bc

มายาพิม

book_age18+
370
FOLLOW
2.3K
READ
dark
drama
sweet
humorous
lighthearted
serious
like
intro-logo
Blurb

‘อรพิมพ์’

ที่ต้องประสบภาวะซึมเศร้าและพร้อมจะฆ่าตัวตายอยู่ตลอดเวลาเหตุเพราะสามีตีตัวออกห่างไปหาเด็กสาวคนหนึ่งที่ชื่อ 'พิมนารา'

ภีม

เป็นพี่ชายของ อรพิมพ์ เขาคือคุณหมอหนุ่มนักธุรกิจที่รักน้องมากเกินกว่าจะปล่อยให้ชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นลอยนวลเสวยสุขบนความโศกเศร้าของอรพิมพ์ได้จึงคิดหาทางจัดการกับคนคู่นี้

ภีมดึงพิมนาราเข้ามาอยู่ในวงโคจรของเขาหลอกล่อและล่วงเกินร่างกายและจิตใจของพิมนารา ทั้งๆที่ภีมเองก็มี ‘พิมพา’อยู่ข้างกายของเขา

แต่เมื่อความจริงปรากฏ กลับทำให้ภีมถึงกับหัวใจสลายร้าวรานจนไม่เป็นผู้เป็นคน เพราะเข้าใจพิมนาราผิดไป แม้คิดกลับไปแก้ไขก็ดูเหมือนจะสายเกินไปเสียแล้ว เพราะพิมนาราหายไปอย่างลึกลับพร้อมกับร่างกายและหัวใจอันแสนบอบช้ำจากการกระทำของเขาเอง

ที่สำคัญกว่านั้นคือเธอเอาลูกของเขาติดท้องไปด้วย!

chap-preview
Free preview
1
“นิชาขอโทษค่ะหมอ นิชาทำไปเพราะ...เพราะ...รักหมอนะคะ” เสียงหวานออดอ้อนของดาราสาวสวยอนาคตไกลที่กำลังโด่งดังถึงขีดสุดในตอนนี้ บอกกับร่างสูงสง่าที่ยืนหันหลังใส่เสื้อจนเรียบร้อยแล้วเลยหยิบเช็คเงินสดวางไว้ให้ตรงปลายเตียงนอน บอกเสียงเรียบดั่งมหาสมุทรยากจะหยั่งให้ถึงก้นบึ้งของจิตใจเขาว่า “เราตกลงกันแต่แรกแล้วนิชา คุณล้ำเส้นเอง” “โอเคค่ะ นิชายอม นิชาจะไม่งอแงอีกแล้ว นิชาสาบานเลยค่ะว่าจะไม่โพสต์ภาพในทำนองว่าไปไหนมาไหนกับหมออีก คนจะได้ไม่รู้ว่าเราคบกันไงคะ หมอให้โอกาสนิชานะคะ...นะ...นะ” “เท่าที่ผมจำได้...เราไม่เคยคบกันเลยนะนิชา คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า” ภีมแค่นยิ้มบอกด้วยวาจาร้ายกาจ ค่อยเปิดประตูออกจากคอนโดส่วนตัวของเขาไป          เขาพอใจกับความสัมพันธ์ฉาบฉวยเช่นนี้ ชอบแค่ความสวยชั่วครั้งชั่วคราวของผู้หญิงที่เต็มใจมอบให้ เสพย์จนพอแล้วก็หมดสนุกและเลิกรา ทางใครทางมัน  นิสัยส่วนตัวที่เป็นคนขี้เบื่ออย่างไรก็ยังคงเป็นแบบนั้น แก้ไม่หายเสียที          แล้วยกโทรศัพท์ต่อสายหาผู้ช่วยส่วนตัวพอปลายสายรับจึงกรอกเสียงลงไปอย่างที่เคยทำทุกที “จัดการปิดข่าวให้เรียบร้อย ขายห้องชุดนี้เลย เงินที่เหลือ...โอนให้เธอไป” คุยสายสั่งงานจนจบ ภีมเดินจนมาถึงรถหรูที่จอดอยู่ในชั้นเดียวกันพอดี เขาเปิดประตูขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยก่อนบิดคอซ้ายขวาไล่ความเมื่อยขบ เช้านี้เขามีประชุมองค์กรทั้งวันเสียด้วยสิ นึกแล้วยิ้มให้กับตนเองที่ใช้ชีวิตคุ้มเกินคุ้ม เจ็ดวันในหนึ่งสัปดาห์เขาทำงานทุกวัน แต่ละวันหมดกับการทำงานไปถึงสองส่วนสามของเวลาเต็มวัน แทบจะนับเวลาพักผ่อนได้ว่าไม่มากเท่าไรนัก เขาจึงต้องผ่อนคลายตามอย่างที่ใจต้องการ อาจเป็นปาร์ตี้ส่วนตัวริมสระที่ไหนสักที่ หรือหมดไปกับสาวสวยประวัติดีสะอาดสะอ้านสักคน ที่สำคัญต้องไม่ผูกพันธุ์ ไม่ผูกมัดนั่นคือข้อตกลงข้อเดียวของเขา แล้วออกรถตรงดิ่งสู่จุดหมายเบื้องหน้า สายตาคมเหลือบมองสายเรียกเข้าจากดาราสาวที่เพิ่งสลัดทิ้งเมื่อครู่ นิชายังพยายามโทรเข้ามาจึงทำให้เขาเสียการควบคุมรถที่ขับลัดเลาะเข้าซอยทางลัดหนีรถติดในช่วงเช้าสู่ที่หมาย จนรถเขวเกือบออกนอกเลนจะชนคน แต่พอมองผ่านกระจกมองหลังเห็นเป็นหญิงสาวคนหนึ่งริมถนนกำลังก้มหน้ากับจอโทรศัพท์ไม่เห็นอีกฝ่ายเป็นอะไรเลยเปลี่ยนใจ นึกค่อนที่คนยุคนี้ให้ความสำคัญกับมันมากจนเกินพอดี และหญิงสาวคนนั้นก็คงเป็นอีกคนที่เป็นหนึ่งในสังคมก้มหน้า ชายหนุ่มยักไหล่อย่างไม่แคร์ หยิบโทรศัพท์ปิดเครื่องโยนทิ้งไปที่เบาะหลังทันทีแล้วขับรถต่อไป “ขับรถอะไรแบบนี้เนี่ย จะชนคนอื่นเขาอยู่แล้ว” พิมนาราบ่นงึมงำไล่หลังรถที่เกือบเฉี่ยวชนเธอเมื่อครู่ พร้อมกับเอาโทรศัพท์ใส่เข้าไปในกระเป๋าดังเดิม เมื่อครู่เธอตกใจที่กระเป๋าสั่นไม่พอยังตกใจที่เกือบโดนรถหรูคันเมื่อครู่เฉี่ยวเข้าให้อีก ก่อนจะส่ายหัวอย่างระอา พวกคนรวยคงไม่สนใจสินะว่าการกระทำของตัวเองจะทำให้ใครเดือดร้อนบ้าง มือยังคงควานในกระเป๋าใบย่อมแล้วก็เจอเข้ากับโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่ณภัทรแอบเอามาใส่ไว้ตอนไหนก็ไม่รู้ บอกแล้วว่าอย่าซื้ออะไรให้ ไม่เคยฟังคำเธอบ้างเลย เพิ่งหกโมงสี่สิบห้าเท่านั้น ที่พิมพ์นาราออกจากบ้านเช่าในซอย เธอกำลังจะรอขึ้นรถประจำทางเพื่อไปยังโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อ ซึ่งเปิดให้บริการไม่นานมานี้และรับสมัครพนักงานเพิ่มอีกหลายอัตรา  หญิงสาวเพิ่งเรียนในระดับปริญญาตรีได้แค่ปีเดียว ก็ต้องออกเนื่องจากสูญเสียบิดาที่เป็นเสาหลักของครอบครัวไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ส่วนมารดาของเธอนั้นร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงนัก เงินประกันชีวิตที่ได้รับจากการสูญเสียบิดา ส่วนใหญ่หมดไปกับค่ารักษาพยาบาลที่ค่อนข้างสูงของมารดา เธอจึงตัดใจออกจากมหาวิทยาลัย โดยบอกคนเป็นแม่ว่าแค่ดร็อปเอาไว้ก่อนเพราะขี้เกียจเรียน แล้วเตร่หางานอยู่นานโขจึงได้ในที่สุด  หลังจากส่งใบสมัครทางอินเตอร์เน็ตไม่กี่วัน ฝ่ายบุคคลก็โทรศัพท์ตามให้ไปสัมภาษณ์งาน เธอลงสมัครในตำแหน่งผู้ช่วยเหลือทั่วไปที่ดูเหมือนจะไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษาอะไรมากมายนัก แล้วเธอก็ถูกจัดให้เป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในแผนก PM&R ทันทีที่มาถึง พิมนาราเดินเข้าไปในตึกสูงกลางเมืองอันเป็นที่ตั้งของที่ทำงานเธอเข้าลิฟต์ของพนักงานกดเลขชั้นที่สิบสองเพื่อไปที่แผนกของเธอ ไฟหลายดวงยังคงปิดมืด เพราะยังไม่ถึงเวลาให้บริการ  พลันเสียงเสียงหนึ่งก็ดังทะลุแทรกเสียงของเครื่องปรับอากาศจนทำให้พิมนาราสะดุ้งตกใจ “เด็กใหม่ใช่ไหม” พิมนาราเหลียวซ้ายแลขวามองซ้ายขวาหาต้นตอของเสียงจนพบ ก่อนผุดรอยยิ้มนอบน้อมตอบรับ “ค่ะ” หญิงสาวหน้าตาท่าทางดูดีคนที่ทักเธอ กำลังบรรจงแต่งหน้าอ่อนๆตรงกระจกเงาภายในห้องของพนักงาน ถามด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองผูกมิตร “กินข้าวเช้ามารึยัง” “เรียบร้อยแล้วค่ะ” “นั่งก่อนสิ ชื่ออะไรล่ะเราน่ะ” “พิมค่ะ” “พี่ชื่อวิ เอ๊ะ! วันนี้มีประชุมองค์กร ผู้บริหารพบพนักงานด้วยนี่นา ไปดูชื่อที่เคาน์เตอร์ไป ว่ามีชื่อของเรารึเปล่า” พิมนารายิ้มค่อยลุกจากเก้าอี้ที่เพิ่งหย่อนก้นลงนั่งได้ไม่ถึงนาทีเดินย้อนกลับไปยังที่ที่อีกฝ่ายบอก ที่นี่ค่อนข้างเข้มงวดเธอคิด ก่อนจะรู้สึกเกร็งขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อนึกถึงวันก่อน เธอต้องผ่านการตรวจร่างกายและอบรมพนักงานใหม่อยู่สามวัน พอเริ่มงานวันแรกก็ต้องขึ้นประชุมองค์กร เพื่อฟังผู้บริหารพ พนักงาน ที่มักจัดขึ้นทุกๆสามเดือนตามคำบอกเล่าของพี่วิ และเพราะต้องวิ่งไปมาถ่ายเอกสารให้ผู้จัดการแผนก จึงทำให้เธอขึ้นห้องประชุมสายกว่าคนอื่น จนกลายเป็นเป้าสายตาขณะเดินเข้าไปในนั้น ชายที่ยืนตรงด้านหน้าสุดถือเลเซอร์พอยเตอร์ เขาเงียบแล้วมองจนเธอหาที่นั่งนั่งลงได้จึงเริ่มพูดต่อไป แต่หญิงสาวไม่มีเวลาพิศมองชายคนนั้น เธอหยิบเอกสารที่ได้รับแจกก่อนเข้าห้องเปิดดูคร่าวๆ “อย่างที่ผมบอกพวกเราทุกคน ว่าสามเดือนต่อจากนี้ เราต้องช่วยกัน เพื่อยอด เพื่อโบนัสปลายปีนี้นะครับ” พิมนาราได้ยินประโยคดังกล่าวนั้นแล้ว จึงเงยหน้าขึ้นมองคนพูด  ทันทีที่เห็นชายหนุ่มคนพูดชัดเจน เธอสะดุดลมหายใจ สะดุดสายตา หัวใจเต้นระรัวเร็วแรง ทั้งยังจ้องชายคนนั้นแน่นิ่งราวกับถูกสะกด  ปากได้รูปสวยสีชมพูอ่อนของเขาขยับพูดอย่างคนใจเย็น ยิ่งขยับพูดยิ่งน่ามอง สายตาคมคู่นั้นสีดำเข้มดูจริงจังน่าเกรงขามแต่กลับดูขี้เล่นอยู่ในที ท่วงท่าการเดินเหินดูสุภาพมีมารยาทแต่ก็ดูมีอำนาจราวกับราชสีห์ในป่าใหญ่ มองอยู่อย่างนั้นจนเพลินไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรเมื่อคนอื่นๆพากันหันมามองที่เธอกันเกือบหมดทั้งห้องโถง           แล้วหญิงสาวคนที่นั่งอยู่ข้างๆก็สะกิดบอก “ผอ.ถามเธอแน่ะ” หัวใจของพิมนาราสั่นไหวกระตุกวูบวาบ ใบหน้าร้อนฉ่าราวกับถูกนาบด้วยไฟ เธอตะกุกตะกักถามกลับไปอย่างประหม่าเต็มที  “คะ อะไรนะคะ” คนถามยิ้มแล้วทวนคำถามให้อีกครั้ง “ผมถามว่าทำไมถึงขึ้นมาช้าครับ” “ดิฉัน เอ่อ…” เธอไม่กล้าบอกว่าไปทำธุระให้ผู้จัดการแผนกมา จึงตอบแบบอึกๆอักๆอยู่อย่างนั้น “ดิฉัน…เอ่อ...คือ...ดิฉัน…” “โอเค ไม่เป็นไร...เอาละครับทุกคน พวกเราพักเบรคกันสิบห้านาทีพอไหม แล้วสิบโมงห้าสิบห้าเราเจอกันอีกครั้งก่อนมื้อเที่ยง เชิญครับ” พนักงานทุกคนยกเว้นชายคนนั้นรวมกลุ่มกันร้องเพลงปลุกใจอะไรสักอย่างอย่างอย่างที่เธอตามไม่ทัน ก่อนแยกย้ายกันไปจัดการกับอาหารเบรคที่มีชา กาแฟและขนมปังกินแบบง่ายๆที่โต๊ะยาวทางด้านหน้าห้องโถง คนที่สะกิดเธอก่อนหน้านี้หันมาถามเมื่อหยิบอาหารเบรคของตนเองแล้ว “ชื่ออะไรน่ะ” “เราเหรอ พิมจ้ะ เธอล่ะ” “เราชื่อสา สุริสา อยู่ห้องยา เพิ่งเข้ามาทำงานเหรอ” “อืม...จ้ะ” สาวห้องยาวางของเบรกที่กัดไปได้ครึ่งชิ้นลงบนถาดในมือทันที ตาเบิกโต ใบหน้าที่แต่งเอาไว้อย่างดีออกสีแดงระเรื่อนิดๆ พยายามออกเสียงทั้งๆที่ปากไม่ขยับด้วยความชำนาญ “แอ๊...ผอ.มา” ชายร่างสูงสง่าในชุดเสื้อโปโลกางเกงยีนสีเข้ม รองเท้าหนังสีน้ำตาลดูเข้าชุดกันราวกับดารานักแสดง เดินทักทายมาเรื่อยๆจนมาหยุดตรงที่เธอและสุริสา “พิมนารา...เหรอ” เสียงอบอุ่นพึมพำคล้ายถามชื่อเธอพร้อมมองแผ่นป้ายที่เขียนชื่อจริงห้อยตรงคอ เจ้าของชื่อขาแข็งยืนนิ่งราวกับถูกตะปูตอกเท้ากับพื้น ฝืนยิ้มด้วยความประหม่าเหลือกำลังรับคำแผ่วเบา “ค่ะ” เสียงเข้มของคนตรงหน้ายังคงถามต่อ เหมือนเธอจะคิดมากเกินไปว่าเขารอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ “นามสกุลอะไร” และเธอก็ตอบออกไปแทบจะทันทีแบบไม่ต้องคิด มันจึงดูตลกเหมือนเล่นถามตอบแข่งกับเวลาอย่างไรอย่างนั้น  “อมรารัตน์ค่ะ” ตาคมสีเข้มแปรเปลี่ยนไปเพียงครู่ ก่อนจะยิ้มแล้วพยักหน้าให้ เขาเดินเลยไปยังพนักงานคนอื่น พิมนาราพ่นลมหายใจออกมาได้อย่างโล่งอก สุริสาที่ถือขนมไว้ในมือยืนข้างๆพึมพำแบบเพ้อๆ “หมอภีมหล่อเนอะ” พิมนาราที่มีโอกาสได้ยกเครื่องดื่มในแก้วขึ้นจิบ ย้อนถามด้วยความอยากรู้ “หมอเหรอ” “อื้ม เป็นหมอ แต่เพิ่งลงมาบริหารงานที่นี่ปีนี้ปีแรก หลังจากที่ทำให้สาขาอื่นทะลุเป้ามาหมดแล้ว” สุริสาเล่าอย่างคล่องแคล่วแบบท่าทีของตนเอง  “เป็นหมอ แล้วก็ เป็นนักธุรกิจรูปหล่อในคนเดียวกัน อะไรจะเพอร์เฟคขนาดนี้เนี่ย...” “...อือ”  พิมนาราครางรับอย่างเห็นด้วย แอบชำเลืองหมอในหัวข้อสนทนาที่กำลังยืนคุยกับพนักงานคนอื่นๆอย่างเป็นกันเองไม่ถือตัวเลยสักนิด “ไม่น่าเชื่อนะว่าจะเจ้าชู้ ร้อยไม่เชื่อ พันไม่เชื่อ ดูอบอุ่นแบบนี้ แถมยังมีแฟนเป็นหมอเหมือนกัน ชื่อหมอพา จะเจ้าชู้ได้ยังไง เราคนหนึ่งละไม่เชื่อเด็ดขาด” คนเล่าเล่าต่ออย่างกับเป็นคนในครอบครัว แถมยังแสดงตัวเข้าข้างอย่างออกหน้าออกตาจนคนฟังอย่างเธอคล้อยตามไปด้วย  เสียงทุ้มละมุนหูนั่นยังวนเวียนอยู่ในโสตประสาทของเธออยู่เลย  ก่อนจะดึงสติเข้าไปในห้องโถงเพื่อทำกิจกรรมที่เหลือต่อ จวบจนหมดวัน พิมนาราจึงได้ลงมาที่แผนกอีกครั้ง เป็นเวลาเลิกงานพอดี ก่อนกลับเธอต้องไปทำความเข้าใจกับกฎระเบียบของที่นี่เพิ่มเติมในส่วยที่ยังไม่รู้ละเอียด รวมถึงคำศัพท์ทางแพทย์อย่างง่ายและจดตารางเวรเดือนนี้ทั้งเดือน ค่อยออกมาเมื่อเลยหกโมงเย็นไปไม่กี่นาทีแล้วจึงแวะซื้อของกินสองสามอย่างที่ป้ายรถเมล์ก่อนกลับ  พอเปิดประตูเข้ามาก็เห็นณภัทรวางสายลงส่งยิ้มมาให้ที่ใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้าน “อ้าวพี่โต มาตั้งแต่เมื่อไรคะ” ชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาวสะอาดตอบพร้อมเดินมารับของจากเธอ “สักพักแล้วล่ะ” “แม่ละคะ” “อยู่ในบ้านนู่นแน่ะ ได้ยินว่าเย็นนี้จะทำของโปรดให้คนกินจุ ฉลองทำงานวันแรก” “จริงน่ะ...พิมก็ซื้อกับข้าวมาแล้วนะ งั้นไปค่ะ เราเข้าบ้านกันเถอะ พิมหิวจะตายอยู่แล้ว”พิมนาราชะงักแล้วนึกขึ้นได้ หันมาพูดหน้าตาบึ้งตึง “อ้อ... พิมบอกแล้วไงว่าอย่าซื้ออะไรให้พิมอีก โทรศัพท์นี่รุ่นใหม่ล่าสุดเลยไม่ใช่เหรอคะ” “พี่อยากให้ มีอะไรหรือเปล่า”ณภัทรว่าแล้วยักคิ้วให้ข้างหนึ่งอย่างกวนๆ “เฮ๊อะ! แล้วอย่ามาบ่นนะถ้าพิมจะขอเครื่องเพชรสักชุด รถสักคัน บ้านหรูๆสักหลังน่ะค่ะ” “เยอะนะเราน่ะ” ชายหนุ่มกล่าวยิ้มๆ พิมนารายิ้มสดใสตอบกลับเช่นกันก่อนควงแขนชายหนุ่มเดินเข้าบ้านไป ณภัทรและเธอรู้จักกันได้วันนี้ครบสี่ปีแล้ว หลังจากบังเอิญพบกันเพราะอีกฝ่ายไปพบเพื่อนที่เป็นอาจารย์สอนในโรงเรียนของเธอหลังจากนั้นก็ติดต่อกันเรื่อยมา  ณภัทรแต่งงานแล้วกับลูกสาวคนเล็กของเศรษฐีมีชื่อเสียงตระกูลหนึ่ง ท่าทางไม่มีความสุขนักเพราะถูกบ้านนั้นดูถูกอยู่ตลอดเวลา หาว่าไปเกาะลูกสาวเขากิน จริงเท็จแค่ไหนเธอไม่ถามให้อีกฝ่ายต้องอึดอัดใจและไม่สมควรจะถามอีกด้วย ค่อยลงมือกินมื้อเย็นด้วยกันสามคนพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมสุขทั่วใบหน้าแบบทุกที เพล้ง! เสียงเครื่องแก้วปาใส่ผนังดังลั่นบ้าน จนคนที่เพิ่งมาถึงขมวดคิ้วมุ่น “ใครเป็นอะไรอีกล่ะ” คนรับใช้ที่ยืนตาลีตาเหลือกอึกอักตอบ “คุณผิงเธอ... เธออาละวาดอีกแล้วค่ะ” คุณหญิงปทุมบ่นขณะเดินออกมารับบุตรชาย “อาละวาดทุกวัน จนแม่ปวดหัวไปหมดแล้วเนี่ย” “เดี๋ยวผมขึ้นไปดูน้องเองครับ” คนพูดเดินเลยขึ้นบันไดแล้วตรงไปยังห้องแรกขวามือ ยกมือเคาะประตูบอก แต่พอแว่วเสียงดังเหมือนมีของแตกดังขึ้นมาอีกครั้งจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปในทันที พอเห็นสภาพภายในห้องเท่านั้น ถามน้องสาวหน้าเครียด แต่น้ำเสียงแฝงความเป็นห่วงอย่างที่สุด “ยัยผิง เป็นอะไร ทำไมเขวี้ยงข้าวของแบบนี้” หญิงสาวร่างผอมบางในชุดกระโปรงสีขาวโผเข้าซบพี่ชาย สะอื้นฟ้อง “เขาแอบไปหานังเด็กนั่นอีกแล้วค่ะ” “เฮ้อ...ทำไมไม่คุยกันดีดีล่ะว่าจะเอายังไง ทำกันถึงขนาดนั้นเลิกๆกันไปพี่ว่าก็ดีนะ ไม่ใช่มาอาละวาดเขวี้ยงข้าวเขวี้ยงของ อีกอย่าง...เราก็เพิ่งอาการดีขึ้นนี่ผิง อาละวาดมากๆเข้าได้โดนแอดมิทอีกนะ”           ภีมบอกพร้อมมองร่างบอบบางซีดเผือดของน้องสาวตั้งแต่ใบหน้าจนไปถึงลำตัว นึกไม่พอใจชายผู้เป็นน้องเขยยิ่งขึ้น เมื่อจำได้ว่าน้องสาวสุดหวงแท้งลูกคนแรกคราวก่อนนั่นเพราะมีปากเสียงกับสามีจนล้มและตกบันไดลงมา ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่นาน นี่เพิ่งออกมาก็ร่ำๆจะมีเรื่องอีกแล้ว   “ไม่นะคะ ผิงไม่อยากเลิกกับโต ผิงรักโตค่ะพี่ภีม ผิงรักโต” “แล้วยังไง สามีเธอเขาหมดรักเธอแล้วรึไง ถึงได้ดอดไปคบกับสาวรุ่นขบเผาะนั่นน่ะ”   “ผิงไม่รู้ค่ะ บางทีเขาอาจแค่ทำประชดผิง” “แล้วเขาจะทำประชดผิงเรื่องอะไร”   “พี่ภีม! พี่อย่าคาดคั้นอะไรกับผิงนักได้ไหมคะ แค่นี้ผิงก็เครียดจะแย่อยู่แล้ว” “ถ้าอย่างนั้นก็นอนพักผ่อนเสีย พี่จะให้เด็กๆมาเก็บข้าวของพวกนี้ แล้วอย่าอาละวาดอีกล่ะ เดี๋ยวพี่จะให้เด็กเอายามาให้” ภีมออกจากห้องของน้องสาวแล้วลงมาห้องข้างล่างอีกครั้ง “เป็นไงหมอภีม น้องเราเป็นอะไรอีกละคราวนี้” “เรื่องเดิมนั่นแหละครับ”   คุณกานดาเดินวนไปมากระวนกระวาย ปากบอกอย่างเดือดดาล “แล้วจะเอายังไง เลิกๆกันไปก็ดี น้องเราก็ใช่ว่าจะสิ้นไร้ไม้ตอกนะหมอ” “ไม่สิ้นไร้ไม้ตอกแต่รักเขามากจนไม่ยอมเลิกน่ะสิครับ” “นังเด็กนั่นก็เหลือรับ ผัวเขายังจะให้ท่าให้ทาง นี่หมอภีมรู้ไหมว่านังเด็กนั่นลูกใคร บ้านช่องมันอยู่ที่ไหน ทำไมถึงได้หน้าด้านนัก” “ผมเจอตัวแล้วครับ เด็กคนที่เป็นเมียน้อยนายโต แล้วผมจะลองคุยกับเธอเองว่าจะยอมไปจากนายโตไหม แลกกับเงิน กับความสะดวกสบาย ผู้หญิงไม่มีอะไรเลยแบบนั้นมีหรือจะไม่เอา คุณแม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ” คุณกานดามองตามหลังบุตรชายที่เดินขึ้นห้องไป โล่งใจไปเปลาะที่ภีมออกตัวช่วยขนาดนี้  ก่อนจะนึกถึงบุตรรักต่อภีมนั้นภายนอกอาจดูสุขุมนุ่มลึก เป็นสุภาพบุรุษเต็มขั้น แต่ท่านรู้ดีแก่หัวใจว่าบทจะร้ายนั้นบุตรสาวที่ว่าร้ายนักหนายังไม่ได้เสี้ยวของพี่ชายเลยสักนิด

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
14.3K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.7K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
13.6K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
39.4K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
4.1K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook