วันต่อมา
มหาวิทยาลัย P
พรึ่บ!!!
“อืออออ” เมื่อทิ้งตัวที่โต๊ะเรียนแล้วฉันก็บิดขี้เกียจนิดหน่อยเพราะเมื่อยมากก หลังจากที่กลับมาจากทำงานเมื่อคืนก็เล่นเอาหลับเป็นทำให้มาเรียนสาย
“สายนะวันนี้”
“อือ เมื่อวานไปร้องเพลงมาอะ” ฉันตอบเพื่อนของฉันที่นั่งข้าง ๆ
“ร้อนเงินหรือไงถึงทำงานหนักขนาดนั้น?”
“เราเรียนศิลปะนะเว้ย! มึงก็รู้ว่ามันต้องใช้เงินเยอะขนาดไหนมีเท่าไหร่ก็ไม่พอหรอก” ฉันบอกมันไปดีที่ฉันได้ทุนการศึกษาแต่ค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ฉันต้องหาเองนี่สิและแม่งโคตรแพงเลย
“ก็จริงแต่อย่าหักโหมมากละ” ปึก! ปึก! มันตบที่ไหล่ของฉันสองทีก่อนจะหันกลับไปเล่นโทรศัพท์เพื่อของฉันชื่อเหมียวอีกคนชื่อคิตตี้ตอนนี้ยังไม่มา ที่ว่าฉันสายไอ้คิตมันสายกว่าฉันอีกเพราะบ้านมันใกล้มหาวิทยาลัยเลยไม่รีบ
พรึ่บ!!
“มาแล้วเว้ย! อาจารย์ยังไม่มาใช่ป่ะ?” พูดถึงปุบก็มาปับ
“อืม วันนี้อาจารย์ไม่รู้ไปไหน” ปกติอาจารย์คณะไม่ค่อยสายหรอกหายากอาจารย์ที่มาสอนช้าเนี่ย
ครืนนนนน
แต่ไม่นานอาจารย์ก็เข้ามาและสอดส่องสายตาหาอะไรบางอย่าง...และก็มาหยุดที่ฉันความรู้สึกไม่ค่อยดีเลยวะ
“พริกไทยจบคาบนี้ไปเจออาจารย์ที่พักหน่อย” อาจารย์บอกกับฉัน
“ได้ค่ะ...” ฉันตอบออกไปส่วนอาจารย์ก็เริ่มสอนทันที
“มีเรื่องอะไรวะ?” คิตตี้กระซิบถามฉัน
“ไม่รู้...” กึก! กำลังจะตอบแต่นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อวานฉันพึ่งไปตบคนมา
“เหอะ!! จะใช่ไหมวะ?” ฉันบ่นกับตัวเอง
“ใช่อะไรไม่ใช่อะไร?” เหมียวมันยื่นหน้ามาถาม
“ไม่มีอะไรหรอกเรียนไปเถอะ....”
เลิกเรียน
“มึงไปคนเดียวได้นะ?” คิตตี้ถามเมื่อจบคาบเรื่องแล้วฉันต้องไปพบอาจารย์
“อืม อาจารย์คงไม่ฆ่ากูหรอกมั้ง หึ” ฉันพูดขำ ๆ
“ทำเป็นปากดีนะมึงยังไงก็มาบอกพวกกูแล้วกัน”
“อืม” ฉันตอบรับก่อนจะลุกออกจากห้องเรียนเพื่อไปหาอาจารย์ที่ห้องพัก
ห้องพักอาจารย์
“สวัสดีค่ะอาจารย์” ฉันมาที่โต๊ะก่อนจะสวัสดี
ปัง!!!!
“เธออยากโดนตัดจากการได้รับทุนใช่ไหมพริกไทยถึงได้ก่อเรื่อง!!” เมื่ออาจารย์เห็นหน้าของฉันก็วางเอกสารเสียงดังก่อนจะตวาดฉันจนอาจารย์ท่านอื่นในห้องหันมอง
“ไม่ค่ะ” ฉันก้มหน้า
“แล้วไปตบคนอื่นเขาทำไมฮะ?! รู้ไหมว่าฉันอายแค่ไหนที่มีคนมาร้องเรียนว่าเด็กในคณะของฉันแถมเป็นนักศึกษาทุนไปก่อเรื่องทำร้ายร่างกายคนอื่น!!”
“แต่ว่าพวกเธอ...”
“เงียบ!!และฟังฉันเท่านั้นฉันยังไม่อนุญาตให้เธอพูด!!” แม่งเอ๊ย! ไม่คิดจะถามเหตุผลเลยหรือไง?
“ค่ะ”
“เธอต้องไปขอโทษเด็กพวกนั้นซะถ้าไม่อยากให้ฉันถอนทุนการศึกษาของเธอ!!พริกไทย!!”
“แต่พวกเขาว่าหนูก่อนนะคะ!”
“แล้วยังไงเธออดทนไม่เป็นไรเหรอ?! ใครจะว่ายังไงก็ช่างสิถ้าเธอไม่ได้เป็นอย่างพวกเขาพูด!!เธอจะร้อนตัวทำไมถ้าไม่ได้เป็นที่เขาพูดกันหรือว่าเป็นเลยร้อนตัว?”
“อาจารย์!!”
“อย่ามาเสียงดังใส่ฉัน!!!” อาจารย์ชี้หน้าฉันด้วยความโมโห
“ตอนนี้เด็กพวกนั้นรออยู่อีกห้องไปขอโทษซะเพื่อรักษาทุนเอาไว้ เด็กไม่มีอะไรอย่างเธอคิดว่ามีเลือกมากนักหรือไง?”
“...”ฉันกำมือตัวเองแน่นเพราะจริงอย่างที่อาจารย์พูดนั่นแหละ ฉันไม่มีทางเลือกถ้าไม่ขอโทษก็ต้องยกเลิกทุนและฉันต้องงานหนักกว่าที่ผ่านมา รายได้จากการสักมันไม่ได้เยอะนะไหนจะค่าอุปกรณ์ อ่อ และก็เสี่ยทองเปลวอะไรนั่นก็ไม่รู้ว่าจะโพล่งหัวมาจริง ๆ หรือเปล่าด้วยสิ...
รู้งี้น่าจะหยิบเงินนั่นมา เหอะ!!! น่าสมเพชฉิบ!!!
“ไปสิ!!ยืนนิ่งทำไม?” พรึ่บ! อาจารย์ผลักให้ฉันเดินออกไป
ฉันกลั้นใจก่อนจะเดินตามอาจารย์เพื่อไปหาที่ผู้หญิงพวกนั้นอยู่ โอเค! ฉันตบจริงแม้ว่าปากของพวกเธอมันจะพาซวยก็เถอะ แต่ฉันก็ควรจะควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดีกว่านี้...
แกร๊ด!!!
“สวัสดีค่ะคุณหญิงผกา ท่านนายพล” เมื่อเดินเข้ามาในห้องรับรองเสียงของอาจารย์ก็เปลี่ยนไปทันที อ่อ ที่เป็นเรื่องเป็นราวเพราะว่าผู้หญิงคนนั้นมีพ่อแม่ฐานะทางสังคมดีนี่เองสินะ
“ไหนนังเด็กคนไหนมันทำลูกสาวฉัน?!”
“เอ่อ นี่ค่ะ...”
ตึก..ตึก...ตึก...
เพี๊ยะ!!
“กล้าดียังไงมาตบลูกสาวฉันฮะ?! รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?!” พ่อของใครสักคนในนั้นเดินเข้ามาตบหน้าของฉันอย่างแรง ฉันรับรู้ได้ถึงเลือดในปาก
“คุณค่ะอย่าเอามือไปโดนของสกปรกเลยค่ะ พ่อแม่เธอเป็นใครถึงไม่สั่งสอนทำตัวเป็นอันธพาลทำร้ายคนอื่นอย่างนี้?!”
“เอ่อ พอดีว่าเธอเป็นเด็กทุนน่ะค่ะเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่หรอก” ฉันกำมือแน่นตัวสั่นเมื่อได้ยินสิ่งที่อาจารย์พูดออกมา
“อ่อ ไม่มีพ่อแม่สั่งสอนนี่เอง...”
“ค่ะ ฉันไม่มีพ่อแม่สั่งสอนแต่ฉันก็ไม่เคยถูกใครนะคะ พวกคุณมีทั้งฐานะเงินทองตำแหน่งแต่กลับชอบดูถูกใครอื่น แบบนี้ใครต่ำกว่ากันเหรอคะ?” ฉันถามกลับแม้จะรู้ว่าพวกเขาอาจจะไม่พอใจก็ตาม
“นังเด็กนี่!!” ท่านนายพลอะไรนั่นง่ามือจะตบฉันอีกครั้ง
“พริกไทย!!ขอโทษคุณหญิงกับท่านนายพลเดี๋ยวนี้นะ!!!” หมับ! อาจารย์แขนของฉันอย่างแรงกระชากให้เข้าไปขอโทษพวกนั้น
“เหอะ!!ไม่ต้องมาขอโทษแล้ว!!ฉันจะเอาแกเข้าคุกโทษฐานที่ทำร้ายร่างกายลูกสาวของฉัน!!!”
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณแม่ คุณพ่อ...” ผู้หญิงคนที่ฉันตบบอกกับพ่อแม่ของเธอ
“ทำไมละลูกหว้านังเด็กนั่นมันทำร้ายลูกนะ?”
“คือแค่ให้มันกราบเท้าขอโทษลูกหว้าก็พอค่ะ...ถ้าไม่อยากโดนตัดทุนก็กราบเพราะคนอย่างเธอไม่มีปัญหาเรียนที่ดี ๆ แบบนี้หรอก”
“ความจริงพ่อว่าให้มหาลัยไล่ออกไปเลยและจับเข้าคุกไปด้วยจะได้ไม่เป็นภัยสังคม!!”
“ไม่ดีกว่าค่ะเรื่องแค่นี้ให้กราบลูกหว้าก็พอ...ถ้าไม่กราบก็เอาอย่างที่คุณพูดนั่นแหละค่ะ ว่าไงจะกราบหรือนอนคุก?” ยัยลูกหว้านั่นยิ้มอย่างสะใจคงตั้งใจจะให้ฉันกราบสินะ... ไอ้โดนตัดทุนยังพอหาเงินมาจ่ายได้ แต่ติดคุกนี่สิ
“....”
“ว่าไงจะกราบหรือติดคุกคิดดี ๆ นะเพราะว่าคุณพ่อของฉันสามารถยัดข้อหาแรง ๆ ให้แกได้เลยล่ะ” ยัยนั่นเดินเข้ามากระซิบข้างหูของฉัน ฉันยืนกำมือตัวสั่นด้วยความโกรธ ที่เขาบอกว่าโกรธแต่ทำอะไรไม่ได้มันเป็นแบบนี้เองสินะ
“คะแค่กราบก็พอใช่ไหม?”
“อืม...ไม่รู้สิอาจจะให้จูบเท้าฉันด้วยก็ได้นะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ” เหอะ!!!
“ลูกหว้า!!หัวเราะเบาหน่อยลูกแต่ก็สะใจดีนะ ฮ่า ๆ” พอกันทั้งบ้านสินะ
ตอนแรกก็ว่าจะยอมกราบนั่นแหละแต่ว่าตอนนี้...
“ประสาททั้งบ้านสินะ หึ!!” ฉันยิ้มมุมปาก
“นังเด็กเมื่อวานซื่อพูดอะไรฮะ?!”
“ประสาทไงทั้งคุณหญิง ท่านนายและลูกสาวเหมือนจะเป็นโรคน่ะค่ะไปให้หมอตรวจบ้างนะคะเพื่อต้องรักษา มีเงินก็ใช้ให้เป็นประโยชน์หน่อยเถอะค่ะไม่ใช่มีแต่โง่”
“กรี๊ด!!แกว่าพ่อแม่ฉันเหรอ?!”
“เออไง!!อุตส่าห์ทนฟังมาตั้งนานตอนแรกก็ว่าจะกราบ ๆ ให้จบไปฉันทนพฤติกรรมเสื่อม ๆ ของเธอไม่ได้วะ”
“สะเสื่อม...”
“ใช่...เสื่อมเพราะงั้นจะแจ้งความก็เอาเลย!!คิดว่าฉันจะยอมเหรอวะ?! จะถอนทุนถอนเหี้ยอะไรก็ตามสบาย!!ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่มีบวงมาคล้องคอ!!!” เพราะการเป็นเด็กทุนต้องมีผลการเรียนที่ดีอย่างสม่ำเสมอเพราะงั้นฉันเลยต้องกดดันตัวเองมากเพื่อไม่ให้ตัวหลุดจากการได้ทุน
ปัง!! ฉันพูดจบก็เดินออกมาปิดประตูเสียงดังอย่างประชด ประตูปิดลงพร้อมอนาคตของฉันนั่นแหละ เหอะ!!!
พรึ่บ!!! เมื่อเดินออกมานอกคณะฉันก็ทิ้งตัวที่พื้นอย่างหมดแรงเพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไงจะติดคุกหรือโดนไล่ออก
“เหอะ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ” เป็นบ้าไปแล้วมั้งฉันหัวเราะแต่มีน้ำตา...
ตึกตัก ตึกตัก กึก! เสียงฝีเท้าของใครบ้างคนมาหยุดตรงหน้าฉัน
“เสี่ยยังไม่อยากเลี้ยงเด็กบ้านะ...” และเสียงนั้นทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นและมอง
“...?” เสี่ยเปลวมาได้ไง?
หมับ! เขายื่นมือมาลูบหน้าของฉันอย่างเบามือข้างที่โดนตบ
“ต้องใช้เท่าไหร่ถึงจะรักษาหน้าสวย ๆ ของหนูได้นะ 1 ล้าน 2 ล้าน หรือ 3 ล้านดี?”