บทที่ 3 งานของเจ้

1401 Words
คฤหาสน์ “คนสวยจะไปมหาลัยแล้วหรอ” “ใช่ค่ะ วันนี้คุณป๋ายังไม่ไปทำงานหรอคะ” “วันนี้ไม่มีประชุมป๋าเลยจะพักอยู่บ้าน” ฉันเดินผ่านห้องนั่งเล่นเพื่อจะไปมหาลัยก็โดนเสียงของเจ้าสัววันชัยคุณป๋าหรือพ่อของฉันทักขึ้นมาทำให้ฉันเดินเข้าไปหาท่านที่ห้องนั่งเล่น ปกติเวลานี้คุณป๋าจะต้องออกไปดูกิจการแล้วซึ่งบ้านของเราทำธุรกิจอัญมณีเพชรพลอยและร้านทองมีหลายสาขาทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล ส่วนพี่ชายฉันก็ทำงานที่อิตาลีเป็นหลักถึงแม้กิจการของเราจะรวยเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศแต่ในตลาดสากลเราก็ยังเป็นเพียงผู้ค้าอัญมณีรายเล็กเท่านั้น ดังนั้นหลังเรียนจบที่ไทยธันวาพี่ชายฉันก็ไปเรียนต่อเฉพาะทางที่อเมริกาและศึกษาด้านอุตสาหกรรมอัญมณีเพิ่มเติมเพื่อพัฒนากิจการของเราให้ก้าวเข้าสู่ระบบสากล เป็นยังไงพี่ชายและคุณป๋าฉันเก่งใช่ไหมล่ะ ส่วนฉัน เสาร์ อาทิตย์ก็เข้าไปดูร้านช่วยคุณป๋าบ้างบางครั้งและก็มีแพลนจะไปเรียนด้านออกแบบอัญมณี ต่อด้วยแต่มันก็เรื่องของอนาคตแหละตอนนี้ฉันคงต้องไปเรียนก่อน “งั้นหนูไปเรียนแล้วนะคะวันนี้อาจารย์ดุ” “ไปเถอะ อย่าลืมทานข้าวด้วยล่ะ” “รับทราบค่ะ” ก่อนออกจากห้องนั่งเล่นฉันก็ก้มหน้าลงไปหอมแก้มท่านอย่างที่ทำประจำ หลายคนคงสงสัยว่าแม่ฉันไปไหน ตอนนี้ท่านอยู่ที่อเมริกาดูแลกิจการที่นู่นนานทีท่านจะกลับมาส่วนความสัมพันธ์ของท่านกับคุณป๋าก็เหมือนเพื่อนกันมากกว่าดูไม่เหมือนคนรักกันเท่าไหร่แต่ในฐานะพ่อและแม่พวกท่านล้วนทำหน้าที่ได้ดี ร่างบางของสาวฮอตคนดังของนิเทศศาสตร์ก้าวเข้ามาภายในลานคณะด้วยความมั่นใจดวงตากลมโตสวยเฉี่ยวขึ้นเสริมให้เธอมีเสน่ห์เหลือล้นจนใครหลายคนมองจนเหลียวหลัง “ลูกสาวววว” ฉันชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาแต่ไกลไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใคร เจ้แบม พี่รหัสของฉันเองพวกเราสนิทกันมากตั้งแต่ตอนฉันเข้าเรียนใหม่ๆ “สภาพเหนื่อยหอบมากไม่เหมาะเป็นเจ้เลย” เมษาอดแซวไม่ได้เมื่อเห็นพี่รหัสสาวสองคนสนิทที่วันนี้ไม่ได้แต่งหน้า ปกติพี่แกจัดเต็มจะตาย “ช่างมัน