"ช่วงนี้งานหนักมากเลยเหรอ เห็นเลิกดึกมาหลายวันแล้ว" สุนันทาถามผ่องอำไพตอนที่ขับรถมารับเธอที่หน้าโรงงาน
"ก็ต้องได้ทำแบบนี้เป็นอาทิตย์ค่ะ ลำบากพี่แย่เลยใช่ไหมคะ"
"ไม่ลำบากหรอกค่ะ หน้าที่ของพี่อยู่แล้ว"
"เขามีผู้หญิงหลายคนเลยใช่ไหมพี่" ตอนนี้ความคิดของผ่องอำไพคือ หน้าที่ของสุนันทาต้องดูแลผู้หญิงของเขา และผู้หญิงของเขาต้องมีหลายคนแน่เลยถึงมีคนดูแลแบบนี้
"พี่พูดเรื่องนี้ไม่ได้หรอก น้ำต้องเข้าใจพี่หน่อย" สุนันทาเป็นคนเก็บความลับของเจ้านายได้ดีที่สุดแล้วเข้าถึงไว้ใจเธอ
ขณะที่สุนันทากำลังหาคำตอบให้ผ่องอำไพอยู่นั้น ตอนนี้เธอก็ได้นอนหลับอยู่เบาะหลังไปแล้ว
"น้ำๆๆ คงเหนื่อยจากงานมากเลยสิท่า" พอสุนันทาขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของคอนโด เธอก็ปลุกผ่องอำไพยังไงก็ไม่ตื่น
"คุณสุ เพิ่งกลับมาถึงเหรอ" ชายหนุ่มจอดรถได้ เขาก็รีบเดินมาดู เพราะเหมือนกับสุนันทากำลังทำอะไรอยู่
"เธอคงจะเหนื่อยงานมากเลยค่ะ ทำไมคนนี้ท่านถึงปล่อยให้ทำงานเองล่ะคะ" สุนันทาเห็นเขาเดินมาก็เลยถามเพราะว่าผู้หญิงของเขาแต่ละคนจะอยู่กินสบายกันทุกคน เรื่องช้อปปิ้งไม่ต้องพูดถึงจัดหนักกันทุกนาง
"คนนี้ไม่เหมือนคนอื่น ถ้าลองไม่ให้ทำงานดูสิ สงสัยอาละวาดแน่เลย" ภูสิษฐ์ดื่มมาพอสมควรแต่ก็ไม่ถึงกับเมามาก
"ให้ผมอุ้มขึ้นไปส่งข้างบนไหมครับท่าน" ผู้ช่วยของเขารีบเดินมาดู
"ไม่ต้อง! เดี๋ยวฉันพาขึ้นไปเอง พวกนายกลับไปได้แล้ว" ชายหนุ่มก้มลงไปในรถคันนั้น แล้วช้อนเอาร่างบางของหญิงสาวขึ้นมา เบา ๆ
"นี่ทำงานเหนื่อยมากเลยเหรอ ทำไมหลับลึกได้ขนาดนี้" พอชายหนุ่มพาหญิงสาวมาวางลงที่เตียง แล้วเขาก็ถอดเสื้อผ้าเธอออกเพื่อที่จะเช็ดตัวให้เธอได้นอนสบายตัวหน่อย
พอเขาเช็ดตัวให้เธอเสร็จเขาก็ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเธอไว้โดยที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าให้
...เช้าวันต่อมา...
"เอ้าา เสื้อผ้าไปใส? บักผีบ้านั้นแน่นอนเลย" (เสื้อผ้าฉันไปไหนฝีมือไอ้บ้านั่นแน่เลย)
เธอรีบหาผ้าเช็ดตัวมาห่อหุ้มร่างกายแล้วเดินออกมาหาเขา "นายทำอะไรฉัน!"
"ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย" เขากำลังยกกาแฟขึ้นดื่มเกือบสำลักกาแฟออกมา เมื่อได้ยินเสียงเธอโวยวาย
"แล้วเสื้อผ้าฉันใครถอด?"
"แค่เช็ดตัวให้เฉย ๆ กลัวนอนไม่สบาย"
"วันหลังไม่ต้องเช็ดนะ นอนไม่สบายมันก็เรื่องของฉัน" ตอนนี้เธอโมโหมาก แต่เธอก็ไม่พูดอะไรต่อต้องรีบเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะไปทำงานอีก
"ทำไมยังไม่ไปอีก" ภูสิษฐ์ลงมาก็เจอผ่องอำไพนั่งรอรถ
"พี่สุยังไม่มารับเลย"
ภูสิษฐ์ก็เลยโทรหาสุนันทา
"มาขึ้นรถวันนี้ไปกับผม"
"แล้วพี่สุไปไหนทำไมไม่มารับล่ะ"
"รถเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย"
"ไม่ไปหรอก คุณไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะนั่งแท็กซี่ไป"
"ตามใจ" ภูสิษฐ์ก็ขับรถออกไป บางวันเขาจะขับรถไปเอง
[ โรงงานเย็บผ้า ]
"ทำไมแกมาสายวะ" พอแตงเห็นผ่องอำไพเดินมาเธอก็เลยทัก
"ไม่มีรถมา ดีนะที่รูดบัตรทันถ้าไม่งั้นสงสัยโดนแน่เลย"
แต่เพื่อน ๆ ก็ไม่เคยเห็นตอนผ่องอำไพลงรถสักที นึกว่าเขานั่งรถเมล์มาทำงาน
"มาสายนะเราน้ำ วันหลังก็ตื่นให้มันเช้า ๆ จะได้ไม่สายแบบนี้ แล้วรูดบัตรทันไหมล่ะ ถ้าไม่ทันพี่จะได้ไปคุยกับฝ่ายบุคคลให้" พอหัวหน้าไลน์เห็นเธอมาก็เดินเข้ามาทักอีกคน
"พอดีเป๊ะเลยพี่"
"วันนี้ท่านประธาน จะออกมาดูไลน์สามโดยเฉพาะเลยนะทุกคนเตรียมตัวไว้ล่ะ" ศรุตเดินเข้ามาแจ้งพนักงานทางไลน์
"สงสัยเราจะโดนอีกแล้วล่ะถ้างานนี้เราทำไม่ทันคงต้องได้ให้ไลน์อื่นช่วย แล้วเขาจะว่าเรายังไงก็ไม่รู้ รีบ ๆ เร่งให้พี่หน่อยนะ ถ้าใครจะเข้าห้องน้ำก็บอกพี่นะเดี๋ยวพี่จะไปนั่งเย็บรอ" ตอนนี้สิ่งที่มนกลัวที่สุดก็คือถูกฝ่ายบริหารตำหนิ
"เหนื่อยอีกแล้วหนอเราตั้งแต่เช้ายันค่ำ..นายเขาสั่งให้ทำจำต้องก้มหน้าทน~" แตงถึงกับร้องเพลงล้อเลียน
"แกร้องผิดป่าววะ"
"มัวแต่เล่นกันอยู่นั่นแหละ วันนี้ใครทำให้ถูกท่านประธานตำหนิ พี่จะหมายหัวไว้เป็นรายบุคคลเลย!!"
"งานเร่งมากเลยนะพี่มนเฟสก็เห็นใจพี่อยู่หรอก แต่งานไลน์นี้ก็เร่งเหมือนกัน ยังดีหน่อยที่เรายังส่งงานทัน" เพราะไลน์อยู่ใกล้กันเวลาคุยอะไรก็จะได้ยินไปทั่ว
แล้วสักพักทีมผู้บริหารก็เดินมา
"สวัสค่ะพี่ภู" เฟสก็รีบเดินมาไลน์ 3 ทันที
"วันนี้พี่จะมาดูไลน์สามโดยเฉพาะ ไลน์เราส่งงานทันไม่มีปัญหาหรอก" ภูสิษฐ์ หันไปพูดกับเฟส
"เฟสรู้ค่ะ เฟสแค่เดินมาทักทายพี่เฉย ๆ พี่ไปญี่ปุ่นมามีอะไรมาฝากเฟสบ้างไหม" เฟสทำเป็นมาพูดยืนคุยกับเขาเพราะอยากจะทำให้ทุกคนอิจฉา
"พี่ไม่ได้ไปเที่ยว ถ้าพี่ไปคราวหน้าเดี๋ยวพี่หามาฝากนะ งานเร่งจริง ๆ พี่ก็เลยต้องได้รีบกลับ"
แล้วเขาก็เดินดูแต่ละเครื่องที่เย็บผ้าแต่ละขั้นตอนว่ามันติดขัดตรงไหนจะได้แก้ไขถูก แล้วก็มาหยุดอยู่ที่หน้าของผ่องอำไพ
"เอาอีกแล้ว" ตุ้มพูดเบา ๆ กับแตงเพราะสองคนเขาจะนั่งใกล้กันกว่า
"เป็นไงบ้างเราติดขัดตรงไหนไหม" ผ่องอำไพก็ไม่ตอบเธอก้มหน้าก้มตาเย็บผ้าอย่างเดียวไม่เงยหน้ามองเขาเลยด้วยซ้ำ
"น้ำ!! ท่านถาม" มนเริ่มจะตำหนิลูกน้อง
ผ่องอำไพก็เลยมองดูหน้าภูสิษฐ์แล้วก็ถอนหายใจ
"ท่านประธาน..ทีหลังไม่ต้องมาถามฉันหรอกฉันพูดกับคนใหญ่คนโตไม่เป็น แถมพูดไม่เพราะด้วยเดี๋ยวฉันก็โดนหัวหน้าด่าอีก"
ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นตะลึงกับคำพูดของผ่องอำไพ พอเธอพูดจบเธอก็ก้มหน้าเย็บผ้าต่อไป ทั้งผู้จัดการทั้งหัวหน้าแผนกและหัวหน้าไลน์ ก็ยืนอยู่ตรงนั้นทั้งหมด
ภูสิษฐ์ก็ไม่พูดอะไรได้แค่ยิ้ม ๆ แล้วก็เดินไปเครื่องต่อไป
"เราต้องได้คุยกันแล้วนะ" มนพูดกับผ่องอำไพเบา ๆ ก่อนที่จะเดินตามหลังทีมผู้บริหารไป
"ก็บอกแล้ว ว่าอย่ามาคุยด้วย" ตอนนี้ผ่องอำไพเริ่มจะเสียวสันหลังขึ้นมาแล้ว
"ท่านถามอะไร แกก็ตอบแบบนั้น" เพื่อน ๆ ก็เริ่มจะเป็นห่วง
"แต่เราก็ไม่เห็นท่านโกรธเลยนะ แถมยังยิ้มอีก"
"ยิ้มน่ะสิได้แกล้งฉันได้!" ผ่องอำไพพูดเบา ๆ เพื่อน ๆ ไม่ได้ยินที่เธอพูดหรอก
"ผมรู้แล้วละว่ามันช้าตรงไหน เดี๋ยวทุกคนเข้าประชุมกับผมหน่อยนะ" พอชายหนุ่มพาทีมบริหารเดินจน ถึงท้ายไลน์แล้วเขาก็ยืนคุยกับทีมบริหารอยู่ตรงนั้นแป๊บนึง
แล้วทั้งหมดก็พากันเดินเข้าไปที่ห้องประชุม