“เรามีห้าหมื่นมั้งนิ่ม เอาไปก่อนได้ไม่ต้องเกรงใจ”
ชลธิชาเองก็ไม่คิดจะเหนียวหรือแล้งน้ำใจกับเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เรียน ปวช. แล้ว และนี่ทำให้กัณหาซาบซึ้งใจจนพูดอะไรไม่ออก นอกจากโผลเข้าไปกอดเพื่อนแล้วร้องไห้ออกมา
“คุณแม่อย่ากังวลไปเลยครับ เขาบอกว่าจะมีข้อเสนอดี ๆ จนเราปฏิเสธไม่ลงให้อีก ท่าทางเขาก็ไม่ใช่พวกใจไม้ไส้ระกำที่หวังแต่จะยึดบริษัทกับบ้านเราท่าเดียวนะครับ”
‘วิโรจน์ วิริยะกิจจานนท์’ ปลอบใจแม่ที่ร้องห่มร้องไห้อยู่กับสะใภ้ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม้ในใจจะรู้สึกผิดมากมายแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้แม่สบายใจไปได้มากกว่านี้แล้ว
“แกยังมีหน้ามาบอกไม่ให้ฉันกังวลอีกเหรอ! ก็ไม่ใช่เพราะไอ้ที่ฉันไม่กังวลนี่หรอกเหรอ! ลูกชายคนเดียวของฉันที่เคยเป็นเสาหลักแทนบรรพบุรุษถึงได้ทำตัวเหลวใหล ติดผู้หญิง ติดการพนัน ถึงกับหลอกให้ฉันเซ็นเอกสารแล้วเอาบริษัทกับบ้านหลังนี้ไปขาย ได้เงินมาก็ไปละเลงเล่นในบ่อนหมด จนตอนนี้จะไม่มีที่ซุกหัวนอนอยู่แล้ว!!!”
‘ยุพาพร วิริยะกิจจานนท์’ ตะคอกใส่ลูกด้วยความโกรธ หลังจากด่าลูกเรื่อยมานับตั้งแต่วันที่รู้เรื่องร้ายเหล่านี้ แต่ก็ยังไม่เคยสาสมใจในความดีแตกตอนแก่ของลูกเลย
“ผมขอโทษครับคุณแม่ แต่ผมก็พยายามทำดีที่สุดแล้วนะครับ”
“แต่มันยังดีไม่พอ!!! ถ้าแกอยากจะทำให้หมดกังวล หรือไม่ต้องมานั่งด่าแกอยู่อย่างนี้!!! มีทางเดียวที่แกจะทำได้ นั่นคือเอาทุกอย่างของวงศ์ตระกูลเรากลับมา!!! แล้วไล่ไอ้บ้าที่มันกำลังจะมาเสนอหน้าในบ้านฉันออกไปให้พ้น ๆ แกทำได้หรือเปล่า!!! ถ้าทำไม่ได้ก็จงไปตายซะ!!! โอ้ย!!! แม่รสฉันจะเป็นลม”
“ไปเอายาดมมาเร็วเข้า”
‘เสาวรส วิริยะกิจจานนท์’ ต้องรีบหันไปสั่งเด็กรับใช้อย่างเร่งด่วน เมื่อแม่สามีโกรธจัดจนหน้ามืด วิโรจน์ทำท่าจะวิ่งไปประคองแม่ แต่ก็ได้ยินเสียงรถแล่นมาจอดหน้าบ้านก่อน
จึงเปลี่ยนใจเดินออกไปต้อนรับแขกสำคัญแทน เมอร์ซิเดส-เบนซ์ป้ายแดงจอดกึกตรงหน้าบันไดที่เขายืนอยู่พอดี ‘ทัตเทพ วงศ์วิวัฒน์’ ก้าวออกจากประตูหน้าคู่กับคนขับ
ส่วนคนนั่งอยู่เบาะหลังที่ทัตเทพรีบก้าวไปเปิดประตูให้ ก็คงจะเป็น ‘ชาครีย์ อัครเมธาสกุล’ แน่ ชายหนุ่มผู้ร่ำรวย ลึกลับ จนเขาสืบเสาะหาที่มาของนามสกุลอันหรูหราไม่ได้เลย ว่ารากเง้ามาจากไหน แส้ไหน ก๊กแก๊งไหนกันแน่ แม้แต่ตัวจริงก็เพิ่งจะได้เห็นวันนี้ หลังจากดูรูปในอินเตอร์เน็ทเท่านั้น และก็เพิ่งจะเห็นเมื่อไม่กี่วันมานี้ด้วย
“สวัสดีครับคุณทัต นี่คงจะเป็น” เจ้าของบ้านทักทายด้วยรอยยิ้ม แม้จะเป็นยิ้มที่ฝืนแต่ก็พยายามจะปกปิดไว้
“คุณชาครีย์ อัครเมธาสกุล เจ้านายผมเองครับ ต้องขอโทษด้วยที่มาช้าถึงสิบนาที พอดีมีอุบัติเหตุตรงปากซายนี่ล่ะครับ”
ทัตเทพรีบแนะนำ หนุ่มผิวเข้มรูปร่างสูงโปร่งในสูทราคาแพงกับแว่นดำอันใหญ่ ปกปิดใบหน้าคมเข้มเอาไว้ไม่ยอมถอด
“สวัสดีครับคุณชาครีย์ เจอกันสักทีนะครับ ได้ยินแต่ชื่อคุณมาหลายวันแล้ว”
แขกไม่เอ่ยหรือยิ้มตอบเจ้าของบ้านเลยสักนิด นอกจากยืนนิ่งจ้องมองผ่านแว่นไปหาเท่านั้น ก่อนจะเดินตามไปห้องรับแขก มีหญิงใบหน้าหม่นหมองนั่งรออยู่ถึงสองคน เขาพยักหน้าให้ลูกน้องเริ่มงานที่นัดแนะกันไว้แล้วโดยไม่ยอมให้เสียเวลา
“ตามที่เกริ่นไว้ครับ ว่าคุณเสือจะคืนหุ้นให้คุณโรจน์ยี่สิบห้าเปอร์เซ็น ถ้าตกลงจะทำงานในตำแหน่งบริหารต่อ ภายใต้การควบคุมของผมกับคุณเสืออีกทอด เงินเดือนสองแสนบาทพร้อมปันผลสิ้นปี ถ้าเราโชคดีทำกำไรได้ในเวลาอันใกล้นี้นะครับ ก็อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ว่าสถานะการย่ำแย่แค่ไหน...”
“แล้วข้อเสนออื่นที่บอกว่าจะให้ล่ะมันคืออะไร”
ยุพาพรรีบแทรกด้วยความใจร้อน และไม่ชอบหน้าพ่อเศรษฐีใหม่ที่ไม่ให้เกียรติเจ้าของบ้าน ด้วยการไม่ยอมถอดแว่นเลย ทัตเทพกำลังจะพูดต่อต้องหยุดกึกกับคำถามนี้
แล้วหันไปมองหน้าเจ้านาย ที่นั่งนิ่งแล้วค่อย ๆ เปิดเผยดวงตาคู่คมออกให้คนในห้องได้เห็น อาการนิ่งอึ้งเงียบงันจึงเกิดขึ้นกับคนทั้งสาม
เพราะความไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจ ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ หรือข้อปฏิเสธอื่น ๆ ที่ต่างหลั่งไหลเข้ามาในความคิด จนไม่กล้าเอ่ยปากถามออกมาตรง ๆ
ยังผลให้เจ้าของใบหน้าคมเข้ม ผิวสีแทนผิดจากลูกคนจีนโดยทั่วไป ที่มักจะขาวในความคิดของคนในบ้านวิริยะกิจจานนท์ ที่เหมาว่าเขาเป็นคนจีนเพราะนามสกุลยาวเฟื้อย
“ใจร้อนเหมือนเดิมนะครับคุณนายใหญ่”
เสียงนี้กับคำนี้ ช่วยขจัดข้อสงสัยออกจากใจคนทั้งสาม จนแทบจะหมดสิ้น หากก็ยังมีความไม่อยากเชื่อหลงเหลืออยู่มากมายนัก เพราะมันแทบจะหาความเป็นไปได้ยากเย็นเสียเหลือเกิน ที่จากคนไม่มีอะไรแม้แต่บ้านจะซุกหัวนอนอย่าง ‘นายชาตรี ใหญ่นาม’ จะกลายมาเป็นเศรษฐีพันล้านได้
“จำผมไม่ได้เหรอครับคุณนายใหญ่ อะไรกันแค่สิบกว่าปีเอง ก็ลืมแล้วเหรอครับ ผิดกับผมที่ไม่เคยคิดจะลืมแม้แต่วินาทีเดียว คงคิดไม่ถึงสินะครับว่านายชาตรี หรือไอ้สิงห์ กับคุณชาครีย์ หรือคุณเสือจะเป็นคนคนเดียวกัน ก็อย่างว่าล่ะครับ อะไร ๆ มันก็เกิดขึ้นได้ จากไม่มีจะกินก็กลายมาเป็นเหลือจะกินได้ จากคนที่เหลือกินเหลือใช้ กลายมาเป็นคนที่กำลังจะไม่มีแม้แต่บ้านจะซุกหัวนอน ชีวิตนี่มันก็น่าแปลกอย่างนี้ล่ะครับ”
“แกต้องการอะไรไอ้สิงห์!!! ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้!!! พวกฉันไม่ต้อนรับคนอย่างแก!!! ออกไปให้พ้น!!!”
ยุพาพรลุกขึ้นชี้หน้าด่าคู่อริเก่าทันทีเมื่อแน่ใจแล้ว แต่อีกคนกลับนั่งนิ่ง จ้องมองคนแก่ไร้ทางสู้ด้วยใบหน้ายิ้มน้อย ๆ อย่างมีคนถือชัยชนะไว้ในมือและอารมณ์เย็นอยู่อย่างนั้น