ช่วงนี้งานฉันยุ่งมากมีเวลากินนอนก็ดีแค่ไหนแล้ว” “ขนาดนั้นเลย” ฉันขมวดคิ้วไม่คิดว่าพอขึ้นปี 4 แล้วงานจะยุ่งกันขนาดนี้นึกว่าพอขึ้นปีสุดท้ายแล้วจะงานน้อยลงเพราะเห็นวิชาเรียนไม่เยอะ “ปีสุดท้ายก็แบบนี้แหละ แกเก็บแรงรอได้เลยมันยุ่งยากเรียนน้อยก็จริงแต่งานเยอะ ไหนจะต้องเอาใจอาจารย์ประจำวิชาอีก” ฉันพยักหน้ารับฟังเจ้แกระบายความเหนื่อยยากในการเรียนของปีสุดท้ายก่อนที่เจ้แกจะวกกลับมาประเด็นที่ทำให้เจ้แบมเรียกฉันไว้ “ที่ฉันมาหาแกเพราะจะให้แกช่วยนี่แหละ” “ห๊ะ ช่วยอีกแล้วหรอ” “โอ๊ย ช่วยฉันสักครั้ง” “สักครั้งอะไรล่ะรอบก่อนก็ช่วยถือป้ายงานกีฬาคราวนี้ก็มาขอให้ช่วยอีก” “โถ่ น้องรักก็แกมันสวยแกมันเด่นได้แกมาช่วยงานคราวนี้รับรองฉันได้เกรดเอแน่” “อ้าว แล้วแบบนี้ฉันได้อะไรล่ะ” คราวก่อนงานกีฬามหาลัยเจ้แบมมาขอให้ฉันและยัยควีนไปถือป้ายคณะและเป็นคฑากร พวกเรายิ่งไม่ชอบทำตัวโดดเด่นเท่าไหร่ ตำแหน่งนี้มันควรเป็นพวกดาวคณะไม่ใช่พวกเราสองคน “เลี้ยงเหล้ากลมหนึ่ง” เจ้แบมตอบอย่างกระตือรือร้น “ไหนอยากได้เกรดเอ แต่จ้างด้วยเหล้ากลมเดียวเนี่ยนะขี้งกไปไหมคะ” ฉันกลอกตาจีบปากจีบคอใส่พี่รหัสสาวปกติพวกเราก็คุยกันแบบนี้ฉันเลยกล้าว่าเจ้แก “แล้วแกอยากได้อะไร” “พาไปเที่ยวบาร์โฮสหน่อยสิ” “แค่นี้เองได้สิ” “เลี้ยงด้วยนะ” “ห๊ะ!!” “พาเที่ยวเฉยๆ ได้ยังไงต้องเลี้ยงด้วยไม่งั้นไม่ช่วยนะบอกเลย” ฉันเท้าคางพลางส่งยิ้มให้พี่รหัสสาวที่กำลังทำหน้าเข่นเขี้ยว “เออ ก็ได้แต่...” แน่ะ! ยังจะมีแต่อีก “หลังจากเกรดออกแล้วได้เอเท่านั้น” “นี่จะไม่ยอมเสียเปรียบน้องเลยใช่ไหม” ฉันเบิกตากว้างเมื่อได้ยิน ยัยเจ้ขี้งกไม่ยอมเสียเปรียบกันเลยจริงๆ “ก็ได้” “งั้นดีล” เจ้แบมยิ้มอย่างพอใจ “แล้วงานที่ให้ช่วยมันคืออะไร ทำไมดูซีเรียสขนาดนั้น” ฉันลากแขนพี่รหัสมานั่งที่โต๊ะใต้คณะเพราะคิดว่าอาจจะได้คุยกันเล็กน้อยอีกอย่างเหลือบมองเวลาในโทรศัพท์แล้วยังเหลือตั้งสิบนาทีกว่าอาจารย์จะเข้า “ก็วิชาสื่อโฆษณาอาจารย์ให้โปรเจคมาเป็นงานถ่ายภาพออกแบบบุคคล ซึ่งกลุ่มของเจ้เลือกถ่ายแบบแนวโรมานซ์” “แนวโรมานซ์หรอ” “ใช่ปกคู่ ภาพสะท้อนความรักผ่านทางสายตาพอวางแผนและเตรียมทุกอย่างก็เหลือแค่นางแบบนายแบบซึ่งลี่มันไปหานายแบบส่วนฉันก็นึกถึงแต่แกเลย ทั้งใบหน้าทั้งหุ่นไหนจะสายตาแกเกิดมาเพื่องานฉันโดยเฉพาะเลยเมษาลูกรัก” “เจ้อย่าเว่อร์!” “เออนั่นแหละ ฉันเลยหอบสังขารของฉันมาหาแกไง” “ถ่ายแบบก็ได้ไม่มีปัญหาแต่งานออกมาไม่ดีอย่ามาโทษฉันแล้วกัน เออแล้วทำไมไม่ไปขอยัยควีนล่ะรายนั้นเคยถ่ายแบบ” “น้องควีนคาแรคเตอร์ยังไม่ใช่ที่ฉันต้องการ อีกอย่างแฟนเขาหวงขนาดนั้นใครจะกล้า” แบมบี้ลูบไล้แขนตัวเองอย่างขนลุกขนพองเพราะเคยมาขอให้ควีนช่วยงานกีฬาเธอยังโดนไฟจ้องเขม็งจะตาย “ฮ่า ฮ่า พี่ไฟสินะ” ฉันหัวเราะอย่างรู้ทันความคิดของเจ้แบม “ใช่ แกจะหาเรื่องตายให้ฉัน” “แหม ก็ยัยควีนสวยขนาดนั้นพี่ไฟจะหวงก็ไม่แปลก” “แล้วแกล่ะไม่คิดจะมีแฟนกับเขาบ้างหรอ” “เข็ด!” ฉันส่ายหน้า “โอ๊ย ผู้ชายดีๆ มีเยอะแยะอย่าไปจมปลักกับผู้ชายห่วยแตกคนเดียวสิ” “ก็ยังหาดีไม่ได้ไง โถ่” ผู้ชายทุกวันนี้หาดีได้ที่ไหนอยู่เป็นโสดสบายใจกว่า สวย รวย เก่งแบบฉันจะพึ่งผู้ชายไปทำไม “จ้ะ แม่คนสวยงั้นเดี๋ยวเจ้ไปก่อนยังไงจะนัดอีกทีนะ” “โอเค ไว้เจอกันเจ้” ฉันเดินแยกขึ้นตึกส่วนเจ้เดินออกไปอีกทางสงสัยมีเรียนตึกอื่น ระหว่างทางก็มองเวลาในโทรศัพท์ไปด้วยจนมาถึงห้องเรียนก็เห็นควีนเพื่อนสาวคนสนิทโบกมือให้ฉันเลยรีบเดินไปนั่งที่ที่เพื่อนจองไว้ “วันนี้มาช้าจัง” ควีนหันมาถามเมื่อเห็นเมษานั่งลงเรียบร้อยแล้ว “เจอเจ้แบมเลยนั่งคุยกับพี่แกอยู่ข้างล่างน่ะ แล้วนี่รอนานไหมโทษทีฉันลืมทักบอก” “ไม่นานพึ่งมาเหมือนกัน” เราคุยกันได้ไม่นานอาจารย์ประจำวิชาก็เข้าหลังจากนั้นพวกเราก็หยุดบทสนทนากันและจดจ่ออยู่กับการสอนเพราะวิชานี้อาจารย์ดุมากฉันไม่อยากโดนถามระหว่างอาจารย์สอนส่วนควีนก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนเพราะชั่วโมงที่แล้วเธอไม่ได้เข้า ถึงพวกเราจะเที่ยวบ้างเรียนบ้างแต่ผลการเรียนไม่เคยตกเพราะระหว่างเรียนก็ตั้งใจเรียนกันตลอดทั้งฉันและยัยควีนรายนี้ถ้าไม่โดนพี่ไฟก่อกวนก็ไม่มีทางขาดเรียนหรอก ฉันคิดกับตัวเองในใจก่อนจะแอบเห็นรอยสีแดงที่คอเพื่อนแล้วได้แต่ส่ายหัวยัยควีนก็ตัวแค่นี้พี่ไฟทำไมต้องทำเพื่อนฉันช้ำขนาดนี้ด้วย นี่ถ้าฉันมีแฟนแล้วฉันเป็นแบบนี้นะบอกเลยฉันจะทุบให้หนัก!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD