สามทุ่มเศษดินเนอร์ระหว่างเดนนิสกับพเยียก็สิ้นสุดลง ชายหนุ่มพาหญิงสาวนั่งรถมุ่งหน้ากลับมาสู่เพ้นเฮ้าส์ย่านชานเมืองของตัวเอง ระหว่างทางหญิงสาวก็มัวแต่พะว้าพะวงอยู่กับหนุ่มนัยน์ตาสีทองนามว่ามาร์คอส ขณะที่เดนนิสก็มัวแต่นึกแปลกใจตัวเองที่เลือกจะพาผู้หญิงแสนเชยที่แต่งตัวไม่ต่างจากป้าแก่ๆ สวมแว่นตาอันใหญ่แทนที่จะเป็นสาวสวย หุ่นสะบึ้มอย่างที่เขาเคยควงเป็นประจำมาดินเนอร์ ทำให้บรรยากาศภายในรถคันงามที่ราคาแพงมหาศาลถูกความเงียบกลืนกินเอาไว้จนหมดสิ้น
และเมื่อรถเฟอรารี่ เอนโซ่ ราคาแพงระยับแล่นผ่านสวนสาธารณะที่หล่อนได้นัดหมายเอาไว้กับหนุ่มหล่อเลือดบราซิเลี่ยน พเยียก็อดจะเหลือบตามองไม่ได้ และสิ่งที่ได้เห็นก็คือร่างของมาร์คอสยังนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ภายในสวนอยู่อย่างนั้น หญิงสาวยกมือขึ้นอุบปากปิดเสียงอุทานของตัวเองเอาไว้ในทันที ขณะหันมองมาร์คอสจนลับตา ความรู้สึกผิดถล่มทลายจนหัวใจพังยับเยิน
ทำไมเขายังรออยู่นะ... ทำไมเขายังอยู่ ความจริงเขาน่าจะจากไปแล้ว น่าจะไปตั้งแต่สิบนาทีแรกแล้วด้วย ทำไมถึงได้นั่งรออยู่แบบนี้ โธ่... มาร์คอส
“ที่สวนมีอะไรหรือพเยีย เห็นคุณทำท่าแปลกๆ”
“เอ่อ... พเยียเห็นคนที่ตัวเองรู้จักค่ะ ถ้าจะไม่เป็นการรบกวนเจ้านายมากนัก...”
น้ำเสียงของหญิงสาวแปร่งจนคนที่ทำหน้าที่เป็นสารถีอยู่ต้องละสายตาจากท้องถนนเปลี่ยนมาจ้องใบหน้าของเจ้าหล่อนแทนด้วยความแคลงใจ
“มีอะไรหรือ...”
“พเยียขอลงตรงนี้ค่ะ เจ้านายคะ มีคนรอพเยียอยู่...”
“ใคร? ใครรอคุณกันพเยีย บอกผมได้ไหม...”
ความเร็วของรถถูกชะลอลง และในที่สุดเดนนิสก็หักพวงมาลัยรถเข้าจอดที่ริมฟุตบาท พร้อมๆ กับหันมาจ้องหน้าของเลขาสาวเขม็ง
“เขาเป็นใคร...?”
“เป็นเพื่อนค่ะ พเยียนัดกับเขาไว้ แต่พเยียก็ผิดนัดกับเขา...”
น้ำเสียงของหญิงสาวเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ขณะที่มือบางรีบปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยให้ออกจากตัวด้วยอารามรีบเร่ง
“นี่แสดงว่าคุณมีนัดกับคนๆ นั้น แล้วผมก็มาลากคุณไปดินเนอร์อย่างนั้นหรือ” คิ้วเข้มยาวเป็นปื้นของเดนนิสเลิกขึ้นด้วยความประหลาดใจ
พเยียไม่ได้ตอบ แต่เลือกที่จะเปิดประตูและก้าวลงไปแทน “แล้วพเยียจะรีบกลับนะคะ ไม่เกินหนึ่งชั่วโมง”
เดนนิสฝืนใจพยักหน้า แม้เจ้าความรู้สึกไม่พอใจ ขัดเคืองใจจะทวีความรุนแรงมากขึ้นแค่ไหน แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าตนเองไม่มีสิทธิ์ที่จะก้าวก่ายในเรื่องส่วนตัวของพเยียมากเกินไปกว่านี้ หล่อนเป็นเลขา ไม่ใช่ภรรยาของเขาสักหน่อย เมื่อคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มจึงตัดสินใจพูดออกไป
“คุณโตแล้ว และผมก็คงห้ามอะไรไม่ได้หรอก” น้ำเสียงของเดนนิสแปร่งหูไปมากทีเดียว แต่พเยียก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจมัน
“ขอบคุณค่ะเจ้านาย...”
กำลังจะหมุนตัวมุ่งหน้ากลับไปยังสวนสาธารณะที่หล่อนเห็นมาร์คอสยังคงนั่งรอตัวเองอยู่ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเดนนิสพูดขึ้น
“คืนนี้ผมไม่ได้กลับเพ้นเฮ้าส์นะพเยีย หากคุณจะกลับขึ้นไปก็ใช้คีการ์ดสำรองที่ผมเคยให้เอาไว้ก็แล้วกันนะ”
จบคำพูดที่กระด้างแปร่งหู รถเฟอรารี่คันงามก็แล่นทะยานจากไปอย่างรวดเร็ว พเยียเป่าปากออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะรีบวิ่งและวิ่งมุ่งหน้าตรงไปยังสวนสาธารณะที่ตัวเองนัดหมายเอาไว้กับหนุ่มนัยน์ตาสีทองอร่ามอย่างรีบเร่ง ภาวนาให้เขายังรอหล่อนอยู่
“อย่าพึ่งไปเลยนะ รอฉันก่อน มาร์คอส...”
เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีอยู่ภายในกายถูกนำมาใช้จนหมดสิ้น หล่อนจะต้องไปถึงที่สวนสาธารณะนั้นให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้มีโอกาสเอ่ยขอโทษต่อหน้ามาร์คอส แม้มันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอกันก็ตามที
แม้จะมีแสงไฟจากโคมไฟกลมๆ ตามต้นเสาที่ทางราชการติดตั้งเอาไว้ แต่บรรยากาศก็ยังค่อนข้างมืดสลัวไม่น้อยเลยทีเดียว พเยียรีบสาวเท้าเดินตรงไปยังตำแหน่งที่ตัวเองเห็นมาร์คอสนั่งคอตกคอยอยู่เมื่อตอนที่นั่งรถผ่านมากับเดนนิส รีบเร่งด้วยอารามเร่งร้อน วอนขอให้เขายังคงรอตัวเองอยู่ตรงนั้น แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ล้มเหลวจนหมด เก้าอี้ไม้ตัวยาวที่มาร์คอสควรจะนั่งอยู่ตอนนี้ว่างเปล่า
รู้สึกเหมือนถูกดึงร่างให้จมลงไปใต้ทะเลน้ำแข็ง หัวใจเย็นเฉียบ ร่างกายชาหนึบไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะทรงตัวให้ยืนหยัดอยู่บนฝ่าเท้า น้ำร้อนๆ ซึมออกมาคลอที่ขอบตา ก่อนจะค่อยๆ ทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ด้วยความอ่อนล้า ความละอายใจ ความรู้สึกผิดประดังประเดเข้าใส่หัวใจท่วมท้น
“ทำไมไม่รอฉันนะมาร์คอส...”
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกผิดต่อหนุ่มตาสีทองมากมายถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่หล่อนกับมาร์คอสก็พึ่งได้เจอหน้ากันเพียงแค่ครั้งเดียว แถมเขายังทำรุ่มร่ามขโมยจูบแรกจากหล่อนไปอีก แต่ทำไมนะ ทำไมหล่อนถึงได้อาลัยอาวรณ์เขาถึงขนาดนี้
‘แม่หนูจะตกหลุมรักเขาเพียงแค่สบตา’
คำทำนายของแม่หมอไพ่ยิปซีแล่นกลับเข้ามาในสมองอีกครั้ง และมันก็ทำให้พเยียถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มือบางยกขึ้นทาบในตำแหน่งของหัวใจเอาไว้
“หรือว่ามาร์คอสจะเป็น...”
อ้าปากค้างกับความคิดที่พุ่งใส่สมอง สะบัดศีรษะแรงๆ จนเส้นผมดำขลับที่ถูกมัดไว้ด้วยยางหลวมๆ หลุดออกมาแผ่กระจายเต็มแผ่นหลัง
ไม่ ไม่ใช่หรอก มันก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นเอง คำทำนายพวกนั้นไม่มีทางเป็นจริงไปได้หรอก หล่อนไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองเอาไว้ ความวิตกกังวลถาโถมเข้าใส่อย่างมหาศาล หากคำทำนายนั้นเป็นความจริง อีกไม่นานหล่อนก็จะต้องพบเจอกับความเจ็บปวดอย่างนั้นหรือ
ไม่มีทาง หล่อนจะไม่ยอมให้ใครมาบงการชีวิตของหล่อนได้หรอก โชคชะตาก็แค่ชี้นำ แต่คนก้าวเดินคือตัวของหล่อนเอง ดังนั้นหล่อนจะไม่มีก้าวเข้าไปในหนทางที่จะทำให้ตัวเองเจ็บปวด หรือทุกข์ทรมานอย่างเด็ดขาด เท่าที่พบเจอมาในวัยเยาว์ก็มากมายเกินพอแล้ว
ภาพในวัยเด็กที่พยายามจะฝังให้มันจมอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจผุดขึ้นมาในสมองอีกครั้ง สภาพของเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ทุกคนแก่งแย่งแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อที่จะถีบตัวเองให้พ้นจากสภาพน่าสังเวชนั้น
หล่อนเคยถูกทำร้ายจากรุ่นพี่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหลายต่อหลายครั้ง แล้วก็มันทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ในหัวใจของหล่อนเสียทุกครั้งไป แต่เหตุการณ์ที่น่ากลัวที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเหตุการณ์ครั้งนั้น รุ่นพี่ต่างอิจฉาที่หล่อนสอบติดมหาลัยชื่อดังของรัฐบาลได้ และด้วยความริษยานี้ทำให้หล่อนถูกคนใจร้ายพวกนั้นจับโยนลงไปในสระน้ำข้างกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หล่อนว่ายน้ำไม่เป็น กำลังจะขาดใจตาย แต่ชะตายังไม่ถึงคาดมั้งเมื่อมีคนเดินผ่านมาและยื่นมือเข้ามาช่วยหล่อนเอาไว้ได้ทัน
เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้หล่อนตัดสินใจออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นไปใช้ชีวิตปากกัดตีนถีบเพียงลำพังกลางวันเรียนหนังสือ กลางคืนทำงาน จนในที่สุดก็สามารถเรียนจบและมีงานดีๆ ทำได้อย่างทุกวันนี้
สาวน้อยถอนใจออกมาด้วยความอ่อนล้า แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงของผู้ชายคนหนึ่งที่จำได้ติดหูว่าเป็นใครดังขึ้นเบื้องหน้า พเยียรีบเอามือออกจากใบหน้าของตัวเองทันที
“มาร์คอส...!”
กลีบปากเต็มอิ่มฉีกยิ้มกว้างออกมา รีบผุดลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาคนตัวโตที่ยืนอยู่ห่างไม่กี่ก้าวด้วยความดีใจยิ่งนัก
“ผมคิดว่าคุณจะไม่มาซะแล้ว...”
มือใหญ่สีแทนยกขึ้นเสยเส้นผมที่หล่นลงมาปิดหน้าผากกว้างนั้นด้วยความรำคาญ ก่อนที่เขาจะจ้องหน้าสาวแว่นเบื้องหน้านิ่ง
“ผมรอคุณมาเกือบสี่ชั่วโมง...”
“ฉันขอโทษ มาร์คอส ฉัน...”
เมื่อความรู้สึกผิดถล่มเข้าใส่หัวใจอย่างรุนแรง หญิงสาวจึงสะอึกสะอื้นออกมา ใช่สิ หล่อนผิด ผิดต่อผู้ชายคนนี้เหลือเกิน หล่อนรักษาสัญญาไม่ได้
“ฉันขอโทษนะคะ มาร์คอส...”
ยิ่งสภาพของเขาที่ดูอิดโรยแบบนี้ด้วยแล้วหล่อนก็ยิ่งรู้สึกผิดเหลือเกิน ผมยุ่ง เสื้อผ้ายับยู่ยี่ เขาคงจะต้องหนาวมากแน่ๆ ที่ต้องมานั่งตากน้ำค้างรอหล่อนอยู่แบบนี้
“ฉันละอายใจเหลือเกิน...”
หนุ่มหล่อชาวบราซิลระบายยิ้มออกมา “อย่าร้องไห้เลยครับ คุณไม่ได้ผิดนัดผมสักหน่อย เพราะถึงยังไงคุณก็ยังมาหาผม แม้ว่ามันจะช้าไปกว่าเวลานัดหมายหลายชั่วโมงก็ตาม”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงไม่ยอมขัดขืนเลยเมื่อมาร์คอสดึงร่างของหล่อนเข้าไปกอด แถมยังปล่อยให้เขาใช้ริมฝีปากร้อนผ่าวซับน้ำตาให้อีกต่างหาก
หล่อนอาจจะกำลังบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ปล่อยให้ผู้ชายแตะต้องเนื้อตัวได้ถึงขนาดนี้