ลอราชทักทายพร้อมรอยยิ้มนิดๆ แต่ได้รับเพียงสีหน้าบึ้งตึงกลับคืนมา ทำให้ชายหนุ่มอดขุ่นขวางในใจไม่ได้ ไม่เข้าใจเลยว่าการที่เขาโวยวายเพราะถูกกาแฟร้อนๆ หกรดมันผิดตรงไหน เหตุใดผู้หญิงคนนี้จึงได้แสดงกิริยาไม่ชอบหน้าเขาออกมาอย่างชัดเจนเช่นนี้ด้วย
“สวัสดีครับคุณน้ำอิง ชื่อเพราะจังเลยครับ เรียกผมว่าเคนก็ได้ครับ” คำชมของภูวดลเรียกรอยยิ้มหวานจากอิงลดาพร้อมคำขอบคุณที่หวานไม่แพ้กัน ทว่าคำขอบคุณดังกล่าว กลับสร้างความหงุดหงิดให้เกิดขึ้นแก่ลอราชโดยไม่มีเหตุผล
“คุณน้ำอิงที่พี่แจงเล่าให้ฟังว่าเคยมาฝึกงานกับบริษัท และถูกเรียกมาทำงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบใช่หรือเปล่าครับ” ภูวดลเอ่ยถามพี่สาวยิ้มๆ หลังจากสั่งอาหารสำหรับเขากับผู้เป็นเพื่อนเรียบร้อยแล้ว
“ใช่แล้วจ้ะ นอกจากจะมีผลการเรียนโดดเด่นแล้ว การทำงานก็เก่งไม่แพ้การเรียนเลยจ้ะ” อภิรดีกล่าวชื่นชมแล้วจึงมองไปทางชายหนุ่มอีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า
“แล้วหนุ่มหล่อสองคนนั่นเป็นใครหรือจ๊ะ ทำไมไม่มานั่งด้วยกัน”
“อ๋อ คนสนิทของไอ้เรน หรือจะเรียกว่าบอดี้การ์ดก็ได้ครับพี่แจง”
คำว่าคนสนิทที่เอ่ยออกมาจากปากของภูวดล เรียกรอยยิ้มกึ่งเยาะให้เกิดขึ้นบนริมฝีปากอิ่มของอิงลดาทันควัน
‘แค่ช่างภาพ ต้องมีคนคุ้มครองราวกับพวกเจ้าพ่อ คงจะเพาะศัตรูไว้เยอะล่ะสิท่า!’
ทว่าอากัปกิริยาของหญิงสาวหาได้รอดพ้นจากสายตาคมกล้าของลอราชไปไม่
“แหม เท่จังนะเรนมีบอดี้การ์ดด้วย” อภิรดีกระเซ้ายิ้มๆ
“คนมีบอดี้การ์ดส่วนใหญ่มักจะเป็นพวกทำงานไม่ค่อยจะโปร่งใส หรือเป็นพวกนักเลงไม่ใช่หรือคะคุณลอราช”
คำพูดที่เอ่ยถามออกมาตรงๆ ของอิงลดา ทำให้ภูวดลมองหน้าคนถามแวบหนึ่ง แล้วจึงหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทพลางหัวเราะหึ นึกอยากรู้นักว่าผู้เป็นเพื่อนจะตอบสาวเจ้าว่าอย่างไร ส่วนอภิรดีมองหน้าลูกน้องสาวอย่างสงสัย เพราะปกติเจ้าตัวไม่ใช่คนที่จะมาถามอะไรโพล่งออกมาเช่นนี้ เพราะถือเป็นการเสียมารยาท โดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งรู้จักอย่างลอราชด้วยแล้วยิ่งไม่น่ากระทำ!
“ใช่ครับ” ลอราชตอบเสียงเรียบสนิทแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก “ผมมีบอดี้การ์ดเพราะพ่อผมเป็นผู้ทรงอิทธิพล เอ่ยชื่อไปใครๆ ก็รู้จัก แถมกลัวกันหัวหด ดังนั้นศัตรูจึงมีเยอะแยะไปหมด ไปไหนมาไหนจึงต้องคอยระวังตัว แล้วไม่ได้มีแค่สองคนนะครับ ยังมีอีกเป็นสิบ”
คำพูดดังกล่าวแม้จะกึ่งประชด แต่ก็ไม่ได้เกินจากความเป็นจริงไปนัก เพราะพ่อเลี้ยงพูนลาภบิดาของเขาเป็นผู้ทรงอิทธิพลในแถบภาคเหนือกับอีสานตอนบนจริงๆ เท่านั้นไม่พอชายหนุ่มยังพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเหี้ยมๆ ระคนขู่ต่อไปอีกว่า
“ใครคิดจะเป็นศัตรูกับผมให้พึงระวังตัวไว้ให้ดีแล้วกัน เพราะคนอย่างผมเป็นประเภทจิกกัดไม่ปล่อยซะด้วย”
อิงลดาได้ยินถึงกับคอแข็งขึ้นมาทันทีและเผลอพูดออกมาเบาๆ “ป่าเถื่อน ไม่เห็นจะกลัวเลย” จากนั้นก็หันไปสนใจแก้วน้ำตรงหน้าโดยไม่ชำเลืองมองไปทางลอราชอีกเลย ทำให้ทั้งอภิรดีกับภูวดลต้องลอบสบตากันด้วยความสงสัยในปฏิกิริยาของคนทั้งคู่
“เอาละ พี่ว่าเรามากินอาหารกันดีกว่า” อภิรดีเอ่ยทำลายบรรยากาศที่มองแล้วแปลกๆ ขึ้น เมื่อบริกรนำอาหารที่สั่งมาวางให้บนโต๊ะ ทว่าหลังจากจัดการกับอาหารตรงหน้าไปได้สักพักเธอก็ต้องหันไปทางอิงลดา
“น้ำอิงจ๋า ทำไมต้องหั่นสเต๊กอย่างเอาเป็นเอาตายแบบนั้นด้วยล่ะจ๊ะ โกรธอะไรกับสเต๊กนั่นนักหนาเชียว”
เพราะท่าของอิงลดาที่กำลังหั่นสเต๊กนั้นเป็นไปตามที่อภิรดีพูดทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการจับมีดหรือการเฉือน
“ปละ เปล่าค่ะพี่แจง ก็มันเหนียวนี่คะ” คนกำลังตั้งหน้าตั้งตาหั่นสเต๊กหันมาปฏิเสธเสียงระรัวอย่างมีพิรุธ และพูดยังไม่ทันจบเสียงของลอราชก็เอ่ยแทรกขึ้นมา
“คุณอิงลดาอาจจะคิดว่าหน้าผมเป็นสเต๊กก็ได้มังครับ เลยหั่นไม่ยั้งแบบนี้” หางเสียงมีแววคล้ายเยาะเย้ยน้อยๆ จนอิงลดารู้สึกได้
“แล้วทำไมคุณน้ำอิงต้องคิดว่าหน้ามึงเป็นสเต๊กด้วยเล่า” ภูวดลถามเพื่อนด้วยความกังขา
“คุณอิงลดาอาจเกลียดขี้หน้ากูก็ได้ใครจะรู้ ใช่ไหมครับ” ลอราชหันไปถามเหมือนเป็นการตอกย้ำคำพูดของเขา เป็นผลให้คนถูกถามถึงกับอึ้ง เพราะจะตอบออกมาตรงๆ ก็ดูจะเป็นการเสียมารยาท เมื่อครู่ตอนเอ่ยถามโพล่งออกไปก็รู้ว่าเป็นการไม่เหมาะที่จะถามออกไปแบบนั้น
“น้ำอิงจะไปเกลียดขี้หน้าเรนได้ยังไงล่ะจ๊ะ เพิ่งพบกันครั้งแรก” อภิรดีเอ่ยขึ้น ทำให้อิงลดาได้ทีเชิดหน้าเล็กน้อย พูดออกไปด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“นั่นสิคะ ฉันจะไปเกลียดขี้หน้าคุณทำไมล่ะ”
คำพูดเน้นย้ำว่าเกลียด มีหรือคนที่ตั้งอกตั้งใจฟังอย่างลอราชจะไม่สะดุดหู จึงผุดรอยยิ้มหยันๆ ขึ้นที่เรียวปากหยักได้รูป
“ดีแล้วครับที่ไม่เกลียดขี้หน้าผม เพราะผมเชื่อคำสุภาษิตโบราณที่บอกว่าผู้หญิงเกลียดให้คิดว่าผู้หญิงรัก”
ดวงหน้าที่กำลังจะขยับยิ้มของอิงลดาหุบยิ้มในฉับพลัน รีบพูดปฏิเสธออกไปทันที “ไม่มีทาง”
“ผมจะคอยดูวันนั้น” ลอราชพูดเสียงเข้มพลางจ้องดวงหน้าสวยๆ ตาวาว ซึ่งคนถูกจ้องก็ไม่หลบตาเช่นกันในตอนแรก แต่ก็ต้องหลบในเวลาต่อมา เพราะทนกระแสร้อนแรงที่ส่งมาจากหน้าหนวดๆ นั่นไม่ไหว ก่อนเจ้าของดวงตาร้อนแรงนั่นจะหันไปทางอภิรดี
“ผมจำได้ว่าบริษัทของพี่แจงรับจัดงานอีเวนต์ ผมคงได้มีโอกาสใช้บริการ อยากรู้คุณอิงลดาจะทำงานเก่งเหมือนที่พี่แจงพูดอวดไว้หรือเปล่า” ลอราชพูดทิ้งท้ายในทำนองท้าทาย
“ได้เลยจ้ะเรน” อภิรดีพยักหน้าแล้วเบือนไปยังลูกน้องคนเก่งอย่างสงสัย เดี๋ยวคงต้องคาดคั้นเอาความจริงให้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเจ้าตัวกับเพื่อนสนิทของน้องชาย ส่วนคนถูกท้าเม้มปากแน่นแต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมา มีเพียงดวงตาคู่สวยเท่านั้นที่ฉายแววไม่ยอมแพ้ออกมาให้เห็น
“แต่ว่างานของเรนต้องทำประชาสัมพันธ์ด้วยหรือจ๊ะ” พี่สาวของภูวดลอดถามออกไปอย่างสงสัยไม่ได้ เพราะอาชีพช่างภาพไม่น่าต้องใช้บริการบริษัทของเธอเลยสักนิด
ภูวดลที่เก็บความสงสัยไว้ในใจกับปฏิกิริยาของเพื่อนไม่แพ้ผู้เป็นพี่สาวเป็นผู้ตอบแทน
“ครอบครัวของไอ้เรนทำไร่องุ่นครับพี่แจง ผลิตไวน์ชั้นดีออกจำหน่าย และที่สำคัญกำลังตีตลาดไวน์ของต่างประเทศอยู่ตอนนี้ นอกจากนั้นยังมีพวกโรงแรม รีสอร์ต ครบวงจรอีกด้วยครับ”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” อภิรดีพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“หวังว่าเราคงได้ร่วมงานกันนะครับคุณอิงลดา” ลอราชเอ่ยออกมายิ้มๆ ทว่านัยน์ตาคมดุไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย
“ด้วยความยินดีคุณลอราช” อิงลดาเชิดหน้าตอบ
ยิ่งเห็นภูวดลยิ่งสงสัย เพราะตามปกติ ผู้หญิงสวยๆ กับลอราชมักจะเป็นของคู่กันเสมอ แต่ทำไมคราวนี้เพื่อนเขากับสาวสวยตรงหน้า กลับทำท่าทางเหมือนเคยมีเรื่องอะไรกันมาก่อน เขาต้องถามข้อเท็จจริงจากอีกฝ่ายให้ได้