้านข้าวข้างร้านหมูกระทะของฉันแต่เดินไปขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างบางยืนมองเขาขับรถออกไปจนสุดท้ายตาก่อนจะหันมามองเสื้อช็อปสีแดงที่นอนแอ้งแม้งในน้ำ เธอควรทำยังไงดีหยิบเสื้อขึ้นมาหรือทิ้งมันไว้ตรงนี้ ช่างเถอะขนาดเจ้าของมันยังไม่สนแล้วเธอจะสนทำไม ฝนเริ่มเบาลงมากแล้วเธอเลยตัดสินใจผ่าฝนไปที่ร้านหมูกระทะ แต่เสียงวีนของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังเข้าสู่โซนประสาทซะก่อนทำให้เธอหยุดชะงัก “กรี๊ดด แกมารับฉันด่วนเลยนะ ฉันอายมากแก โดนผู้ทิ้งไว้ที่ร้านข้าวแบบนี้อยู่ดีๆ ก็ลุกหนีออกไปเลยตอนแรกนึกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ….จะใครล่ะก็พี่เพทายไง…เร็วๆ เลยคนในร้านมองใหญ่แล้ว” เมื่อหญิงสาวคนนั้นกดวางสายและเดินกลับเข้าไปในร้านแล้วเมษาเลยหันกลับไปมองเสื้อช็อปสีแดงตัวนั้นพลางนึกไปถึงเจ้าของของมันและได้แต่ถอนหายใจ นายคิดจะทำอะไรกันแน่..เพทาย!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD