“บ้าหรือไงแค่ยาทา 29 บาทก็หายแล้ว”
“หึ ลุกเร็ว” เขายิ้มนิดหน่อยก่อนจะยื่นมือมาตรงหน้าของฉัน ฉันมองอย่างลังเลก่อนจะตัดสินใจยื่นมือไปจับมือของเขาที่ส่งมา
หมับ!!พรึ่บ!
“ไหนใครแกล้งบอกเสี่ยสิเดี๋ยวเสี่ยเปลวจะจัดการให้” ก็อยากบอกแต่เขาจะช่วยอะไรได้ล่ะในเมื่อมันเป็นปัญหาของฉันนิ อ่อ...
“งั้นก็ช่วยมาสักทีสิ” เพราะฉันต้องการเงินเป็นจำนวนมากกกก
“หึ อยากได้เงินหรือไง?” หน้าของฉันมันมีคำว่าเงินแปะเอาไว้หรือไงถึงได้รู้ว่าฉันกำลังต้องการอะไร
“ไหน?! นังเด็กนั่นมันหนีไปไหนแล้ว?!” ยังจะตามมาอีกเหรอเนี่ย?
“นั่นไงคะคุณแม่!!”เสียงของยัยลูกหว้าบอกกับแม่ของเธอ
หมับ!!
“หนอย!!นังเด็กบ้าแกคิดว่าจะด่าพวกแล้วหนีไปได้ง่าย ๆ หรือไง?!” เธอเข้ามาก่อนจะกระชากแขนของฉันอย่างแรงแต่เพราะเสี่ยเปลวมันจับมือของฉันไว้อยู่เลยไม่ทำให้ฉันล้มลงไปที่พื้น
“ปล่อย” เสียงของเสี่ยเปลวบอกคุณหญิงคนนั้น
“นายเป็นใครฮะ?!”
“กูบอกให้มึงปล่อย!!” เขาตะคอกเสียงดังให้เธอปล่อยมือของฉัน
“ว้าย!!ทรามที่สุด!!”
“คุณจะปกป้องมันเหรอคะมันเป็นอันธพาลนะคะคุณอาจจะปกป้องคนผิดก็ได้เพราะงั้นคุณถอยออกมาเถอะค่ะไม่อย่างงั้นคุณอาจจะเดือดร้อนไปด้วยก็ได้” ลูกหว้าบอกกับเสี่ยเปลวพร้อมรอยยิ้มที่ดูก็มองออกแล้วว่าพอใจในตัวเสี่ยเปลวแค่ไหน
“เหอะ! ฉันสามารถตัดสินใจเองได้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำเพราะงั้นอย่าเสนอหน้ามาเสือก!” แรงมากกก
“นายเป็นใครด่าลูกสาวฉัน...!!” ท่านนายพลเดินเข้ามาก่อนจะถามเสียงดังแต่ก็เงียบลงไปก่อนจะมองหน้าของเสี่ยเปลวอย่างตกใจ
“โอ๊ะ!นึกว่าใครที่แท้ก็ท่านนายพลเป็นยังไงบ้างสบายดีไหมครับ?” เสี่ยเปลวถมอย่างสุภาพแต่ท่านนายพลนั่นกับหน้าซีดกว่าเดิม
“เอ่อ ขอโทษนะคะฉันไม่ทราบว่าคุณเป็นใครแต่ตอนนี้เรากำลังลงโทษนักศึกษาของเราอยู่” อาจารย์พูดแทรกเข้ามา
“งั้นผมขอฟังด้วยได้ไหมครับพอดีผมเป็นผู้ปกครองของพริกไทยน่ะครับ ถ้ามีปัญหาอะไร...ก็บอกมาได้เลย”
“นะนี่...” หมับ! ฉันเอามือไปดึงเสื้อของเสี่ยเปลวเอาไว้เพราะไม่อยากให้เขามายุ่งเรื่องของฉัน
“ผะผู้ปกครองเหรอครับ?” ฉันมองหน้าท่านนายพลที่ตอนนี้เหงื่อกำลังแตกเลยละอากาศก็ไม่ได้ร้อนขนาดนั้นสักหน่อย
“ครับ งั้นเราไปหาที่เย็น ๆ คุยกันดีกว่าเพราะเหมือนว่าท่านนายพลจะร้อน หึ” หมับ! เขายิ้มมุมปากก่อนจะจับมือของฉันเดินกลับเข้าไปในคณะอาจารย์เองก็รีบเดินนำไปที่ห้องรับรองทันที
“เสี่ยเปลวทำอะไรเนี่ย?” ฉันกระซิบถามเขา
“ก็กำลังช่วยหนูอยู่ไง” นะหนู?
“เหอะ!!ที่แท้ก็เด็กเสี่ยสินะ!!” ลูกหว้าที่เดินตามหลังมาได้ยินที่ฉันพูดก็พูดจากัดฉันทันที
“ต่ำซะจริง!คุณก็เหมือนกันยังอายุน้อยทำไมไม่หาผู้หญิงดีสักคนล่ะ?” คุณหญิงพูดกับเสี่ยเปลว
“คุณหญิงเงียบ!ไม่ต้องพูด” แต่ก็โดนสามีของเธอดุ
“นี่คุณเป็นอะไรเนี่ยตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ?!”
“หึ ห้องนี้ใช่ไหมครับ”
พรึ่บ! เมื่อเดินกลับมาที่ห้องรับแล้วเสี่ยเปลวก็นั่งลงและดึงฉันให้นั่งข้าง ๆ ด้วย คนพวกนั้นเองก็นั่งฝั่งข้ามด้วยเช่นกัน บรรยากาศมันนิ่ง ๆ เย็น ๆ ชอบกลแหะ
“เหอะ!!เสียเวลาซะจริง”
“คุณหญิงผกา!!เงียบ!”
“เรื่องมันเป็นยังไงผมของฟังหน่อยสิหรือหนูจะเป็นคนเล่า?” เขาเอ่ยขึ้นและถามฉัน
“ฉันเองค่ะเพราะฉันเป็นอาจารย์ค่ะและได้รับฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว พริกไทยเธอทำร้ายร่างกายของลูกหว้าและเพื่อนค่ะ”
“แล้วเพราะอะไร?” เขาหันมาถามฉัน
“เพราะฉันพูดความจริงไงคะทำเป็นรับไม่ได้ทั้งที่ขายตัวแท้ ๆ คุณก็เป็นลูกค้ามันนิ!” ลูกหว้าพูด
“เหอะ!!!สงสัยอยากโดนอีกมั้งปากดีไม่เลิก” ฉันพูดบ้างก็บอกแล้วว่าไม่ยอม
“หึ เป็นแล้วยังไงมันหนักหัวเธอเหรอ?”
“นะนี่คุณ!!”
“เอาเวลาที่ว่าคนอื่นเนี่ยไปดูแลพ่อตัวเองเถอะ เนอะท่านนายพล...” เสียงที่เรียกพ่อของลูกหว้ามันเย็นมากจนฉันเองก็รู้สึกได้
“ว่ายังไงจะเอายังไงดีนะพริกไทยไม่ผิดสักหน่อยเธอแค่สั่งสอนคนปากดี ผมควรจะทำยังไงดีนะท่านนายพลอาวุโสสุดคิดว่าไงครับ?”
“ระเรื่องนั้น...”
“เพิ่มดีไหมครับในส่วนที่ท่านนายพล...”
“มะไม่นะครับ!!!” พรึ่บ!!! จากตอนแรกที่ท่านนายพลนั่งโซฟาก็มาคุกเข่ากับพื้นตรงหน้าเสี่ยเปลวทันทีทำเอาคนทั้งห้องตกใจมากโดยเฉพาะภรรยาและลูก
“คุณทำอะไรคะเนี่ย?!”
“ลุกขึ้นนะคะคุณพ่อ!!!”
“สะเสี่ยเปลวครับอย่าเพิ่มเลยนะครับแค่ที่เป็นอยู่ก็ไม่มีปัญญาชดใช้แล้ว...” ไม่พูดเปล่าแต่ยกมือไหว้ด้วย ฉันมองหน้าของเสี่ยเปลวด้วยความสงสัยแต่เขาไม่ได้สนใจเอามือมาม้วนปลายผมของฉันเล่น
“งั้นผมจะบอกอะไรให้พวกคุณตาสว่างหน่อยแล้วกัน”
“มะมะไม่นะครับ ภรรยากับลูกสาวของผม...”
“นั่นมันไม่ใช่ปัญหาของกู!”
“สามีและพ่อของพวกคุณติดหนี้ที่คาสิโน SP เอาไว้ 25 ล้านบาท...”
“แค่ 25 ล้าน!!ฉันมีเงินเยอะ!!!”
“อ่อ บ้านหลังนั้นทั้งหลังก็โดนจำนองกับ SP ไว้แล้ว เครื่องเพชร เงินสดหรือที่ดินท่านนายพลก็เอาไว้มาเล่นพนันหมดแล้วน่ะครับ ไหนจะเด็กนั่งดริงที่ท่านนายพลเลี้ยงไว้ที่โรงแรม SP อีก ที่พูดมานี่ยังไม่หมดนะครับ”
“มะไม่นะไม่จริง!!!!”
“เดี๋ยวหมายศาลจะตามไปอีกไม่นานตอนแรกว่าจะให้โอกาสแต่เหมือนว่าจะหมดสักแล้วสิ”
“ใครตบหน้าหนู?” เสียงเขาเปลี่ยนทันทีเมื่อหันมาถามฉัน
ฉันประมวณทุกอย่างเรียบร้อยแล้วคือท่านนายพลอะไรนั่นเป็นหนี้ของเสี่ยเปลวเรียกได้ว่าหมดตัวแล้วเรียบร้อยเพราะงั้นท่านนายพลเลยตกใจมากตอนเห็นเสี่ยเปลว
“นั่น...” ฉันชี้ไปที่ท่านนายพลก็ไม่จำเป็นต้องโกหกนิ
“ฉันขอโทษนะหนู!!!ฉันขอโทษ!!ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นเด็กของเสี่ยเปลว”
“ไม่ใช่สักหน่อย...” ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเขา
“ยังไม่เป็นตอนนี้แต่ก็อีกไม่นานหรอก...”
“นี่!!” ขวับ! ฉันหันไปมองหน้าของเขาอย่างไม่พอใจนิดหน่อยเราอยู่ที่มหาวิทยาลัยนะ! ทำไมเขาเป็นคนแก่ที่พูดไม่คิดอย่างนี้เนี่ย
“เรื่องปัญหาของพวกคุณฉันไม่รู้หรอกนะคะแต่พริกไทยก่อเรื่องจริง ๆ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกเธอเป็นนักศึกษาทุนนะคะประพฤติตัวแย่แบบนั้นได้ยังไง” ใช่ที่ว่าครั้งนี้มันไม่ใช่ครั้งแรกแต่มันเป็นครั้งแรกที่เกิดปัญหาเพราะยัยลูกหว้าเป็นลูกสาวของท่านนายพลไง
“งั้นก็ตัดทุนไปเลยครับ”
“เสี่ย...อุ๊บ!” ฉันกำลังหันไปว่าเขาแต่ก็โดนขาเอามือปิดปากฉันเอาไว้ก่อนเขาเป็นใครมาบอกให้อาจารย์ตัดทุนฉันเนี่ย?!
“คะ?”
“ผมบอกว่าให้ตัดทุนของพริกไทยไปเลยถ้ามันมีปัญหามากนัก”
“แต่ค่าเทอมมันแพง...”
“เท่าไหร่?” เสี่ยเปลวถามอาจารย์
“เนื่องจากที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนและยังเชี่ยวชาญด้านศิลปะเป็นพิเศษ...”
“กูถามเท่าไหร่ตอบให้ตรงคำถามอย่าตอบที่กูไม่ได้ถาม”
“เอ่อ เทอมละสองแสนห้าหมื่นบาทค่ะ” นั่นแหละโคตรแพงเลยฉันถึงต้องใช้ทุนการศึกษาไงแต่ไอ้เสี่ยทองเปลวมันดันบอกให้อาจารย์ตัดทุนของฉัน
“เหอะ!!!ก็แค่เทอมละสองแสนห้าอาหารหมาบ้านกูแดกเดือนละสามแสนนู้นน!!” หมาบ้านเขาก็กี่พันตัววะน่ะ -_-
“เพราะงั้นตัดแม่งไปเลยทุนอะเดี๋ยวกูจ่ายเอง! อ่อ เดี๋ยวบริจาคให้ด้วยเอาเท่าไหร่ดีแบบที่ว่าพริกไทยมันเรียนแล้วไม่มีปัญหาไร้สาระแบบนี้...?” เขาพูดพร้อมมองไปที่ครอบครัวนั้นด้วยหางตา
“ใช้เงินแก้ปัญหาเยอะไปแล้วนะ!” ฉันบอกกับเขา
“เอ้า!!ก็เสี่ยหนูรวย รวยมากแบบว่าที่ใช้ทั้งชาติก็ไม่หมดสิบชาติได้มั้งกว่าจะหมด หึ”
“เอ่อ...แล้วแต่ที่คุณเปลวจะบริจาคเลยค่ะ^^” นี่มันมหาวิยาลัยหรือหน่วยงานการกุศลกันแน่ เหอะ ๆ
“อืม....งั้นสักร้อยล้านแล้ว เอาแบบที่แม้แต่อธิการบดีก็ไม่กล้ามีปัญหา...”
“....!!!”
“อ๋อ หรือถ้ามีก็ต่อสายมาหากูได้”
ปึก! เขาบอกก่อนจะวางนามบัตรเอาไว้บนโต๊ะ