การประชุมใหญ่เรื่องการประมูลสร้างตึกสูงระฟ้าอย่าง สเตท โอเชี่ยนวัน จบสิ้นลงในเวลาเที่ยงยี่สิบนาที ดังนั้นเดนนิสจึงชวนผู้ร่วมประชุมทุกคนไปฉลองกันที่ร้านอาหารชื่อดังที่อยู่ในโรงแรมหรูระดับเจ็ดดาวแห่งเดียวในประเทศไทย พเยียอยากจะไปใจจะขาดรอนๆ แต่ว่าที่ห้องพักเกิดเรื่องคือมีขโมยเข้าไปรื้อขนข้าวของ (ที่มีอยู่น้อยนิด) ทำให้หญิงสาวต้องชวดการอยู่ใกล้ชิดกับเจ้านายหนุ่มไปอย่างน่าเสียดาย
“ไอ้โจรบ้า ทำไมถึงต้องมางัดห้องฉันในวันนี้ด้วยนะ”
หญิงสาวนั่งบนพึมพำด้วยความเศร้าใจแกมเสียดายที่พลาดโอกาสการได้กินอาหารราคาแพงๆ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือการได้อยู่ใกล้ชิดกับเดนนิส นี่สวรรค์จะแกล้งหล่อนถึงขนาดนี้เชียวหรือ แค่มองห่างๆ ไม่ได้แสดงออกก็ไม่ยอมเชียวหรือ
“เสียดายจัง...”
พเยียที่ออกมานั่งอยู่หน้าห้องพักในยามที่พระอาทิตย์เข้านอนไปเกือบสองชั่วโมงแล้วถอนใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า กำลังขยับกายจะลุกขึ้นเพื่อกลับเข้าไปในห้องพักตามเดิม แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรถ เฟอรารี่ เอนโซ่[1] สีดำคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดเบื้องหน้า รถสวยๆ ราคาแพงแบบนี้เป็นใครไปไม่ได้หรอกนอกจาก...
เดนนิส โอซิล...!!!
“เจ้านาย...”
ความตกใจพอๆ กับความดีใจนั่นแหละ แต่หล่อนจะแสดงมันออกไปมากกว่านี้ไม่ได้ ใจเย็นเข้าไว้พเยีย เย็นไว้ เย็นให้เหมือนกับน้ำแข็ง และเมื่อการเต้นของหัวใจเข้าสู่โหมดปกติแล้ว สาวน้อยจึงรีบกระชับเสื้อคลุมตัวโคร่งที่สวมทับชุดนอนที่เป็นแบบกางเกงขายาวให้แน่นขึ้น
“ผมตั้งใจจะมาหาตั้งแต่หลังทานมื้อเที่ยงแล้วล่ะ แต่เผอิญติดลูกค้าด่วนก็เลยต้องมาค่ำมืดแบบนี้...”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มไม่ต่างจากพระเอกในละครโรแมนติกหลังข่าวดังชัดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเดนนิสก้าวลงจากรถและเดินมาหยุดตรงหน้า
“เอ่อ...”
ความหล่อของเขาทำเอาหล่อนพูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียวได้แต่เอ่อๆ อ่าๆ จนอยากจะตบกบาลตัวเองให้ผมกระจายนัก
“คุณเป็นยังไงบ้าง โจรมันได้อะไรไปบ้างหรือเปล่า”
ภาพสายตาคมกริบที่มองสำรวจใบหน้าและร่างกายของหล่อนทำเอาหญิงสาวอดแก้มระเรื่อไม่ได้ ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าที่เดนนิสแสดงท่าทางแบบนี้ก็เพราะไม่อยากเสียเลขาฝีมือดีแบบหล่อนไป ซึ่งเขาบอกหล่อนแบบนี้ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
“ไม่... เป็นอะไรค่ะ”
ในที่สุดก็สามารถพูดออกมาได้ รวมทั้งสามารถละสายตาจากใบหน้าของเขาได้สำเร็จด้วย ให้ตายเถอะ เมื่อไหร่นะถึงจะเลิกใจสั่นเวลาเห็นหน้าเจ้านายสุดหล่อคนนี้สักที
“ห้องของพเยียไม่มีของมีค่าอะไรอยู่แล้ว มีแค่ของใช้ธรรมดาค่ะ โจรมันเลือกผิดห้อง”
แกล้งหัวเราะออกมาซะงั้น ก็อยู่ต่อหน้าเดนนิสทีไร หล่อนอึดอัดทำอะไรไม่ถูกทุกทีนี่ อยากจะวิ่งกลับเข้าห้องพักเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“แต่ผมคิดว่าที่อยู่ของคุณไม่ปลอดภัยแล้วนะพเยีย...”
น้ำเสียงของคู่สนทนาหนุ่มหล่อจริงจังจนหญิงสาวต้องช้อนตาขึ้นมองสบกับสายตาสีฟ้าจัดคมกริบด้วยความประหลาดใจ
“หมายความว่ายังไงคะ พเยีย งง...”
“ก็หมายความว่าผมจะไม่ยอมให้คุณอยู่ที่นี่อีกต่อไปแม้แต่คืนเดียว คุณต้องย้ายไปอยู่ที่เพ้นเฮ้าส์กับผม...”
ถ้าแผ่นดินแยกแล้วสูบเอาร่างของหล่อนลงไปตอนนี้หล่อนยังรู้สึกดีกว่านี้เลย นี่จะบ้าเหรอ จะให้หล่อนไปอยู่กับเขาทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกันเนี่ยนะ แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ... แค่อยู่ห่างกันหล่อนยังรู้สึกอึดอัดกับหัวใจตัวเองถึงเพียงนี้ หากต้องอยู่ใกล้กันตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนนอน (แม้จะคนละห้องก็เถอะ) หล่อนจะทนเก็บความรู้สึกหวั่นไหวเอาไว้ได้หรือ
ไม่เอาหรอก ไม่มีทางไปอยู่กับเขาแน่ งั้นก็ปฏิเสธสิ พเยีย รีบปฏิเสธเขาออกไป เร็วเข้า ร้องสั่งตัวเองอยู่ภายในอกด้วยความวิตกกังวลใจ เพราะรู้จักนิสัยของเจ้านายหนุ่มดีว่าเป็นคนเอาแต่ใจแค่ไหน
“ไม่ได้นะคะ...พเยียไปไม่ได้”
“ทำไมไปไม่ได้ หรือว่าคุณอยู่กับแฟน” คำพูดของเขาทำเอาหญิงสาวต้องส่ายหน้าจนผมยาวที่ปล่อยสลวยไว้กลางหลังกระจัดกระจาย
“ไม่ใช่ค่ะ เจ้านายก็รู้ว่าพเยียยังไม่มีแฟน...”
“ไม่เคยมี...” เดนนิสต่อให้ด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า และนั่นก็ทำเอาพเยียอดค้อนตาใส่ไม่ได้
“อย่าล้อสิคะ น่าอายจะตายไป”
พ้อเสียงเบา ก่อนจะรีบตั้งหน้าตั้งตาปฏิเสธอีกครั้งเมื่อคิดได้ว่าตัวเองต้องยืนกรานเสียงแข็งเอาไว้อย่างเดียว เพราะถึงยังไงเดนนิสก็คงไม่คิดจะลดตัวไปฉุดกระชากเลขาสุดเชยอย่างหล่อนขึ้นรถให้เป็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์หรอกน่า
“แต่พเยียไปไม่ได้จริงๆ นะคะ พเยียเกรงใจ และอีกอย่างมันไม่สมควรด้วย เจ้านายอาจจะอึดอัดได้”
เดนนิสส่ายหน้ายิ้มๆ มองสตรีที่สวมแว่นหนาตรงหน้าอย่างเอ็นดู “ผมไม่อึดอัดหรอกน่า เพ้นเฮ้าส์ของผมใหญ่ยิ่งกว่าห้องพักของคุณร้อยห้องมารวมกันเสียอีก และไม่ต้องคิดว่าผมจะคิดอะไรไม่ดีกับคุณ เพราะผมเป็นสุภาพบุรุษพอ...”
“พเยียไม่ได้กลัวเรื่องเจ้านายจะทำอะไรหรอกค่ะ เพราะพเยียรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่แบบที่เจ้านายชอบ แต่ที่พเยียไม่อยากไปก็เพราะว่าพเยียไม่อยากไปสร้างความรำคาญใจให้กับเจ้านายน่ะค่ะ นะคะให้พเยียอยู่แบบนี้ของพเยียต่อไปเถอะ”
หญิงสาวพยายามอธิบายเหตุผลและขอร้อง แต่คนตัวโตแสนเอาแต่ใจไม่ยอมตกลงซะงั้น ทำเอาหญิงสาวถึงกับอึ้งไปนานเลยทีเดียว
“ห้ามปฏิเสธ ผมไม่ยอมให้คุณขัดคำสั่งอยู่แล้ว เร็วเข้า เข้าไปเก็บของ...”
“แต่ว่าเจ้านายคะ พเยีย...”
“ไม่มีแต่พเยีย ถ้าคุณไม่ไป ผมจะถือว่าคุณขัดคำสั่งของผม และผมก็จะมีสิทธิ์ไล่คุณออกจากการเป็นเลขาของผม เลือกเอาก็แล้วกันว่าชอบแบบไหน...”
เอาแต่ใจ เผด็จการ นี่แหละตัวตนที่แท้จริงของเดนนิส โอซิล เจ้านายรูปหล่อของหล่อนแหละ ให้ตายเถอะ แล้วนี่หล่อนจะทำยังไงดีนะ
“เจ้านายใจร้าย...”
“ผมทำไปเพราะหวังดีกับคุณนะพเยีย ผมไม่อยากให้เลขาของตัวเองขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์เพียงเพราะถูกโจรมันข่มขืนแล้วฆ่า...”
หญิงสาวถอนใจออกมาอย่างสิ้นหนทาง ก็ทางเลือกอื่นใดมันแสนจะมืดมนเหลือเกิน หล่อนคงต้องทำตามความต้องการของเดนนิส แต่ยังไงหล่อนก็ไม่ยอมไปคืนนี้หรอก ตามผู้ชายไปเพ้นเฮ้าส์ดึกๆ ดื่นๆ น่าเกลียดตายเลย ไม่เอาหรอก พรุ่งนี้ค่อยย้ายดีกว่า
“งั้นพเยียขอเวลาคืนหนึ่งนะคะ สัญญาว่าพรุ่งนี้จะย้ายไป...”
“ไม่ได้... ผมต้องพาคุณไปคืนนี้...”
“โธ่ เจ้านายคะ มันน่าเกลียด พเยียเป็นผู้หญิงนะคะ ตามผู้ชายไปแบบนี้ ใครรู้เข้าอายเข้าแย่”
สาวน้อยวัยเพียงยี่สิบสี่ปีพ้อด้วยความเป็นกังวลใจ แม้หล่อนจะเป็นกำพร้ามาตั้งแต่เกิด แต่หล่อนก็มีเพื่อนฝูงถ้าพวกนั้นรู้เข้ามีหวังถูกล้อข้ามปีแน่ๆ
แทนที่เจ้านายของหล่อนจะแสดงท่าทางเห็นใจหล่อนออกมาบ้าง ชายหนุ่มกลับระบายยิ้มพิลึกกึกกือออกมาซะอย่างนั้น เอ้... หรือว่าเขาจะไม่เข้าใจในสิ่งที่หล่อนพูด เมื่อคิดได้เช่นนี้ พเยียจึงตัดสินใจพูดซ้ำออกไปอีกครั้งหนึ่ง
“พเยียเป็นผู้หญิงไปค้างกับผู้ชายตามลำพังไม่ได้ค่ะ”
“บอกแล้วไงว่าที่เพ้นเฮ้าส์ของผมไม่มีอะไรน่ากลัว และสัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายว่าผมจะไม่ทำอะไรรุ่มร่ามกับคุณเด็ดขาด และเมื่อไหร่ที่ผมหาที่ที่ปลอดภัยสำหรับคุณได้แล้ว ผมจะให้คุณย้ายออกไปทันที ซึ่งมันก็ไม่น่าจะเกินสามสี่วัน”
[1] เฟอรารี่ เอนโซ่ (Ferrari Enzo) ถูกสร้างขึ้นในปี 2003 โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับ รถแข่ง Formula-1 (F-1) เช่น ตัวถังเป็น คาร์บอน ไฟเบอร์ ระบบการเปลี่ยนเกียร์แบบรถ F-1 จานเบรกทำมาจาก คาร์บอน เซรามิก และสิ่งที่เป็นไฮไลต์ของเจ้า เฟอรารี่ เอนโซ่ตัวนี้ก็คือ เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วสูง Spoiler ข้างหลังจะถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อให้ได้แรงกดที่พอเหมาะ ราคาประมาณ $1,000,000 หรือประมาณ 35,000,000 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 35 บาทต่อ 1 ดอลลาร์)